วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

พริกกะเกลือ



ตอนที่ 9



**หมอนุดลยอมรับกับตัวเองว่าชอบทรงวาด  และต้องการได้เธอมาเป็นแฟน  วันนี้พอคนไข้ที่มาทำฟันหมด  หมอก็ปิดคลินิกและมาหาทรงวาดที่สวนอาหารของเธอ  สองหนุ่มสาวนั่งคุยกันที่ซุ้มริมน้ำ

ทรงวาด คุณบูรฉัตรไม่มาเที่ยวอีกเหรอคะ
นุดล เขากลับกรุงเทพไปแล้วครับ
ทรงวาด เหรอคะมิน่าวันนี้คุณหมอถึงได้มาคนเดียว
นุดล ทำไมล่ะครับ  คุณวาดไม่อยากให้ผมมาคนเดียวหรือ
ทรงวาด เปล่าค่ะ
นุดล ผมมาคนเดียวจะได้มีโอกาสคุยกับคุณวาดตามลำพังไง

***หมอพูดยิ้มในตาเชื่อม ทรงวาดเขินจนแก้มแดง

ทรงวาด วาดเป็นคนคุยไม่สนุกนะคะ
นุดล ใครบอกผมชอบฟังคุณไม่ว่าจะเรื่องอะไร  ผมฟังสนุกทั้งนั้น
ทรงวาด คุณหมอก็พูดเกินไป
นุดล ผมพูดจริงๆ
ทรงวาด ไม่เอาแล้วค่ะ  คุณหมอจะทานอะไรเพิ่มไหมเดี๋ยววาดไปเอามาให้
นุดล ไม่แล้วผมอิ่มที่สุดแล้ว
ทรงวาด อิ่มอะไรกันคะ  คุณหมอเพิ่งสั่งผลไม้แค่จานเดียว
นุดล อิ่มอกอิ่มใจ  แค่ได้เห็นหน้าคุณผมก็กินอะไรไม่ลงแล้ว
ทรงวาด คุณหมอ

***ทรงวาดหลบสายตาที่เขามองเธออย่างไม่ปิดบังความรู้สึก  หญิงสาวเฉไฉมองเมินไปทางอื่น  หากแต่ในใจพองโตอย่างเป็นสุข  ที่เธอรู้ว่าหมอนุดลมีใจต่อเธอ  เหมือนที่เธอก็แอบมีใจต่อเขา  ความรักของทั้งคู่เริ่มแย้มบานตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นมา
***นันดาสอนไลลาให้พับนกตัวเล็กๆใส่โหล  แก้วตาถือจานใส่ขนมเดินเข้ามาหาลูกสาว

แก้วตา ทำอะไรลูก
นันดา อ๋อสอนไลลาพับนกค่ะแม่
แก้วตา พับทำไม  แม่เห็นหนูพับเอาไว้เยอะแยะไปหมดแล้ว
นันดา พับเอาไว้ให้เป็นของขวัญเพื่อนๆค่ะ  เวลามีเทศกาลหรือวันเกิด
แก้วตา โถลูกจะพับให้เพื่อน  แล้วมันจะคุ้มกันเหรอที่มานั่งพับกว่าจะได้แต่ละโหล
นันดา คุ้มสิคะ  อีกอย่างของพวกนี้เป็นของที่ทำด้วยความตั้งใจมันมีคุณค่ากว่าการซื้ออะไรให้ซะอีก  เพื่อนเขาได้ไปเขาก็ภูมิใจ
แก้วตา หนูเข้าใจคิดนะ
นันดา สมัยนี้หาอะไรที่มาจากการตั้งใจยากเย็นเต็มที  อะไรก็ถือเอาแต่ความสะดวกและเงินทองไปหมด
แก้วตา แม่เพิ่งรู้นะว่าลูกของแม่เป็นคนจริงจังและละเอียดอ่อนกับความรู้สึก
นันดา ก็นันรักเพื่อนนี่คะ  นันก็อยากให้ความจริงใจกับเพื่อน  ซึ่งมันก็แสดงออกจากสิ่งที่นันทำ

***แก้วตาอึ้งและกังวลในความรู้สึกเรื่องของเสริม  นันดามองแม่อย่างสงสัย

นันดา แม่คะ
แก้วตา  :  จ๊ะ
นันดา นันว่าแม่เหมือนไม่ค่อยสบายใจพ่อก็เหมือนกัน  มองนันแปลกๆ
แก้วตา ไม่มีนี่จ๊ะ  พ่อเขาห่วงหนูน่ะสิ
นันดา ห่วงนันทำไม  นันก็เรียนจบแล้ว  แล้วก็กลับมาอยู่กับพ่อกับแม่  เอ่อ....แม่คะ  นันจะขอไปกรุงเทพซักสองสามวัน
แก้วตา ไปทำไมหรือ
นันดา ไปช่วยคนกำลังเดือดร้อนหน่อยค่ะ
แก้วตา  ใคร  ใครกำลังเดือดร้อน
นันดา เพื่อนค่ะ  เขากำลังเดือดร้อนมาก  ต้องการให้นันไปช่วยเขา
แก้วตา ช่วยเรื่องอะไรไหนบอแม่มาซิ
นันดา ช่วยไปเป็นแฟนให้เขาหน่อย
แก้วตา ตายจริง
นันดา ยังไม่ตายค่ะแม่
แก้วตา นี่พูดอะไรทำเป็นเล่นไป  เราน่ะโตเป็นสาวแล้วนะ
นันดา ก็ใช่นันโตเป็นสาวแล้ว  แล้วก็สวยด้วย
แก้วตา ยายนันนี่อย่ามัวแต่พูดเล่น  เราจะไปช่วยอะไรเพื่อน
นันดา ก็ช่วยเป็นแฟน  นันพูดจริงๆ
แก้วตา อะไรแม่ฟังแล้วไม่เข้าหู
นันดา ไม่เข้าหูอะไรแม่ก็ได้ยินอยู่
แก้วตา นี่  ยายนัน
นันดา ค่ะๆ  นันไม่แหย่แม่แล้ว  แต่นันจะไปสมอ้างเป็นแฟนให้เพื่อนจริงๆนะคะ
แก้วตา เพื่อนคนไหนถึงให้เราช่วยเขาพิลึกอย่างนี้
นันดา ก็บูรไงคะ
แก้วตา ตาบูร  อ๋อ  ที่มานี่  มาขอให้เราเป็นแฟนเขาหรือไง
นันดา โธ่แม่  แม่ไม่เข้าใจหรอกนันกับบูรยังไงก็เป็นแฟนกันไม่ได้  นันรักบูรไม่ลงหรอกค่ะ  ไม่คิดจะรักด้วย
แก้วตา แล้วยังไง
นันดา ก็พ่อของบูรน่ะซี่  จะให้บูรหมั้นและแต่งงานกับคนที่เขาหาให้  บูรไม่อยากแต่งก็เลยให้นันไปอ้างตัวเป็นแฟนให้หน่อย
แก้วตา อ้อดีนะ  เข้าใจเล่น  แล้วใครเสียเราน่ะที่เสีย
นันดา ไม่เป็นไรนะคะ   ก็แค่อ้างตัวชั่วคราว   นะคะนันขอตัวไปกรุงเทพ
แก้วตา ไปบอกพ่อเขาก่อน
นันดา ค่ะแล้วนันจะบอกพ่อ  แม่เห็นหรือยังว่านันน่ะรักเพื่อนและรักษาสัญญากับเพื่อนแค่ไหน
แก้วตา สัญญาอะไร
นันดา ก็สัญญาว่านันจะไปช่วยเป็นแฟนกำมะลอให้บูรนะซีคะ

***นันดาไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เธอกำลังพูดมันตอกย้ำความรู้สึกของแก้วตามากแค่ไหน  เพราะเธอกำลังอยู่ระหว่างการรักษาสัญญาหรือว่าจะเป็นคนผิดสัญญา
***เสริมมาหาชินและแก้วตาอีกครั้ง  เพื่อมาขอคำตอบเรื่องสัญญาที่เคยมีต่อกัน  ชินกับแก้วตาอึดอัดจนพูดไม่ออก

เสริม ข้าคงมาสร้างความลำบากใจให้กับแกใช่ไหมวะชิน
ชิน เฮ้ย  ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก  เพียงแต่
เสริม ความจริงข้าไม่น่าจะมาพูดถึงไอ้สัญญิงสัญญานั่นเพราะเวลามันผ่านมานาน  ความเจ็บปวดอะไรมันก็เจือจางลงไปแล้ว
ชิน เสริม  แกอย่าพูดยังงั้นซิวะ  สัญญาก็คือสัญญาข้ากับแก้วไม่เคยลืม
แก้วตา ใช่  แก้วไม่เคยลืมจริงๆ ยังจำมันได้เสมอ
เสริม ถ้าเช่นนั้นแกก็คงจะรังเกียจลูกข้าที่มัน...
ชิน เปล่าๆๆ รังเกียจรังเกิดอะไรไม่มี

***ชินรีบพูด

เสริม : ถ้ารังเกียจก็ไม่รังเกียจ  สัญญาก็ไม่เคยลืมอย่างนั้นแกกับแก้วก็ยอมยกลูกสาวให้กับเจ้ารุจน์ลูกข้าใช่ไหม

***เสริมถามนัยน์ตาเป็นประกาย  ชินกับแก้วตาอึกอักพูดไม่ออก

ชิน เอ่อ....
เสริม ถ้าแกยอมยกลูกสาวให้ลูกชายข้านะ  ข้าจะทูนหัวให้สิ้น  สินสอดทองหมั้นเท่าไหร่จะไม่เกี่ยงเลย
ชิน คือ...
เสริม เป็นอันว่าแกกับแก้วยอม อย่างนั้นข้าจะกลับไปแล้วรีบหาเถ้าแก่ที่มีชื่อเสียงมาจัดการสู่ขอให้มันเป็นเรื่องเป็นราวแล้วแกจะเรียกเท่าไหร่ไม่ต้องเกรงใจเลยนะเพื่อน

***เสริมรีบตัดบทมัดมือชกและรีบลากลับ  ชินกับแก้วตาถึงกับลมจับทำอะไรไม่ได้  เสริมกลับไปแล้วพักใหญ่  ทั้งคู่ถึงได้ตั้งสติแล้วปรึกษากัน

แก้วตา ทำยังไงคุณ  เสริมเขาคิดว่าเรายกยายนันให้เขาแล้ว
ชิน จะทำยังไงล่ะ  คุณก็เห็นผมพูดออกซะที่ไหน  มันเล่นพูดฝ่ายเดียว
แก้วตา ตายแน่ๆ  ถ้ายายนันรู้นี่จะทำยังไงเรื่องมันไปกันใหญ่แล้วนะ
ชิน แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง  คุณเองก็พูดไม่ออกเหมือนกับผม
แก้วตา นี่เราจะต้องให้ลูกแต่งงานกับคนที่แกไม่ได้เลือกเองหรือคะ
ชิน ไม่รู้สิ  ผมคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น
แก้วตา โธ่เอ้ย  เพราะเราแท้ๆ ลูกถึงต้องมารับกรรม

***ในขณะที่สองผัวเมียกำลังเครียดสุดขีด  เสริมก็เอาข่าวดีมาบอกลูกชายจนถึงไร่ส้มของเขา

 เหมรุจน์ พ่อ....เข้ามาทำไมร้อนจนจะสุก
เสริม ก็เข้ามาหาแกน่ะสิ
เหมรุจน์ : เข้ามาหาผม  เดี๋ยวผมก็กลับบ้าน  จะต้องมาทำไม
เสริม:  จะไปรู้เรอะ  เดี๋ยวแกเกิดไม่กลับพ่อก็คอยเงกซิ
เหมรุจน์ : ไม่กลับแล้วจะไปไหนล่ะ
เสริม ไปไหน  แกไปไหนอยู่เรื่อยๆล่ะ
เหมรุจน์ : ไม่ไปไหนหรอกพ่อวันนี้ผมเหนื่อย  ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียเสร็จแล้วก็กลับบ้านนอน
เสริม เหนื่อยเรอะ  แล้วจะฟังข่าวดีไหวไหม
เหมรุจน์ : ข่าวดี  ข่าวดีอะไร
เสริม ก็แกเคี่ยวเชิญให้พ่อไปทำอะไรให้แกล่ะ

***เหมรุจน์ตาเป็นประกาย

เหมรุจน์ :  พ่อหมายความว่า
เสริม เออ  พ่อไปพูดกับอาชินอาแก้วของเอ็งมาแล้ว
เหมรุจน์ :  เขายอมยกนันดาให้ผมใช่ไหม
เสริม ก็ยอมน่ะสิ ไม่ยอมแล้วพ่อจะเอาข่าวดีอะไรมาบอกแกล่ะ
เหมรุจน์ : ฮะ... เสร็จฉันล่ะยายตัวดี
เสริม อะไรว้ะ  ใครเสร็จแก
เหมรุจน์ : เปล่า
เสริม เปล่าอะไรก็ได้ยินแกพูดอยู่
เหมรุจน์ : ก็เสร็จสิ้นกระบวนการขอลูกสาวเขาน่ะ
เสริม เสร็จอะไร  ยังโว้ยต้องหาเถ้าแก่ไปเจรจาเป็นทางการอีกครั้ง  แล้วค่อยนัดวันหมั้นหมายนัดวันแต่ง
เหมรุจน์ : พ่อจัดการไปเลยนะ  ถึงวันแต่งเมื่อไหร่ผมจะตั้งใจเป็นเจ้าบ่าวให้เต็มที่
เสริม แล้วแกจะไม่ช่วยพ่อจัดการอะไรเลยเรอะ
เหมรุจน์ :  จะต้องช่วยอะไรล่ะ  ผมไม่มีหน้าที่อะไรนี่
เสริม นี่แกพูดอย่างนี้ได้ยังไงวะ  แต่งงานแกนะไม่ใช่แต่งงานพ่อ
เหมรุจน์ :  ก็ใช่แต่งงานผม
เสริม ไอ้เจ้ารุจน์  พ่อว่ามันชักไม่ได้การแล้วมั้ง  ถ้าแกไม่ดูดีดูดำพ่อไม่จัดการอะไรให้แกทั้งนั้นทั้งหมดยกเลิก
เหมรุจน์ : ได้ไงพ่อผมไม่ยอมหรอก
เสริม ไม่ยอมแกก็ต้องจัดการเอง
เหมรุจน์ :  นะพ่อ  พ่อน่ะเป็นผู้ใหญ่รู้อะไรต่ออะไร  พ่อช่วยจัดการให้ผมนะ
เสริม แกนี่มันทำตัวไม่รู้จักโต  บางเรื่องพ่อช่วยได้พ่อช่วยแต่บางเรื่องแกต้องจัดการเอง
เหมรุจน์ : ก็ได้  จะให้ผมทำอะไรมั่ง  ก็บอกมาก็แล้วกัน
เสริม ดูมันพูดซิ  มันน่าไหม  ไอ้ลูกคนนี้

***เหมรุจน์ลำพองใจสุดๆทีนี้ล่ะเขาได้เป็นผู้ชนะนันดาชนิดหล่อนไม่มีวันกลับมาเอาชนะเขาได้อีกเลยตลอดชีวิต



 ........................................................................................

  


ตอนที่  10



***เหมรุจน์กระหยิ่มยิ้มย่องไปฉลองความสำเร็จที่เขาสามารถจะเอาชนะนันดาได้กับสุดาดวงโดยที่สุดาดวงไม่รู้เรื่องอะไรเลย

สุดาดวง วันนี้ท่าทางรุจน์มีความสุขจังนะคะ
เหมรุจน์ เหรอ  ท่าทางผมบอกยังไงล่ะ
สุดาดวง ก็รุจน์นั่งยิ้มอยู่ตลอด  มีอะไรพิเศษรึเปล่าคะ
เหมรุจน์ จะมีอะไรมีคุณอยู่ใกล้ๆก็วิเศษที่สุดแล้ว
สุดาดวง ปากหวาน  นี่จะบอกอะไรให้นะพ่อกับแม่ของดวงน่ะเริ่มบ่นแล้ว
เหมรุจน์ บ่นเรื่องอะไร
สุดาดวง ก็เรื่องดวงเป็นแฟนกับรุจน์น่ะซีคะ  พ่อบอกว่าไม่สบายใจที่เห็นดวงไปไหนมาไหนกับรุจน์บ่อยๆ
เหมรุจน์ ทำไมล่ะ  คนเป็นแฟนกันไปไหนมาไหนด้วยกันไม่เห็นจะเป็นเรื่องเสียหายอะไรนี่นา
สุดาดวง แต่ดวงไปค้างกับรุจน์แล้วสองสามครั้งพ่อรู้
เหมรุจน์ ดวงบอกใช่ไหมล่ะว่าไปค้างคืนกับผม
สุดาดวง ก็แหม  ดวงหายไปทั้งคืนบ่อยๆจะให้ดวงบอกว่าไปนอนบ้านใครล่ะคะ  รุจน์คะยังไงเราหมั้นกันไว้ก่อนดีไหมพ่อกับแม่จะได้ไม่ว่าอะไรดวง  ว่าดวงทำตัวเสียหายให้แกเสียชื่อ

***เหมรุจน์เงียบ  เขาจะหมั้นกับสุดาดวงได้ยังไงในเมื่อเขากำลังจะหมั้นกับนันดาในไม่ช้านี้และอีกอย่างเขาไม่เคยคิดจะแต่งงานกับสุดาดวงเลย  สุดาดวงคลอเคลียเซ้าซี้เหมรุจน์จึงตัดบท

เหมรุจน์ ให้ผมไปปรึกษากับพ่อของผมก่อนนะเรื่องนี้
สุดาดวง ทำไมต้องปรึกษาคะ  พ่อของรุจน์ก็รู้อยู่แล้วว่าดวงกับรุจน์น่ะมีอะไรกัน
เหมรุจน์ ดวงอย่าเร่งรัดผมสิ  มันเหมือนผมถูกบังคับให้ต้องรับผิดชอบนะ
สุดาดวง รุจน์อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ  ดวงไม่ได้เร่งรัดเพียงแต่อยากให้รุจน์มาหมั้นดวง  ดวงจะได้ไม่อายใครๆว่าเป็นแค่คู่ควงของรุจน์เท่านั้น

***เหมรุจน์ถอนใจอย่างชักจะหงุดหงิด

เหมรุจน์ กลับบ้านดีกว่านะวันนี้ผมเหนื่อยจังอยากนอนแต่วัน

***เหมรุจน์บอกแล้วเรียกพนักงานมาเก็บเงินค่าอาหาร  กำลังจะลุกออกจากโต๊ะหมอนุดลกับทรงวาดก็เดินเข้ามาพอดีหมอยิ้มทักเหมรุจน์

นุดล อ้าวรุจน์จะกลับแล้วเหรอ
เหมรุจน์ ครับผมมานานแล้ว

***สุดาดวงเกาะแขนของเหมรุจน์แจแล้วยิ้มหวานให้หมอกับทรงวาดหมอได้แต่ยิ้มให้   เมื่อเหมรุจน์กับสุดาดวงออกไปแล้วทรงวาดจึงคุยกับหมอ

ทรงวาด คุณรุจน์นี่เนื้อหอมเสน่ห์แรงจังเลยนะคะอย่างนี้นี่เล่าคุณปาถึงทนไม่ไหว
นุดล คุณรู้จักกับแฟนเก่ารุจน์ด้วยเหรอ
ทรงวาด รู้จักค่ะ  คุณปาชอบมานั่งที่ฟิชชิ่งบ่อยๆเธอบอกชอบเล่นสกีน้ำ  บางทีเราก็คุยกัน
นุดล ผมเห็นเธอไม่กี่ครั้งมารู้อีกที  อ้าว  กลับกรุงเทพฯไปซะแล้ว
ทรงวาด คุณดวงก็เข้าเสียบทันที  เรียกว่าหัวใจยังไม่ทันทำความสะอาดก็มีคนใหม่เข้ามาใช้สถานที่แล้ว

***หมอหัวเราะที่ทรงวาดว่าเหมรุจน์

นุดล คุณกลัวคนเจ้าชู้ใช่ไหม
ทรงวาด ไม่กลัวหรอกค่ะ
นุดล จริงเหรอ
ทรงวาด จริงซีคะ  เพราะวาดจะไม่คบกับคนเจ้าชู้แล้วจะต้องกลัวทำไม
นุดล แสดงว่าคุณดูผมออกว่าผมไม่เจ้าชู้คุณเลยยอมคบกับผม
ทรงวาด ค่ะ  วาดคิดว่าอย่างนั้นแต่ถ้าวันไหนคุณหมอออกนิสัยให้วาดเห็นวาดก็เลิกคบกับหมอค่ะ
นุดล อย่างนั้นคุณก็รอไปเถอะ  รอไปจนแก่เลยเพราะผมเป็นคนรักเดียวใจเดียว

***นันดาเที่ยวสนุกเพลินอยู่กรุงเทพฯโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังโชคร้ายจะได้คู่  เพราะทางนี้เสริมขอให้ ส.ส. ของจังหวัดไปเป็นเถ้าแก่พูดจาสู่ขอนันดาอย่างเป็นทางการ  ซึ่งมันเร็วซะจนชินกับแก้วตาตั้งตัวแทบไม่ทัน

เสริม หนูนันไม่อยู่เหรอแก้ว
แก้วตา ไม่อยู่หรอกค่ะเขาไปกรุงเทพฯ  แก้วน่ะอยากจะให้เขาได้รับรู้เรื่องนี้ซะก่อนไม่คิดว่าเสริมจะรีบร้อนส่งผู้ใหญ่มาเร็วขนาดนี้
เสริม อ๋อ  พอดีท่าน ส.ส. เขาว่างพอดีถ้าไปช้าเดี๋ยวเขาเกิดติดธุระมันจะนาน

***ทั้งสามคนคุยกันหลังจากที่ท่าน ส.ส. พูดเรื่องสู่ขอเสร็จและขอตัวกลับก่อน

ชิน หวังว่าคงแค่รีบขอเท่านั้นนะคงไม่ต้องรีบแต่ง
เสริม ทำไมล่ะแกห่วงอะไรขอแล้วยังไงก็ต้องแต่งข้าน่ะตั้งใจว่าจะไปดูฤกษ์ดูยามถ้าได้วีนดีในช่วงไหนก็จัดการซะเลยแต่งเร็วเราก็มีหลานได้อุ้มเร็วแกไม่ชอบหรือไงวะ
ชิน แต่ยายนันมันจะไม่พร้อม  ยังไงก็ขอเวลาเตรียมเนื้อเตรียมตัวหน่อยก็แล้วกัน  แล้วแต่งกันแล้วจะเอายังไงจะให้ใครปอยู่กับใครต้องตกลงกันก่อน
แก้วตา ใช่  แก้วอยากให้ยายนันอยู่กับแก้วเพราะเราพึ่งได้มาอยู่ด้วยกันไม่นานหลังจากที่เขาเรียนจบมานี่เอง

***แก้วตาบอก

เสริม แหม  ไอ้เรื่องนี้มันก็หนักใจนา  ฉันน่ะอยู่คนเดียวนะแม่แก้วถ้าเจ้ารุจน์มันไม่อยู่ด้วยแล้วฉันจะอยู่กับใครล่ะ  แม่แก้วยังมีเจ้าชินยังมีลูกชาย  เรื่องนี้ฉันขอเถอะนะขอให้หนูนันไปอยู่กับฉันเถอะ  บ้านที่ฉันอยู่ฉันก็ยกให้เป็นสินสอดของหนูนันแล้ว  ก็นึกซะว่าให้เขาได้ไปอยู่บ้านของเขานะ

***ชินกับแก้วพูดไม่ออกเสริมพูดก็มีเหตุผลเขาอยู่คนเดียวถ้าเอาลูกชายเขามาซะเขาก็ไม่เหลือใคร  และเสริมก็ยังใจกว้างยกบ้านพร้อมที่ดินที่เขาอยู่ให้เป็นสินสอดของนันดาซึ่งมูลค่าของมันไม่ใช่น้อยเลย  เกือบสามสิบล้านทีเดียว  และคงไม่มีใครใจถึงกล้สให้ถึงขนาดนี้
 ***เสริมเรียกสำเนียงมาคุยเรื่องจัดเตรียมห้องใหม่ที่จะใช้เป็นห้องหอของลูกชาย

เสริม แม่สำเนียงฉันจะรื้อห้องพักผ่อนข้างบนออกจะทำให้เป็นห้องเดียวกับห้องรับแขกห้องใหญ่
สำเนียง ทำไมล่ะคะ  ห้องใหญ่ๆยังมีอีกสองห้องจะทำเพิ่มทำไมกันคะ
เสริม จะทำเป็นห้องนอนใหม่ให้เจ้ารุจน์มัน
สำเนียง ห้องเดิมของคุณรุจน์ก็กว้างดีออก
เสริม ห้องหอจะไปเอาห้องเดิมที่มันเคยอยู่กับเมียเก่าได้ยังไง
สำเนียง นี่คุณรุจน์จะแต่งงานเหรอคะ
เสริม ก็ใช่น่ะสิ  ฉันน่ะส่งเถ้าแก่ไปสู่ขอผู้หญิงให้มันเรียบร้อยแล้ว
สำเนียง ตายจริง  อิฉันไม่รู้เรื่องเลยนะคะนี่
เสริม ก็รู้ซะนี่ไง
สำเนียง ใครกันคะที่จะมาเป็นเจ้าสาวของคุณรุจน์คุณสุดาดวงใช่ไหมคะ
เสริม ไม่ใช่หรอก  ถ้าแม่คนนั้นฉันคงไม่ต้องไปสู่ขอหรอก
สำเนียง แล้วใครกันคะ
เสริม หนูนันดาลูกสาวเสี่ยงชินไง
สำเนียง ต๊าย  เป็นคุณนันดาเหรอคะ
เสริม ตายอีกแล้วใครตาย  อุทานแต่ละทีไม่สร้างสรรค์ซะเลยนะแม่สำเนียง  ตาย  ตาย  ตาย ยัน   ช่วยจัดการให้ช่างเขามารื้อห้องทำห้องให้ด้วยก็แล้วกันแล้วเรื่องเฟอร์นิเจอร์ตบแต่งห้องถามเจ้ารุจน์มันว่ามันจะเอาแบบไหนให้มันเลือกเองเพราะมันอยู่มันใช้ของมัน
สำเนียง ได้ค่ะ  อิฉันจะจัดการให้เรียบร้อย  ว่าแต่คุณรุจน์จะแต่งเมื่อไหร่ล่ะคะ
เสริม ยังไม่รู้เลยต้องไปให้พระท่านดูฤกษ์ดูยามก่อน

***นุดลรู้เรื่องที่เสริมส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอนันดาแล้วถึงกับตกใจ

นุดล พ่อ  นี่ยายนันเขาคิดยังไงถึงยอมแต่งงานกับรุจน์
ชิน เขาจะนึกยังไงพ่อยังนึกไม่ออกเหมือนกัน
นุดล หมายความว่ายังไงกันครับ
แก้วตา ก็หมายความว่ายายนันยังไม่รู้เรื่องนี้นะซี่

***แก้วตาบอกลูกชายเสียงอ่อยนุดลถึงกับตาพอง

นุดล พ่อกับแม่นี่อย่าบอกนะ  ว่าจะบังคับให้ยายนันแต่งงาน
แก้วตา ดลฟังพ่อฟังแม่  พ่อกับแม่ไม่เคยคิดจะบังคับให้ลูกๆต้องแต่งงานหรือคลุมถุงชน
นุดล แต่รับหมั้นให้ยายนันโดยที่เจ้าตัวเขายังไม่รู้เรื่องนี่นะครับ
แก้วตา เรื่องมันยาวแม่จะเล่าให้ฟังนะ

***สองผัวเมียเล่าเรื่องแต่หนหลังทั้งหมดให้ลูกชายฟัง  นุดลอึ้งไปเมื่อฟังจบแต่เขาก็ไม่เห็นด้วยที่จะบังคับให้น้องต้องแต่งงานกับเหมรุจน์

นุดล :เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ที่เคยตกลงกัน  แต่สมัยนี้มันหมดยุคปิดหูปิดตาจับให้อยู่ด้วยกันแล้วนะครับ
แก้วตา จะให้แม่กับพ่อทำยังไงลุงเสริมเขาจัดการมาจนถึงขั้นนี้แล้วผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดก็มาพูดจาตกลง
นุดล ที่สำคัญรุจน์กับยายนันเขาไม่ได้รักกันเลย  คนสองคนที่ไม่มีความรักต่อกันแล้วมาแต่งงานกันมันทารุณนะครับ พ่อ  แม่
แก้วตา แม่รู้  แต่จะทำยังไงล่ะแม่กลุ้มเหมือนอกจะแตกแล้วนะลูก
นุดล ยายนันจะกลับมาเมื่อไหร่
แก้วตา พรุ่งนี้  เขาโทรมาบอกเมื่อเช้าว่าวันนี้จะไปเที่ยวพัทยาก่อน
นุดล แม่ดูสิครับ  เขายังไม่รู้เรื่องอะไรยังเที่ยวสนุกตามประสานี่ถ้าเขารู้ผมว่าคงอาละวาดบ้านพังแน่
แก้วตา แม่กับพ่อก็กลุ้มอยู่  นี่ดลช่วยแม่คิดหน่อยซิลูกว่าจะทำยังไงดี
นุดล จะทำยังไงได้ล่ะครับ  ก็ขึ้นอยู่กับยายนันแล้วล่ะ
ชิน พ่อน่ะไม่ต้องการบังคับจิตใจลูกแต่พ่อก็ไม่กล้าผิดคำสัญญาที่เป็นคนให้ไว้กับเค้า  มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ
นุดล ครับผมเข้าใจ  แต่ผมเข้าใจมันไม่มีประโยชน์ยายนันจะยอมเข้าใจด้วยไหมเพราะมันชีวิตของเขาทั้งชีวิต
แก้วตา ยิ่งพูดพ่อกับแม่ก็ยิ่งเป็นคนผิด  ผิดจนไม่มีหน้าไปพบกับยายนัน
นุดล แม่อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ  ถ้าบอกเหตุผลยายนันคงเข้าใจพ่อกับแม่บ้าง
แก้วตา แต่ถ้าเขาไม่ยอมแม่จะยอมเป็นคนเสียคำพูดแม่ทนไม่ได้ที่จะต้องทำให้ลูกมีชีวิตอย่างฝืนใจไปตลอดชีวิต
ชิน พ่อก็เหมือนกันยอมให้เขาตราหน้าว่าเป็นคนตระบัดสัตย์ยังดีกว่าให้ลูกต้องทนทุกข์ทรมาน

***ชินกับแก้วตาพูดอย่างตัดสินใจ

นุดล พ่อกับแม่ให้ผมเป็นคนบอกเรื่องนี้กับยายนันเองไหมครับ
แก้วตา ก็ได้  แม่ก็ไม่กล้าจะบอกเขาเหมือนกันเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง  แค่เห็นหน้าเขาก็คงพูดไม่ออกแล้ว

***แต่ก่อนที่นันดาจะกลับมาจากกรุงเทพฯนุดลไปหาเหมรุจน์ถึงบ้านก่อน

เหมรุจน์ หมอมีอะไรให้ผมรับใช้ถึงมาหาผมถึงบ้าน

***เหมรุจน์แกล้งถามเพราะเขารู้ว่าหมอนุดลมาหาเขาเรื่องอะไร

นุดล ผมอยากมาคุยกับคุณ  คุณว่างไหม
เหมรุจน์ ว่าง  เอาสิอยากคุยอะไรเชิญได้เลย
นุดล คุณคงรู้ว่าผมมาหาคุณเรื่องอะไร
เหมรุจน์ ก็พอจะเดาออกเพราะมันก็มีอยู่แค่เรื่องเดียวเรื่องที่ผมจะแต่งงานกับน้องของคุณ
นุดล คุณถูกพ่อของคุณขอร้องให้แต่งงานกับยายนันหรือเปล่า

***หมอนุดลก็ยังคิดว่าเหมรุจน์คงโดนพ่อบังคับให้แต่งงาน

เหมรุจน์ เปล่า

***หมอนุดลจ้องหน้าเมื่อเหมรุจน์ปฏิเสธ

นุดล เปล่า  คุณเต็มใจตามใจพ่อของคุณเหรอ
เหมรุจน์ คุณจะมาถามผมให้มันได้อะไรขึ้นมาหรือว่านันดาเขาใช้ให้คุณมาถามความรู้สึกผม
นุดล เปล่า  เรื่องนี้ยายนันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยเขาไปกรุงเทพฯหลายวันแล้วแต่คงรู้ในวันนี้แหละเพราะเขาจะกลับมาวันนี้
เหมรุจน์ ผมรู้แต่ว่าพ่อผม กับพ่อและแม่ของคุณเคยมีคำมั่นสัญญากันเรื่องจะให้รุ่นลูกผูกสัมพันแต่งงานกัน  และพ่อผมก็ขอทำตามสัญญาที่เคยมีต่อกันไว้
นุดล คุณรุจน์  สัญญานั้นถ้าทั้งคุณและยายนันไม่ยอมทำตามซะอย่างมันก็น่าจะจบกันไปไม่ต้องมีการฝืนใจกัน
เหมรุจน์ พ่ออยากให้ผมแต่งงานและผมก็พร้อมที่จะมีครอบครัวผมไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความต้องการของพ่อผม

***หมอนุดลขมวดคิ้ว  เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างเหมรุจน์จะยอมทำตามความต้องการของพ่อเขาในเรื่องนี้

นุดล แล้วคนรักของคุณล่ะ
เหมรุจน์ ผมยังไม่มีคนรักคงไม่ยากที่จะปรับตัวเข้ากับนันดาเมื่อเราอยู่ด้วยกัน
นุดล คุณพูดออกมาได้ยังไงว่าคุณยังไม่มีคนรักที่ผมเห็นคุณควงอยู่นั่น
เหมรุจน์ นั่นเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น  ไม่ผิดไม่ใช่เหรอที่ผมจะมีเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวของผม  หรือคุณไม่มี  ฝากคุณกลับไปบอกนันดาด้วยว่าผมยอมรักษาสัญญาให้กับพ่อของผมที่เคยตกลงไว้กับพ่อแม่ของคุณ  ส่วนเขาจะคิดยังไง...

***หมอนุดลรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเหมรุจน์เหมือนเขาจะบีบบังคับให้นันดายอมทำตามสัญญาของพ่อแม่




 ........................................................................................



ตอนที่11



***ข่าวการส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอผู้หญิงของเหมรุจน์รู้ถึงหูของสุดาดวงหญิงสาวถึงกับสั่นรีบแจ้นมาหาเหมรุจน์ที่บ้าน  สุดาดวงมาเจอกับเสริมที่นอนเล่นรับลมอยู่บนเก้าอี้โยกหน้าบ้าน
สุดาดวง : คุณพ่อ  ดวงเจอคุณพ่อก่อนก็ดีคุณพ่อช่วยบอกดวงมาซิว่าข่าวว่าคุณพ่อไปขอผู้หญิงให้รุจน์น่ะจริงไหม

***เสริมลุกขึ้นนั่งตั้งหลักรับมือกับแฟนลูกชาย

เสริม เอ่อ...ข่าว...ใครเป็นคนไขข่าวล่ะเร็วจังนะ
สุดาดวง จริงหรือเปล่าล่ะคะ
เสริม แล้วเธอได้ข่าวมาจากใครเล่า
สุดาดวง จากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งน่ะสิบอกว่าท่าน ส.ส. เจตน์ไปเป็นเถ้าแก่สู่ขอลูกสะใภ้ให้กับคุณพ่อ
เสริม เรอะ
สุดาดวง ไม่จริงใช่ไหมคะ
เสริม จริง
สุดาดวง กรี๊ด...........
เสริม โอ้ย...นี่แม่คุณจะบ้าหรือไงอยู่ๆตะโกนกรี๊ดออกมาฉันตกใจหมด  เดี๋ยวได้ช๊อกตายกันพอดี
สุดาดวง เป็นไปได้ยังไงคุณพ่อไปขอใครไม่รู้หรือคะว่าหนูเป็นเมียของรุจน์  รุจน์จะแต่งงานกับใครไม่ได้
เสริม อ๊ะ...ทำไมจะไม่ได้  ก็เค้าน่ะแหละที่เป็นคนให้ฉันไปสู่ขอผู้หญิงให้เขาเอง
สุดาดวง ไม่จริง  ไม่จริ๊งไม่จริง  รุจน์ไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาดรุจน์เขารักหนูแล้วจะไปขอผู้หญิงอื่น  ไม่เชื่อ  คุณพ่อจะบังคับรุจน์ให้แต่งงานน่ะสิใช่ไหม
เสริม นี่ๆๆแม่คุณอย่ามาโวยวายเอากับฉันเลยนะ  ถ้าอยากรู้ว่ามันจริงหรือไม่จริงไปถามเจ้ารุจน์มันเองไปมันอยู่ที่สวนของมันโน่นมันยังไม่กลับมา  ไปคาดคั้นถามเอากะมันเองเลยไปแล้วจะได้รู้ว่าจริงหรือไม่จริง
สุดาดวง แน่นอน  หนูต้องไปถามรุจน์อยู่แล้วแต่ถ้าคุณพ่อบังคับให้รุจน์แต่งงานกับผู้หญิงที่คุณพ่อหาให้หนูไม่ยอมเด็ดขาดคอยดู  เป็นยังไงก็เป็นกัน
เสริม เออ  จะเอายังไงก็เชิญเถอะ

***เหมรุจน์เตรียมตัวจะออกจากสวนส้มลูกน้องสามคนเดินตามเขาออกมาแล้วด้วย  สุดาดวงเดินหน้าคว่ำเข้ามาเหมรุจน์เห็นแต่ไกลจึงหันไปบอกลูกน้องที่เดินตามเขา

เหมรุจน์ กลับไปกันก่อนเถอะนะ
ลูกน้อง ครับนาย

***เหมรุจน์ยืนคอยสุดาดวงอยู่กับที่เขาเห็นท่าทางของหล่อนก็รู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น  นี่คงรู้เรื่องเขาไปขอนันดาแล้วล่ะซี

สุดาดวง รุจน์  รุจน์ขา

***สุดาดวงบีบน้ำตาก่อนจะถึงเขาซะอีก  เมื่อถึงตัวหล่อนก็โผเข้ากอดเขาร้องไห้

เหมรุจน์ นี่ดวงคุณร้องไห้ทำไม
สุดาดวง ดวงพึ่งรู้ว่าคุณพ่อของรุจน์ไปขอผู้หญิงให้รุจน์  ได้ยังไงกันคะแล้วดวงล่ะดวงเป็นเมียของรุจน์นะคะ
เหมรุจน์ ใจเย็นๆสิดวง  คุณร้องไห้ร้องห่มแล้วผมจะทำยังไงถูกล่ะ
สุดาดวง รุจน์ต้องไม่ยอมแต่งงานตามที่คุณพ่อของคุณบังคับนะคะอย่ายอม
เหมรุจน์ ดวงใครบอกคุณล่ะว่าผมถูกบังคับให้แต่งงาน
สุดาดวง ก็คุณพ่อไปขอผู้หญิงอื่น...หรือว่า
เหมรุจน์ เรื่องนี้เป็นเรื่องของผมนะ
สุดาดวง รุจน์นี่มันอะไรกัน  รุจน์อย่าบอกนะว่ารุจน์เต็มใจจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ถูกบังคับ
เหมรุจน์ ใช่ผมไม่ได้ถูกบังคับ  แต่เต็มใจหรือไม่มันเรื่องของผม
สุดาดวง แล้วดวงล่ะดวงเป็นเมียรุจน์นะ  รุจน์จะทิ้งดวงเหรอไม่นะคะ
เหมรุจน์ ดวง  เราก็ยังคบกันได้นี่
สุดาดวง อะไรนะ  รุจน์พูดอย่างนี้ได้ยังไง  รุจน์จะให้ดวงอยู่ในฐานะอะไร
เหมรุจน์ ฐานะเพื่อนที่รู้ใจผมยังไง
สุดาดวง รุจน์  รุจน์เห็นแก่ตัวมากนะที่พูดออกมาแบบนี้
เหมรุจน์ แล้วดวงจะเอายังไงหรือเราจะเลิกคบกัน
สุดาดวง ไม่นะ  ดวงรักรุจน์  ดวงรักรุจน์ที่สุด 

***สุดาดวงร้องไห้โฮกอดเหมรุจน์แน่น

เหมรุจน์ ดวงผมเองก็ชอบคุณนะ  แต่ถ้าดวงรับที่เราจะคบกันต่อไปไม่ได้เราก็ต้องเลิกกันซึ่งจริงๆผมก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นเลย
สุดาดวง ใจคอรุจน์จะให้ดวงเป็นเมียเก็บของรุจน์อย่างนั้นหรือคะรุจน์ไม่สงสารดวงเลยหรือ
เหมรุจน์ ดวง  ผมขอโทษ
สุดาดวง รุจน์ไม่แต่งงานไม่ได้หรือคะ หรือว่าผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ยอมดวงจะไปบอกเขาเองให้เขาเข้าใจเรา
เหมรุจน์ ไม่ได้หรอกดวงยังไงผมก็ต้องแต่งงานมันเป็นความตั้งใจของผม

***สุดาดวงร้องไห้อย่างเสียใจ

***ในขณะที่สุดาดวงเสียใจแทบคลั่ง  หมอนุดลผู้รับหน้าที่พูดเรื่องแต่งงานกับนันดาก็ชวนน้องสาวออกมานั่งให้อาหารปลาที่สระน้ำหลังบ้าน
นันดา พี่ดลมีอะไรจะปรึกษานันหรือเปล่า
นุดล เรารู้ได้ยังไงว่าพี่มีเรื่องจะปรึกษา
นันดา ก็เวลาพี่ดลจะคุยอะไรที่ค่อนข้างจะสำคัญที่ไรเป็นต้องชวนนันมานั่งที่นี่ทุกที
นุดล พี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพียงแต่อยากจะคุยกับนันกันแค่สองคนพี่น้องเรา
นันดา แล้วทำไมในบ้านคุยไม่ได้คะ  ต้องหาบรรยากาศด้วย
นุดล ไง  ไปเที่ยวกรุงเทพฯเจอเพื่อนๆเยอะไหม
นันดา ไม่ค่อยเจอใครแล้วล่ะค่ะ  เขาไปทำงานกันหมดส่วนใหญ่จะออกไปทำงานต่างจังหวัดกัน
นุดล ธรรมดาเรียนจบแล้วก็ทำงาน  แต่อย่างนั้นถือว่าโชคดีกว่าใครเรียนจบก็ได้กลับบ้านมาอยู่กับพ่อกับแม่
นันดา ค่ะ  แต่นันก็เพิ่งจะได้อยู่กับพ่อกับแม่  นันบอกตรงๆนะคะช่วงนี้เป็นช่วงที่นันมีความสุขที่สุดที่ได้อยู่ใกล้ๆพ่อกับแม่และก็พี่ดลด้วย

***นันพูดแล้วกอดเอวพี่ชายอย่างประจบนุดลลูบหัวน้องสาวอย่างสุดจะรักและเอ็นดูเธอเหลือเกิน

นุดล พี่ดีใจนะที่นันเป็นเด็กดีมาตลอดไม่เคยทำอะไรให้พ่อกับแม่ต้องผิดหวังและเสียใจมีความรับผิดชอบและดูแลตัวเองมาอย่างดี
นันดา คงเป็นเพราะครูที่โรงเรียนประจำที่นันเรียนเป็นคนหัวโบราณด้วยล่ะมังคะ  พี่ดลรู้ไหมครูจะกรอกหูนันกับเพื่อนๆทุกวันเรื่องความประพฤติของคนสมัยใหม่ว่าเป็นพวกหลุดโลกใจกล้า  หน้าด้าน  ร่านผู้ชายไม่อายคน  สนใจแต่เรื่องโซๆโตแต่ตัวหัวสมองฝ่อพ่อแม่มีกรรม
นุดล โอ้โฮ  ครูอะไรจ๊ะที่สอนได้เป็นกลอนขนาดนี้
นันดา คุณครูยุพินค่ะ  เป็นครูที่ปรึกษารุ่นของนัน  เสียดายที่แกลาออกก่อนที่นันจะจบ ม.6 หนึ่งปี  แกตามลูกชายของแกไปอยู่ต่างประเทศ  เนี่ยนันไม่ได้เจอแกมาหกปีกว่าแล้วคิดถึงแกจัง  ถึงแกจะขี้บ่นหัวโบราณแต่สมัยนี้หาคนแบบแกยากเต็มทีแล้ว
นุดล ไม่หรอก  ยังมีครูอย่างนี้อีกเยอะที่สั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนยึดมั่นในกรอบของศีลธรรมอันดีงามของสังคมบ้านเรา...แล้วบูรล่ะ  เขากับนันคบกันไปถึงไหนแล้ว
นันดา จะถึงไหนคะนันกับบูรน่ะเป็นเพื่อนซี้กันเราคบกันแบบเพื่อนได้เท่านั้นแหละค่ะ  เราเข้าใจกันมากกว่าใครๆ
นุดล นันบอกพี่ได้ไหมว่านันมีใครหรือยัง
นันดา อะไรกันพี่ดล  ทำไมถามนันอย่างนี้ล่ะคะนันเขินแย่
นุดล ทำไมต้องเขินพี่ก็อยากรู้ว่าน้องสาวคนสวยของพี่มีใครมาครอบครองหัวใจหรือยัง
นันดา ยังค่ะ
นุดล ไม่น่าเชื่อ  นันสวยอย่างนี้จะไม่มีใครมาจับจองหัวใจ
นันดา นันไม่ได้คุยนะคะ  คนมาชอบนันน่ะเยอะแยะแต่นันยังไม่ชอบใครซักคน
นุดล ถ้านันจะต้องแต่งงานตอนนี้นันจะยอมรับได้ไหม
นันดา คงไม่ได้หรอกค่ะ  เพราะนันยังไม่คิดจะแต่งงาน  เอ๊ะ  พี่ดลทำไมถามนันเรื่องนี้คะ
นุดล พี่จะเล่าอะไรให้นันฟัง
นันดา อะไรเอ่ย
นุดล เรื่องที่พี่จะเล่าเนี่ยเป็นเรื่องที่เกิดในรุ่นของพ่อและแม่

***นันดาทำตาโตขยับเข้ามาเท้าคางสนใจกับเรื่องที่พี่ชายจะเล่าให้เธอฟัง  นุดลมองหน้าน้องสาวแล้วตัดใจเล่า  เมื่อนุดลเล่าเรื่องที่ตั้งใจจะให้น้องรู้จบลงนันดาถึงกับอึ้ง

นุดล นัน  เรื่องนี้นันคิดยังไง
นันดา นันไม่ทราบ
นุดล นันว่าพ่อกับแม่เป็นคนผิดไหมที่เป็นฝ่ายไปให้คำมั่นสีญญากับลุงเสริมเอง
นันดา พี่ดล  ลุงเสริมเขาคงไม่คิดจะมาทวงสัญญากับพ่อและแม่ใช่ไหม  แล้วทำไมพ่อกับแม่ถึงเล่าเรื่องนี้ให้พี่ดลฟัง
นุดล พ่อกับแม่คงไม่เล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังแน่ถ้าลุงเสริมไม่มาทวงสัญญา
นันดา หมายความว่า

***นันดาหน้าตื่นตกใจ

นุดล เรื่องนี้ลุงเสริมมาคุยกับพ่อและแม่
นันดา ไม่นะคะ  นันไม่ยอมเป็นตายยังไงนันก็ไม่ยอม  ทำไมนันจะต้องมารับผิดชอบกับคำสัญญาที่ไร้เหตุผลบ้าบอแบบนี้ด้วย
นุดล นัน  พี่รู้ว่านันต้องคิดเช่นนี้และไม่ยอม  พ่อกับแม่ก็รู้และพร้อมที่จะตามใจนันโดยการถูกตราหน้าว่าตระบัดสัตย์ยอมแม้จะให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาสู่ขอนันชี้หน้าประนาม
นันดา อะไรนะคะ  สู่ขอ  ใครมาสู่ขอนี่มันเกิดอะไรขึ้น  เกิดอะไรขึ้นกันแน่

***นุดลบอกความจริงทุกอย่างกับน้องสาวนันดาถึงกับผุกลุกขึ้นยืนอย่างตกใจและคาดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะใหญ่โตถึงเพียงนี้แล้ว

นันดา นันจะไปพูดกับพ่อและแม่ให้รู้เรื่องพ่อกับแม่ทำอย่างนี้กับนันได้อย่างไรนันไม่ยอม
นุดล นัน  เดี๋ยว  ฟังพี่ก่อน  นันจะไปว่าพ่อกับแม่ไม่ได้นะ
นันดา ทำไมคะ  ก็พ่อกับแม่ไม่รักนันเห็นนันเป็นอะไรคิดจะยกให้ใครก็ได้โดยไม่นึกถึงจิตใจของนัน
นุดล เพราะพ่อกับแม่คิดถึงจิตใจของนันรักนันน่ะสิท่านจึงไม่กล้าพูดกับนันเอง  ท่านไม่กล้าพูดกับนันเพราะทนเห็นนันเสียใจไม่ได้
นันดา ต่ยอมยกนันให้คนอื่นได้
นุดล ถ้านันไม่ยอมพ่อกับแม่ก็จะไม่บังคับนันนะ  จะยอมยกเลิกและชดใช้ให้กับเขา
นันดา ชดใช้  ทำไมต้องชดใช้
นุดล ชดใช้หรือไม่พี่ไม่แน่ใจ  แต่พ่อกับแม่จะมองหน้าลุงเสริมและผู้ที่รับรู้กับเรื่องนี้อีกไม่ได้  พี่รู้ว่าพ่อกับแม่น่ะกลุ้มและเกลียดมากกับเรื่องนี้  พ่อกับแม่ต้องเลือระหว่าการเป็นคนตระบัดสัตย์กับความสุขของนัน  และพ่อกับแม่ก็คงจะยอมเลือกอย่างหลังเพราะท่านน่ะรักนันมากถ้านันไม่ยอมท่านไม่บังคับนันแน่

***นันดาอึ้ง  ในที่สุดหญิงสาวก็ผลุนผลันวิ่งจากนุดลไป  แก้วตากับชินคอยชะเง้อมองลูกชายหญิงที่ไปคุยกันอยู่ที่ศาลาริมสระน้ำและเห็นนันดาวิ่งเข้ามาในบ้าน

แก้วตา นันลูก

***นันดามองพ่อกับแม่สายตาของคนทั้งคู่ทำนันดาพูดอะไรไม่ออกและในที่สุดเธอก็หันหลัง  เดินลิ่วไปยังโรงจอดรถและขับรถออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว  นุดลเดินออกมาจากหลังบ้าน

ชิน ดล  น้องว่ายังไงมั่งลูก ลูกคุยกับน้องแล้วใช่ไหม
นุดล ครับ
ชิน เขาไม่ยอมใช่ไหม

***ชินถามลูกชายนุดลพูดไม่ถูก

ชิน ความจริงพ่อกับแม่น่าจะบอกปฏิเสธเขาไปเลยไม่ต้องรอให้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้พ่อผิดเอง

***ชินพูดอย่างตัดสินใจแล้วว่า ถ้านันดาไม่ยอมเขาจะยอมเสียคนเสียคำพูด ผิดคำสัญญา

นุดล แล้วนี่ยายนันไปไหนครับพ่อ...แม่
ชิน ไม่รู้ เขาคงโกรธมาก  ผลุนผลันขับรถออกไป
นุดล พ่อครับแม่ครับ  พ่อกับแม่ไม่โกรธยายนันใช่ไหมถ้าเขาไม่ยอม
ชิน ไม่หรอกลูกพ่อกับแม่จะโกรธเขาได้ยังไง  กลับรู้สึกผิดซะอีกที่ทำให้เขาต้องทุกข์ใจกับเรื่องนี้

***ทั้งสามคนได้แต่ทุกข์ใจ  ในขณะที่นันดาขับรถมายังบ้านของเสริมเธอจอดรถที่หน้าตึกจนเกือยจะชนกระถางต้นไม้ประดับแตกและลงจากรถหน้าตาเอาเรื่องเต็มที่ สำเนียงออกมา

นันดา ลุงเสริมอยู่ไหมป้า
สำเนียง ไม่อยู่ค่ะ
นันดา แล้วนายรุจน์ล่ะ
สำเนียง ก็ไม่อยู่เหมือนกันค่ะ  คุณนันจะมาหาคุณรุจน์เหรอคะคุณรุจน์เธอไปที่สวนค่ะคงจะอยู่ที่นั่น
นันดา แล้วลุงเสริมล่ะ
สำเนียง นายไปติดต่อช่างมาทำห้องค่ะ  คุณนันจะ...

***สำเนียงยังพูดไม่ทันจบนันดาก็หันหลังเดินไปขึ้นรถและขับออกไป

สำเนียง มีธุระอะไรหรือเปล่าแต่หน้าตาไม่ดีเลย

***สำเนียงบ่นเบาๆแล้วเดินเข้าบ้าน  นันดาขับรถไปหาเหมรุจน์ที่สวนส้มของเขา  เหมรุจน์กำลังคุมคนงานใส่ปุ๋ยต้นส้มเห็นนันดาขับรถเข้ามาจอดที่หน้าเรือนพักหลังเล็กเขารีบเดินออกมาจากสวนทันที

เหมรุจน์ มาถึงที่นี่เลยนะ  แม่ตัวดี

***เหมรุจน์กระโดดข้ามท้องร่องสวนและเดินเข้ามาหานันดาที่ยืนหน้าบอกชัดว่าพร้อมจะเอาเรื่องกับเขาแน่

เหมรุจน์ มีอะไรให้ผมรับใช้  ถึงมาถึงที่นี่คุณนันดา
นันดา ฉันจะมาตกลงกับนาย
เหมรุจน์ ตกลงเรื่องอะไรไม่ทราบ
นันดา นายไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง
เหมรุจน์ ก็ไม่รู้จริงๆเรื่องอะไรล่ะ  ว่าแต่จะยืนตากแดดอยู่ตรงนี้น่ะหรือเข้าไปนั่งคุยในร่มดีกว่ามั๊งเดี๋ยวแก้มขาวๆของคุณจะหมองซะหมด
นันดา ไม่ฉันจะคุยตรงนี้
เหมรุจน์ ไม่ผมร้อน  มีอะไรจะคุยก็ตามมาที่เรือนพักถ้าไม่มีก็เชิญคุณกลับได้เลย

***นันดากัดฟันกรอดกำมือแน่น  ในที่สุดเธอก็ต้องเดินมาที่เก้าอี้รับแขกหน้าเรือนที่เหมรุจน์เดินมานั่งรออยู่ก่อน

เหมรุจน์ เอ้า  มีอะไรก็ว่ามา
นันดา ฉันจะมาบอกนายว่าฉันจะไม่ยอมทำตามคำสัญญาบ้าบออะไรที่พ่อแม่ของฉันและพ่อของนายทำกันไว้
เหมรุจน์ อ๋อ  ที่แท้มาด้วยเรื่องนี้เอง  ผมรู้อยู่แล้วว่ามันต้องออกมาอีหรอบนี้แน่นอน
นันดา รู้แล้วก็ดี  นายช่วยบอกพ่อของนายด้วยว่าเรื่องแต่หนหลังมันควรจะจบลงไปได้แล้วคนรุ่นเราไม่ควรต้องมารับกรรมรับเวรอะไรด้วยกับคำสัญญาไร้สาระนั่น
เหมรุจน์ ผมก็เตือนพ่อของผมแล้วว่าอย่าไปคิดทวงสัญญากับคนไม่จริงใจอย่างพ่อกับแม่ของคุณเลย  ลมปากที่พ่นเอาไว้เพื่อจะหลอกให้คนที่รู้ไม่เท่าทันเขาเท่านั้นเอง  จะไปเอาความสัตย์อะไรกับคำพูดพร่อยๆเพื่อให้เพื่อนเชื่อไปได้ชั่วครั้งชั่วคราวล่ะจริงไหม
นันดา นายเหมรุจน์  นี่นายกำลังด่าพ่อกับแม่ฉันนะ
เหมรุจน์ เปล่า  ผมพูดความจริงต่างหากพ่อกับแม่ของคุณไม่รักษาสัญญาจะให้ผมชื่นชมยกย่องหรือไงผมน่ะนับถือคนที่มีศักดิ์ศรีและเกียรติเท่านั้นและเกียรติก็ต้องเกียรติที่แท้จริงไม่ใช่เกียรติจอมปลอมที่มีแต่เพียงคำพูด
นันดา นี่นายว่าพ่อกับแม่ฉันมีเกียรติจอมปลอมหรือไง
เหมรุจน์ หรือไม่จริง  คนตระบัดสัตย์ขนาดกับเพื่อนที่คบกันมานานแสนนานยังไม่จริงใจแล้วจะให้ผมคิดว่ายังไง
นันดา แต่ไอ้คำสัญญาเฮงซวยนั่นมันไร้เหตุผล
เหมรุจน์ ใช่ ไร้เหตุผล แต่ใครล่ะเป็นคนเริ่มมันขึ้นมาก่อนนี่ถ้าพ่อผมเป็นฝ่ายมีลูกสาวแล้วพ่อแม่ของคุณมีลูกชายผมอยากรู้นักว่าไอ้คำพูดนี้มันจะออกมาจากปากของคุณไหม
นันดา แล้วนายยอมเหรอนายโง่ที่จะให้เขาจับให้นายแต่งงานโดยที่ใจไม่ปรารถนาเลยหรือไง
เหมรุจน์ ยอม
นันดา ไอ้บ้า
เหมรุจน์ อ้าว  เรื่องอะไรมาด่ากันล่ะ
นันดา ก็นายมันบ้า  ยอมให้เขาจับแต่งงานเป็นควายให้เขาคลุมหัวชน
เหมรุจน์ ก็ผมไม่ต้องการให้พ่อของผมต้องถูกตราหน้าว่าหน้าด้านผิดสัตย์ตระบัดคำนี่นา
นันดา แต่ฉันไม่ยอมฉันน่ะเกลียดขี้หน้านายที่สุด  เกลียดยิ่งกว่าจิ้งจก...
เหมรุจน์ ตุ๊กแกไส้เดือนกิ้งกือ งู หนู หมูหมา ใช่ไหมล่ะ

***เหมรุจน์ต่อให้อย่างยิ่งอารมณ์ของหล่อน  นันดาแทบกรี๊ด

นันดา ฉันไม่ยอม  ถ้าต้องแต่งงานกับนายฉันยอมแห้งตายซะยังจะดีกว่า
เหมรุจน์ ก็เอาสิ  กลับไปเลยกลับไปนอนสบายใจว่ารวมหัวกันผิดคำสัญญาได้  หน้าหนาอยู่แล้วนี่ไม่เห็นต้องอายใครถ้าจะเบี้ยวอะไรใครสักคน
นันดา ไอ้บ้า  อย่ามาพูดอย่างนี้นะ
เหมรุจน์ จะพูด จะทำไม  มีลูกจะสอนลูกมีหลานจะสอนหลานจะสอนแหลนว่าให้ดูเอาไว้ไอ้คนที่มันไม่รักษาคำพูดตัวเองหน้าตาเป็นยังไง

***นันดาเชิดหน้าหล่อนทนไม่ได้ที่ใครจะมาชี้หน้าว่าพ่อแม่ของหล่อนว่าตระบัดสัตย์ผิดคำสัญญา


นันดา ได้ ฉันจะแต่งงานกับนาย  แล้วนายจะเสียใจที่คิดจะแต่งงานกับฉัน  นันดาพูดแล้วหันหลังเดินกลับไป  เหมรุจน์แทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่  นันดาวิ่งมาเจอปังตอซะได้แผลกลับไปแค่นี้เขาก็ทำให้หล่อนลงมาอยู่ในกำมือของเขาได้แล้ว แม่ลูกไก่ตัวงาม


                                                   ........................................................................................


ตอนที่12

แก้วตา : นัน หนูไปไหนมาลูก
นันดา : ไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ

***นันดาบอกแม่แล้วนั่งลงอย่างอ่อนแรง

แก้วตา : นัน แม่ขอโทษ แม่ตัดสินใจแล้วหนูไม่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่พ่อกับแม่ก่อเอาไว้หนูสบายใจเถอะนะ
นันดา : แม่คะ  นันยอมค่ะ  นันจะแต่งงานกับนายเหวนรกนั่น

***แก้วตาถึงกับตะลึงที่นันดายอมแต่งงาน

แก้วตา : นัน ลูกไม่จำเป็นต้องฝืนใจเพื่อพ่อกับแม่เลยนะลูก
นันดา : แม่คะ  นันขอทำหน้าที่ลูกที่ดีกับพ่อแม่สักครั้ง  แต่ต่อไปนันจะทำอ่ะอย่าว่านันนะคะ

***แก้วตาพูดไม่ออก  แม้เธอจะบอกลูกว่าไม่จำเป็นต้องยอมแต่งงานแต่นันดาก็ยืนยันว่าเธอพร้อม  ไม่มีใครรู้ว่านันดาทั้งทุกข์ใจและแค้นใจและที่สำคัญเธอรู้ว่าเหมรุจน์ต้องการจะเอาชนะเธอ  เมื่อนันดายอมแต่งงานทุกอย่างจึงดำเนินไปตามขั้นตอน  เสริมมาคุยกับชินเรื่องรายละเอียดและสินสอดที่จะมอบให้นันดา  ชินกับแก้วตาไม่ต้องการเรียกร้องอะไรอีกเพราะที่เสริมให้กับนันดาในตอนแรกก็มากแล้ว

เสริม : ข้าน่ะไม่มีลูกสาว  เครื่องเพชรเครื่องทองไม่เคยซื้อใหม่  มีแต่ของเดิมของกัลยาเขาก็ตั้งใจว่าจะมอบให้เป็นสมบัติของลูกสะใภ้ถ้าเจ้ารุจน์มันแต่งงาน  และข้าก็เอามามอบให้เป็นทองหมั้นหนูนันดา
ชิน : เสริมข้าพูดตรงๆนะ ความจริงไอ้เครื่องเพชรเครื่องทองพวกนี้ข้าไม่อยากได้หรอกแต่ถ้าแกจะมอบให้ในฐานะทองหมั้นข้าก็จะรับเอาไว้ให้ยายนัน แต่สิ่งที่ข้าอยากได้คือคำมั่นสัญญาหรือหลักประกันว่าเมื่อแกเอาลูกสาวของข้าไปแล้วจะไม่ให้ลูกชายของแกรังแกของของข้า
เสริม : เฮ่ย  ข้อนี้ข้ารับรองเลยจะไม่มีเหตุการณ์อย่างที่แกกังวลเป็นห่วงอย่างเด็ดขาด  เจ้ารุจน์น่ะถึงมันจะท่าทางนักเลงแต่มันไม่เคยรังแกผู้หญิงนะ
ชิน : เขาว่าเจ้ารุจน์มันเจ้าชู้นักหนา  ถ้าต่อไปมีเหตุให้ยายนันทนเจ้ารุจน์ไม่ได้ข้าจะเอาลูกสาวข้ากลับนะ
เสริม : แกกังวลมากไปหรือเปล่า
ชิน : กังวลสิ  เด็กมันไม่เคยรักกันข้ากลัวปัญหามันจะเกิดขึ้นเพราะฉะนั้นข้าถึงได้พูดกับแกเอาไว้ซะก่อนเพราะถ้าต่อไปข้าเอาลูกของข้ากลับแกจะได้ไม่มาว่าข้าได้

***เสริมต้องยอมให้สัญญากับชินและกลับมาคุยเรื่องนี้กับเหมรุจน์

เหมรุจน์ : โอ้โฮพ่อ  นี่ว่าที่พ่อตาแม่ยายของผมเขาเตรียมเอาลูกสาวคืนแล้วเหรอนี่
เสริม : เขาห่วงลูกของเขาน่ะสิ  เพราะฉะนั้นแกห้ามรังแกลูกของเขาถึงจะแต่งงานอยู่ด้วยกันแล้ว  ถ้าแกทำตัวประพฤตินิสัยไม่ดีเหมือนอย่างที่ผ่านมาแกก็มีสิทธิ์เป็นหม้ายโดนเขายึดเมียล่ะงานนี้ฃ
เหมรุจน์ : ฮึ...เอาลูกสาวคืนก็ได้  แต่ถ้าเกิดมีลูกผมคืนแต่แม่นะลูกไม่ให้
เสริม : แกจะบ้าเรอะ  พูดแบบนี้เขาไม่ใช่แม่หมานะโว้ย  ถึงจะเอามาทำลูกขยายพันธุ์แล้วคืนแม่ไป  พ่อบอกตรงๆนะว่าชักไม่แน่ใจว่าแกจะเอาเขาจริงจัง
เหมรุจน์ :  จะไม่จริงจังได้ยังไง  ขนาดยอมแต่งงานจริงซะยิ่งกว่าจริงซะอีก
เสริม : แกรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ  เจ้ารุจน์
เหมรุจน์ :  เขาสวยดี  ปาดแดง  แก้วแดง  หุ่นดี  ฤทธิก็มากผู้หญิงอย่างนั้นหายาก

***เหมรุจน์ตอบไม่ตรงคำถาม  ใครจะกล้าบอกว่าเขาคิดจะปราบคู่ปรับ  เหมรุจน์ชอบคนเก่งใจนักเลงไม่กลัวคน  แต่บรรดาผู้หญิงที่เขาเจอะเจอมามีแต่ใส่จริตอ่อนหวาน  และพร้อมที่จะซบอยู่แทบตักของเขาทุกคน  แสนงอน  ออเซาะและทำตัวนิ่ม  ผิดกับนันดาหล่อนไม่เคยมีท่าทางจะยอมอ่อนข้อให้เขาเลย  กล้าพูดกล้าทำและที่สำคัญเธอกล้าประกาศตัวเป็นคู่อริกับเขา  และเล่นงานเขาได้  บ้าบิ่นอย่างนี้เหมรุจน์ชอบและต้องการจะเอาชนะหล่อน  เขาอยากรู้ว่าฤทธิเดชของเจ้าหล่อน  จะมีมากอีกเท่าไหร่
***แก้วตานั่งดูไลลาพับดาวกับนกใส่โหลให้นันดา

แก้วตา  : เมื่อไหร่เจ้านายของเธอเขาจะพอซะทีกับดาวและนกพวกนี้นะไลลา
ไลลา : ทำไมละคะ  คุณนายไม่ชอบเหรอคะ
แก้วตา : เปล่าๆฉันเห็นตอนแรกๆ นันเขาก็พับเอง  แต่ตอนนี้กลายเป็นเธอเป็นคนพับคนเดียวแล้ว
ไลลา : คุณนันเธอก็พับค่ะ  แต่วันสองวันมานี้เธอหยุดไป

***แก้วตาเงียบรู้ว่าสาเหตุอะไรที่ลูกสาวหยุดทำของพวกนี้  ตั้งแต่ยอมรับปากแต่งงานกับเหมรุจน์นันดาก็เงียบไม่ค่อยพูดจาเท่าไหร่  นางไม่สบายใจเลยที่เห็นลูกไม่มีความสุขจะขอยกเลิกทุกอย่างซะแต่นันดาก็ยืนยันว่าไม่ต้อง  ให้เป็นไปตามสัญญาและความต้องการของลูกใหญ่

แก้วตา : คุณนันทำอะไรอยู่  ไลลารู้ไหม
ไลลา : นั่งวาดรูปอยู่ที่ศาลาริมน้ำค่ะ
แก้วตา : วาดรูปเหรอ  ไม่ยักจะรู้ว่ายายนันวาดรูปได้นะนี่
ไลลา : วาดเก่งด้วยค่ะ  คุณนันวาดรูปไลลาเหมือนเลยนะคะ
แก้วตา : งั้นฉันจะไปดูเขาหน่อย

***แก้วตาเดินออกมาหน้าบ้าน  เหมรุจน์ขับรถเข้ามาพอดี  ว่าที่แม่ยายยืนมองเหมรุจน์ลงจากรถและยกมือไหว้

เหมรุจน์ : สวัสดีครับคุณอา
แก้วตา : สวัสดีจ่ะ
เหมรุจน์ : คุณอาชินล่ะครับ
แก้วตา : ไม่อยู่หรอกจ่ะ ไปที่ร้าน  รุจน์มีธุระอะไรกับอาชินหรือเปล่าจ๊ะ  ถ้ามีเดี๋ยวอาโทรบอกให้ก็ได้
เหมรุจน์ : อ๋อไม่มีหรอกครับผมตั้งใจมาหาคุณนัน
แก้วตา : มาหายายนันเหรอคะ  ยายนันอยู่ในสวนหลังบ้าน  รุจน์เจ้ามานั่งในบ้านก่อนนะจ๊ะ  เดี๋ยวอาจะใช้ให้เด็กไปตามมาให้
เหมรุจน์ : ผมขออนุญาตไปหาเธอเองได้ไหมครับ
แก้วตา  : ได้สิจ๊ะ

***เหมรุจน์เดินไปหานันดา  แก้วตจาเข้ามาสั่งให้แม่บ้านจัดอาหารว่างเลี้ยงเหมรุจน์  เด็กรับใช้กับแม่บ้านคุยกัน
เด็กรับใช้ : ป้าแจ่มหนูเห็นคู่หมั้นคุณนันแล้วล่ะ  หล่อจังเลย  สมกับคุณนันยังกับกิ่งทองใบหยกแน่ะ
แจ่ม : เออ  ข้าน่ะเคยเห็นมาแล้ว
เด็กรับใช้ : แต่เขาว่าคุณนันไม่ได้รักหรอกนะป้า  ผู้ใหญ่น่ะจัดการให้
แจ่ม : เอ็งไปเอามาจากไหนรู้ดีนัก
เด็กรับใช้ : ก็หนูแอบได้ยินคุณนายกับคุณท่านพูดกันบอกว่าเห็นใจคุณนันที่ต้องมาทำเพื่อพ่อแม่
แจ่ม : เอ็งน่ะเงียบไปเลยแล้วอย่าริ  วิพากษ์วิจารอะไรเรื่องของเจ้านายห้ามสาระแนนะพวกเราไม่มีหน้าที่จำเอาไว้

***แม่แจ่มดูและสั่งให้ช่วยจัดอาหารว่างเร็วๆ  เพื่อจะได้เอาออกไปต้อนรับแขกของเจ้านาย
***นันดาพึ่งลงสีบนภาพวาดที่เธอวาดเอาไว้อย่างตั้งใจ  เหมรุจน์เดินเข้ามาเงียบๆและยืนมองหญิงสาวลงสีภาพอย่างชำนาญ  ภาพเด็กผู้หญิงหน้าน่ารักแต่ใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ขาดปะ  ผมผ้ารุงรังในมือถือแตงโมที่ผ่าซีกและกัดเอาไว้แหว่งแล้ว  ถ้าภาพนี้นันดาวาดขึ้นมาจากจินตนาการของเธอเอง  แสดงว่าในใจของเธอขณะนี้ไม่สงบแฝงด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้น  นันดารู้สึกว่ามีคนมามองเธออยู่ข้างหลัง  แต่คิดว่าเป็นไลลาจึงไม่สนใจคงลงสีภาพของเธอไปเรื่อยๆ  แต่ปากก็ถาม

นันดา : พับเต็มโหลแล้วหรือไลลา

***เงียบไม่มีเสียงตอบ  หญิงสาวจึงพูดอีก

นันดา : โหลนี้ตั้งใจให้ดีหน่อยนะ  เอาดวงเล็กๆและนกก็ตัวเล็กๆฉันจะเอาไปเป็นของขวัญวันเกิด  เพื่อนของฉัน  อาทิตย์หน้าฉันจะไปกรุงเทพ  กระดาษที่ซื้อเอามาไว้ไลลาก็ช่วยพับให้หมดเลยนะ  ฉันคงไม่มีอารมณ์จะพับอีกแล้ว

***ยังเงียบอีกนันดาจึงหันมอง  เหมรุจน์มองเธอยิ้มๆอยู่  นันดาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาจึงตกใจ  ผุดลุกขึ้นยืนทันที

นันดา : มาทำไม  นายมาฉันทำไม
เหมรุจน์ : อ้าวถามแปลก  ผมมาไม่ได้หรือไงที่นี่น่า
นันดา : มาได้แต่ฉันไม่อยากให้มา  ไม่ต้อนรับ
เหมรุจน์ : ไม่ต้อนรับว่าที่สามี  แล้วจะต้อนรับใคร

***เหมรุจน์พูดแล้วมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า  เสียตายโลมเลียยั่วเย้านันดาหน้าร้อนวูบวาบเผลอก้มมองตัวเองว่าแต่งตัวเรียบร้อยไหมแล้วแหว
นันดา : นี่ถ้านายคิดจะมาหาเรื่องฉันถึงที่นี่ล่ะก็ได้เลย อยากมีเรื่องแบบไหนว่ามา
เหมรุจน์ : จริงเหรอ  ว่าถ้าผมอยากมีเรื่องกับคุณแล้วคุณจะยอมมีเรื่องกับผม
นันดา : นายจะเอายังไง
เหมรุจน์ : ผมอยากจูบคุณมัดจำสักฟอด
นันดา : ไอ้บ้า  อย่ามาทะลึ่งกับฉันนะ
เหมรุจน์ : เปล่าเลย  ผมไม่เคยคิดทะลึ่ง แต่วันนี้ไม่รู้เป็นยังไงตั้งแต่เช้าผมนึกถึงแต่ปากแดงๆแก้มแดงๆของคุณน่ะ

***เหมรุจน์เดินเข้าหาช้าๆนันดาถอยกรูดหันมองหาอาวุธป้องกันตัว  เธอถือพู่กันอยู่ในมือกำมันไว้แน่น  เหมรุจน์มองพู่กันในมือของนันดารู้ทันว่าหล่อนจะใช้เป็นอาวุธเล่นงานเขาแน่  ถ้าเขาจู่โจมเธอแต่เหมรุจน์หัวเราะชอบใจที่เห็นนันดาตั้งท่ารับมือเต็มที่

เหมรุจน์ : นี่  คุณกลัวผมจะรังแกคุณเหรอ
นันดา : ไม่  นายกล้าดีก็ลองดู
เหมรุจน์ : ไม่เอาน่า  ทำไมคุณไม่ปรับตัวเข้าหาผมถึงยังไงคุณก็ต้องแต่งงานกับผมเป็นเมียของผมวันยังค่ำ  ทำตัวให้น่ารักให้ผมถูกใจไม่ดีกว่าหรือ
นันดา : ฝันไปเลย  นายฝันไปเถอะฉันแต่งงานกับนายก็แค่ยอมเข้าพิธีด้วยเท่านั้น  ฉันจะบอกให้นะนายจะไม่มีวันได้ครอบครองตัวของฉันเป็นอันขาด
เหมรุจน์ : ทำไม  จะฆ่าตัวตายในวันแต่งงานหรือยังไง
นันดา : เปล๊า  ฉันจะไปยอมเป็นของชายคนรักของฉัน  บางทีนะฉันจะเอาลูกติดท้องมาให้นายต้องเป็นพ่อซะด้วย

***เหมรุจน์ตาวาววับ  คิดจะมาแกล้งยั่วหล่อนกลับกลายเป็นว่าเขาเป็นฝ่ายถูกหล่อนปั่นหัวซะนี่
***เหมรุจน์กลับมาบ้านแม้จะรู้ว่าที่นันดาพูดนั้น หล่อนเจตนายั่วอารมณ์ของเขาแต่ความรู้สึกหวาดระแวงก็เริ่มจะมี  เขาเคยเห็นนันดาควงกับแฟนของหล่อนถ้าคำพูดที่หล่อนพูดมาในวันนี้เป็นความจริง  ใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายเสียใจเจ็บใจที่ต้องแต่งงาน  นันดาบอกว่าจะไปกรุงเทพฯหรือหล่อนจะไปหาชายคนรักของหล่อนจริงๆเหมรุจน์เริ่มพลุ่งพล่านหวาดระแวงนันดา




 ........................................................................................




ตอนที่13



***นันดาเดินทางมากรุงเทพฯเธอมาหาบูรฉัตร

บูรฉัตร : กลับบ้านไปไม่เท่าไหร่ก็มากรุงเทพฯอีก  คงเบื่อบ้านแล้วล่ะซี
นันดา : เปล่า  นันไม่เคยเบื่อบ้านนะบูร อยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนอยู่ที่บ้าน
บูรฉัตร : อ้าว  แล้วขึ้นมาทำไมหรือว่ามาทำธุระ
นันดา : มาหาบูรมาขอความช่วยเหลือจากบูร
บูรฉัตร : จริงเหรอ  เรื่องอะไรบอกมาเลยผมยินดีช่วยเต็มที่
นันดา : บูรช่วยเป็นสามีให้นันหน่อยสิ
บูรฉัตร : ฮ้า  นัน
นันดา : บูรอย่าทำท่ายังั้นสิคะ  นันพูดจริงๆนะ คราวก่อนนันช่วยเป็นแฟนให้บูรแล้วคราวนี้นันจะขอให้บูรเป็นสามีให้นันบ้าง
บูรฉัตร : เดี๋ยวเรื่องมันเป็นยังไงนัน เล่าให้ผมฟังหน่อยนะเพราะนันคงไม่คิดจะให้ผมเป็นสามีจริงๆของนันหรอกนะ

***นันดาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นของเธอให้บูรฉัตรฟังจนหมดและขอให้บูรฉัตรเล่นละครว่ามีความสัมพันธ์กับเธอให้เหมรุจน์เห็น

บูรฉัตร : นัน  เรื่องนี้ไม่ใช่จะมาทำเล่นๆกันได้นะ นันจะให้ผมเล่นละครเป็นสามีนันน่ะผมทำได้ แต่ผลที่มันจะตามมาไม่แค่คู่หมั้นของนันนะที่ได้รับผลกระทบ  พ่อแม่พี่น้องของนันเขาจะคิดยังไง  ผู้หญิงกับผู้ชายมันไม่เหมือนกันผมไม่เสียชื่อเสียงแต่นันน่ะเสียหายป่นปี้เลยนะ  กลายเป็นคนไม่บริสุทธิ์ในสายตาของคนทั่วไปยังไงมันก็ไม่ดี

***บูรฉัตรเตือนเพื่อนอย่างหวังดี

นันดา : แต่นันต้องการให้เขารังเกียจนันและไม่คิดมายุ่งมาแตะนัน  ให้เขายกเลิกการแต่งงานไปได้ยิ่งดี  นะ  บูรช่วยนันด้วย  นันคงตายแน่ๆถ้าต้องแต่งงานแล้วเป็นเมียของเขา
บูรฉัตร : ในเมื่อนันไม่รักแถมเกลียดเขาอย่างนี้แล้วนันยอมฝืนใจแต่งไปทำไม  ผมเชื่อนะว่าพ่อกับแม่ของนันไม่บังคับนันแน่ถ้านันปฏิเสธ
นันดา : ใช่ถ้านันจะปฏิเสธก็ได้  แต่เขาคงตราหน้าด่าพ่อกับแม่ของนันว่าเป็นคนตระบัดสัตย์ผิดสัญญา  เขาร้ายมากบูรไม่เห็นสีหน้าท่าทางของนายนั่นนันทนไม่ได้ นันจะทำให้เขาขอยกเลิกทุกอย่างเองหรือไม่ก็อยู่บนความอายไปเลย
บูรฉัตร : แสดงละครว่าเราเป็นอะไรกันมันก็แค่ช่วงที่ก่อนนันจะแต่งงาน  ถ้านันแต่งงานไปแล้วขืนผมเข้าไปวุ่นวายผมว่านันได้เผาศพให้ผมแน่  คงไม่มีใครยอมให้ผู้ชายอื่นเข้าไปยุ่งกับเมียของเขาหรอก
นันดา : เอาเถอะถึงตอนนั้นเราค่อยหาทางแก้ปัญหากันอีกทีแต่ตอนนี้บูรช่วยนันก่อน  นันขอร้อง
บูรฉัตร : ได้เพื่อเพื่อนช่วยไม่ได้ ได้ยังไง  จะให้ทำยังไงบอกมาเลยบูรฉัตรคนนี้ตีบทแตกอยู่แล้ว
นันดา : ไปมะขามหักกับนันและทำให้เขาเข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นแค่แฟนกันเท่านั้น
บูฉัตร : พ่อนันกับคุณดลเขาไม่เล่นงานผมซะก่อนนะ
นันดา : ยังจะกลัวกังวลอะไรล่ะ  เราแค่เล่นละครกันเท่านั้น
บูรฉัตร : มันก็ต้องกลัวสิ  คนที่เราไม่ต้องการให้เข้าใจผิดแล้วเข้าใจผิดไปด้วยผมนี่แหละจะแย่
นันดา : ดูบูรจะกลัวความเป็ฯแมนซะจริงๆนะ
บูรฉัตร : จะบอกให้นะ  ถ้าผมไม่ใช่ลูกชายคนเดียวในบ้านนะผมจะแปลงเพศให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยไม่ต้องทนทุกข์ทรมานฝืนความรู้สึกอยู่อย่างนี้
นันดา : บูร  บูรรู้ไหมบูรน่ะมีเสน่ห์  ในสายตาของผู้หญิงมาก  ถ้าบูรคิดจะรักผู้หญิงรับรองหาไม่ยากเลยคู่ควง
บูรฉัตร : พอเลย  หยุดพูดได้เลย  ถ้าคนที่รู้ใจผมที่สุดแล้วยังจะพูดแบบนี้ผมโกรธนะ
นันดา : เจ้าค่ะ  ไม่พูดอีกแล้ว  ว่าแต่จะไปมะขามหักเมื่อไหร่
บูรฉัตร : จะให้ผมไปเมื่อไหร่ล่ะ  แล้วแต่คุณนายจะบัญชา
นันดา : พรุ่งนี้เลยได้ไหม
บูรฉัตร : พรุ่งนี้เหรอ  ดีเหมือนกันกำลังอยากออกจากงานเก่าอยู่พอดี  ออกมันซะเลย
นันดา : เฮ้อ  นี่จะถึงกับเสียงานเสียการเพราะนันเลยเหรอ  ไม่ต้องถึงขนาดนั้นไม่ได้เหรอถ้าพ่อบูรรู้นันโดนด่าเป็นแน่
บูรฉัตร : พ่อน่ะเหรอจะด่า
นันดา : ทำไมถึงไม่ด่า
บูรฉัตร : ก็แกเป็นลมซะก่อนเลยด่าไม่ทัน
นันดา : ว๊า
บูรฉัตร : ไม่ต้องทำหน้าซีเรียสอย่างนั้นหรอก  ผมบอกกับพ่อเอาไว้แล้วว่าจะขอเปลี่ยนงานที่ทำเพราะผมไม่ชอบงานที่ทำมันฝืนใจ
นันดา : นันก็ว่าบูรทำได้ไม่นานอยู่แล้วงานนั้นมันเหมาะสำหรับคนชอบลุย  อย่างบูรทำได้ไม่นานหรอก

***สุดาดวงกลับไปชอกช้ำเสียใจซะหลายวันเมื่อรู้ว่าเหมรุจน์จะแต่งงานแต่เพราะหล่อนรักเขามากจึงยอมกลับมาคบกับเหมรุจน์อีกทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเสียเปรียบเขาแต่ฝ่ายเดียว  หล่อนมานอนค้างกับเหมรุจน์ที่บ้านของเขาอีก  เสริมถึงกับหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าสุดาดวงมานอนค้างกับลูกชาย

เสริม : นี่มันจะเอายังไงของมันวะไอ้ลูกคนนี้  หมั้นผู้หญิงจะแต่งงานอยู่ลอมล่อมันยังบ้าพาผู้หญิงอื่นมานอนค้างคืน  ถ้าฝ่ายเจ้าชินมันรู้หัวหงอกของข้ามีหวังถูกถอนจนโกร๋นแน่  โธ่เอ้ย
สำเนียง : นายท่านบ่นอะไรคะ

***สำเนียงถามเมื่อเห็นเสริมบ่นอู้อี้อยู่คนเดียว

เสริม : แม่สำเนียง  นี่ฉันจะทำยังไงดีหืมม์  ไอ้เจ้ารุจน์มันถึงจะปรับเปลี่ยนนิสัยซะทีเห็นไหมมันเอาผู้หญิงมานอนค้างคืนอีกแล้ว
สำเนียง : ค่ะ  อิฉันก็ว่าไม่ค่อยดีใกล้จะถึงวันแต่งงานแล้วยังไม่ยอมเลิกคบกับคุณดวง  มันจะมีปัญหานะคะนายท่าน
เสริม : มีแน่ถ้าฝ่ายโน้นเขารู้
สำเนียง : คุณดวงก็เหลือเกินขนาดเขาจะแต่งงานมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วยังไม่ยอมเลิก  นี่น่ะเป็นฝ่ายมาหาคุณรุจน์เองเลยนะคะแล้วก็ไม่ยอมกลับนอนค้างคืนด้วยเฉยเลย
เสริม : สงสัยต้องเรียกมาคุยกันแล้ว  ปล่อยไว้ฉันเสียคนแน่เพราะเจ้าชินกับแม่แก้วตาเขาห่วงเรื่องความเจ้าชู้ของเจ้ารุจน์มันอยู่ด้วย
สำเนียง : ก็ต้องห่วงสิคะ  เป็นอิฉันก็ห่วงไม่อยากให้ลูกสาวต้องไปนั่งกินน้ำตาต่างข้าวเพราะได้ผัวเจ้าชู้  อีกอย่างกิตติศัพท์ของคุณรุจน์น่ะใช่ย่อยซะเมื่อไหร่  อยู่แค่นี้ๆคุณชินกับคุณแก้วตาก็ต้องรู้อยู่แล้ว
เสริม : เฮ้อกลุ้ม...แล้วนี่ห้องเสร็จหรือยังฉันไม่ได้เข้าไปดูเลย
สำเนียง : ใกล้เสร็จแล้วล่ะค่ะ  วันนี้ช่างเขามาบุวอลเปเปอร์แล้วก็เปลี่ยนแอร์ใหม่  ส่วนเฟอร์นิเจอร์คุณรุจน์เธอบอกว่าให้อิฉันเป็นคนเลือกให้แต่ขอเป็นโทนสีเทาอมฟ้าสีเดียวกับวอลเปเปอร์ก็แล้วกัน
เสริม : แล้วทำไมมันไม่เลือกเอง  ใครจะใช้กันแน่แม่สำเนียงหรือมัน
สำเนียง : อิฉันว่า  น่าจะให้คุณนันเธอเป็นคนเลือกจะดีกว่านะคะเพราะเธอเป็นคนใช้ด้วย
เสริม : เคยบอกเขาไปแล้ว  แต่เขาให้เราจัดการไปเลย
สำเนียง : อิฉันก็เลือกไม่ค่อยถูก
เสริม : ถ้ามันยากนัก  ก็ให้ทางร้านเขาจัดเอาชุดที่มันดีที่สุดในร้านมาก็แล้วกันเรื่องราคาฉันไม่เกี่ยงอยู่แล้ว  แต่ว่าโทนสีก็ตามใจเจ้ารุจน์มัน
สำเนียง : อย่างนั้นก็ดีค่ะ  อิฉันจะได้สั่งให้ทางร้านเฟอร์นิเจอร์เขาจัดส่งมาติดตั้งให้เลย

***สุดาดวงเดินเกาะแขนเหมรุจน์ลงบันไดกันมาเสริมเรียกทั้งคู่ให้มานั่งคุยด้วย

เสริม : นี่เราสองคนมานี่  มานั่งคุยกับฉันหน่อย
เหมรุจน์ : มีอะไรเหรอครับพ่อ
เสริม : แกรู้ใช่ไหมเจ้ารุจน์ว่าเมื่อไหร่จะถึงวันแต่งงานของแก
เหมรุจน์ : รู้  ปลายเดือนนี้  อีกตั้งเกือบยี่สิบวัน

***เสริมหันมองสุดาดวงที่นั่งฟัง

เสริม : แล้วหนูล่ะ  ยังจะคบกับเจ้ารุจน์มันแบบนี้อีกหรือลุงว่าหนูจะเสียหายเสียเวลาเปล่านะ
สุดาดวง : ค่ะ
เสริม : ค่ะอะไร
สุดาดวง : ดวงยอมรับสภาพนี้ได้ค่ะ

***สุดาดวงพูดหน้าตาเฉย  เสริมถึงกับอึ้ง

เหมรุจน์ : พ่อผมขอไปส่งดวงก่อนนะแล้วเดี๋ยวจะกลับมาคุยกับพ่อใหม่  ไปเถอะดวง

***เหมรุจน์พาสุดาดวงออกไป  เสริมนั่งทำหน้าไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าคนสมัยนี้เขาจะทำอะไรกันจนคนรุ่นเขานึกไม่ถึง  ที่ว่าเดี๋ยวจะมาคุยด้วยของเหมรุจน์คือ  เย็นชายหนุ่มถึงได้กลับเข้าบ้านเสริมยังไม่ยอมรามือเพราะจะต้องพูดกับลูกชายให้รู้เรื่องก่อน

เสริม : ไอ้เจ้ารุจน์แกจะเอายังไง  ไหนแกร่ำร้องอยากจะแต่งงานแล้วยังเสือกประพฤติตัวอย่างนี้แกจะให้พ่อโดนอาชินกับอาแก้วเขาถอนหงอกพ่อหรือไง
เหมรุจน์ : พ่อ  ทำไมต้องโวยวาย
เสริม : โวยวายสิ  แกยังบ้าพาผู้หญิงเข้ามานอนในบ้านทั้งๆที่จะแต่งงานแล้ว
เหมรุจน์ : ดวงเขามาหาผมเองจะให้ผมไล่เขากลับไปหรือไง
เสริม : เออ  มันต้องไล่แล้วไม่ใช่ต้อนขึ้นห้องแกไปมั่วกับเขาถ้าเกิดเขาท้องไส้ขึ้นมาแกจะทำยังไง
เหมรุจน์ : ท้องอะไรล่ะพ่อ  ผมป้องกันชัวร์อยู่แล้วอย่างผมให้ท้องได้ก็เสียชื่อหมดสิ
เสริม : ป้องกัน  เออป้องกัน  พูดพร่อยๆเอาแต่ได้ถ้าเป็นแบบนี้พ่อว่าแกยกเลิกการแต่งงานซะดีกว่า  ถ้าแกยังรักสนุกสุดเหวี่ยงอย่างงี้ไม่ต้องแต่งงานมันหรอก  ผู้หลักผู้ใหญ่จะได้ไม่เดือดร้อนกับแก
เหมรุจน์ : คำก็ยกเลิกสองคำก็ยกเลิกก็เอาสิ  ถ้าพ่อคิดจะยกเลิกตอนนี้มันก็ยังไม่สายนี่
เสริม : ไอ้เจ้ารุจน์  นี่แกพูดยังงี้ได้ยังไงวะห๊ะ  พูดได้ยังไง  แกเห็นเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องล้อเล่นหรือเล่นขายของกันหรือไง  นึกอยากจะแต่งก็บอกให้ไปขอพอนึกอยากไม่แต่งจะมาบอกให้ยกเลิกเดี๋ยวพ่อหวดกะบาลแยกพับผ่าสิ
เหมรุจน์ : ก็พ่อเป็นคนพูดเอง  จะให้ยกเลิกผมเบื่อคำนี้เต็มทนแล้ว
เสริม : เบื่อก็ต้องแต่งถึงขั้นนี้ถ้าแกไม่แต่งได้เห็นดีกันแน่  หนอยจะมาทำเป็นเด็กเล่นขายของเบื่อก็ต้องแต่งถึงขั้นนี้ถ้าแกไม่แต่งได้เห็นดีกันแน่  หนอยจะมาทำเป็นเด็กเล่นขายของ
เหมรุจน์ : พ่อก็อย่าบ่นผมนักสิ  ผมอยากมีความสุขก่อนจะแต่งงานเรียกว่าใช้ชีวิตโสดให้คุ้มค่าก่อนสละโสดใครๆเขาก็ทำกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ
เสริม : กลัวมันจะไม่ใช่แค่นี้ก่อนแต่งงานน่ะสิสันดานคนเจ้าชู้ถ้ามันหยุดได้ก็ดีน่ะสิวะ  กลัวมันจะฝังเข้าไปในกระดูกแกะไม่ออก  แล้วทำให้ผู้ใหญ่ต้องเดือดร้อนใจในภายหลังและคนอื่นเขาก็ต้องมามีเวรกรรมเพราะแกด้วย
เหมรุจน์ : ถ้าพ่อจะหมายถึงว่าที่เจ้าสาวของผมล่ะก็  พ่อไม่ต้องห่วงหรอกคนเก่งอย่างนั้นไม่น่าห่วงซักนิดผมจะบอกให้
เสริม : เออ  พ่อจะภาวนา  ขอให้เขาปราบแกให้อยู่หมัดแต่ก็ไม่แน่นะถ้าแกแต่งงานแล้วมีความประพฤติแย่ๆ  จนเขาทนไม่ได้เอขาอาจจะเฉดหัวแกออกจากบ้านหลังนี้ไปเลยก็ได้

***เหมรุจน์หัวเราะ  เสริมถึงกับพยักหน้าช้าๆ

เสริม : เออ  แกหัวเราะไปเลย  ถ้าคิดว่าพ่อพูดเล่นล้อแกเล่นก็หัวเราะไปเลย
เหมรุจน์ : เขาน่ะรึจะกล้าไล่ผมออกจากบ้านหลังนี้
เสริม : แล้วทำไมเขาจะต้องไม่กล้าวะก็บ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของเขา
เหมรุจน์ : พ่อพูดอะไรเมาหรือเปล่านี่น่ะบ้านเรานะ
เสริม : ใช่มันเคยเป็นบ้านของเรา  แต่ตอนนี้พ่อยกให้เป็นสินสอดหนูนันเขาไปแล้ว
เหมรุจน์ : พ่อ...ว่าอะไรนะ  พูดใหม่ซิ
เสริม : สินสอดน่ะบ้านหลังนี้พ่อใช้เป็นสินสอดขอเมียให้แก
เหมรุจน์ : ห๊า...พ่อ  พ่อเพี้ยนอะไรหรือเปล่านี่พ่อเอาบ้านหลังนี้ยกให้นันดาเป็นค่าสินสอดมันจะเป็นไปได้ยังไง
เสริม : ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ก็พ่อยกให้เขาไปแล้วโอนให้เมื่อวันที่เอาขันหมากไปหมั้นเขาแกคิดว่าพ่อจะไปขอหมั้นเขามือเปล่าหรือไง

***เหมรุจน์ลงนั่งหมดแรงพูดแบบแทบไม่อยากหายใจ

เหมรุจน์ : แล้วพ่อให้อะไรเขาอีก
เสริม : ก็มีโฉนดที่ดินกับบ้านหลังนี้  แล้วก็เครื่องเพชรเครื่องทองของแม่แกทั้งหมด
เหมรุจน์ : พ่อทำอย่างงี้ได้ยังไง  สมบัติพวกนี้มันของผมนะบ้านหลังนี้ราคาตั้งยี่กว่าล้านที่ดินอีกเครื่องเพชรเครื่องทองผมอีกแลกกับยายแมงป่องจอมแสบนั่นน่ะนะผมไม่ยอม
เสริม : แกจะไม่ยอมได้ยังพ่อให้เขาไปแล้ว  แกอยากไม่ยอมจ่ายเงินส่วนของแกและพ่อก็บอกแล้วว่า  ถ้าแกไม่ให้พ่อจะเอาสมบัติของแกไปหมั้นเขาไม่ใช่ไม่บอก
เหมรุจน์ : นี่พ่อไม่รักผมเลยเหรอ  ถึงเอาสมบัติส่วนของผมไปยกให้เขาจนหมด
เสริม : นี่เจ้ารุจน์ของเมียหรือของผัวมันต่างกันตรงไหนวะ  อีกหน่อยหนูนันเขาเป็นเมียแกสมบัติทุกอย่างแกก็ยังมีสิทธิ์อยู่เหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนจากชื่อของแกเป็นชื่อของเขาแทนก็เท่านั้น

***เหมรุจน์เหงื่อตก  นี่พ่อช่วยแม่มดตะนอย เอวเล็กเล่นงานเขาหรือเปล่านะ  โอยจะเป็นลมตาย


 


 ........................................................................................





ตอนที่  14



***บูรฉัตรมากับนันดาและแวะหาหมอนุดล   เขาขอพักกับหมดนุดลไม่ไปพักที่บ้านหลังใหญ่  สำหรับหมอก็ยินดีเพราะไม่รู้ว่าบูรฉัตรคิดกับเขาแบบไหน

นุดล : ทำไมไม่ไปพักที่บ้านที่นั้นน่ะสบายกว่าตั้งเยอะ
บูรฉัตร : พักที่นี่ดีกว่าจะได้คุยกับนุดลด้วย
นันดา : ใช่  พี่จะได้พาบูรเขาเที่ยวสะดวกไง

***นันดามองหน้าพี่ชาย  และบอกบูรฉัตรก่อนจะพยักหน้า

นันดา  ตามใจ  แต่นี่นันขอเตือนก่อนนะบูร  นี่น่ะพี่ชายของนันนะ  นันหวงนะจะบอกให้

***นันดาพูดบูรฉัตรยิ้มปุเลี่ยนๆในขณะที่หมอนุดลไม่เข้าใจความหมาย  จึงว่าน้องสาว

นุดล : กลัวบูรเขาจะพาพี่เที่ยวหรือไง    เข้าใจผิดแล้วพี่ต่างหากจะพาคุณบูรเที่ยว  รับรองพี่จะทำหน้าที่เจ้าถิ่นไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย
นันดา : นันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นซะหน่อย  เอาเถอะค่า  เชิญตามสบายแต่เย็นนี้พี่ดลต้องเลี้ยงข้าวมื้อเย็นนันนะคะ  และก็ไปต่อเทคกันด้วย  นันอยากไปเที่ยว
นุดล : อะไร  กลับมาจากกรุงเทพ  แต่อยากเที่ยวเทค  ไปถึงกรุงเทพแล้วทำไมไม่เที่ยวซะให้มันหายอยาก
นันดา : เที่ยวกรุงเทพไม่มีคนจ่าย   เที่ยวที่บ้านเราดีกว่าพี่ดลเป็นเจ้ามืออยู่แล้ว
นุดล : พูดง่ายนักนะเรา  ก็ได้ก่อนแต่งงานพี่จะพาเที่ยวให้หนำใจ  แต่ขอบอกก่อนนะ  ถ้าแต่งงานแล้วห้ามมาขอให้พี่พาเที่ยวนะ
นันดา : พี่ดลอย่างพูดถึงเรื่องแต่งงานได้ไหมคะ  นันไม่อยากฟังไม่อยากได้ยิน

***นันดาพูดหน้างอขึ้นมาทันที
***นันดาควงบูรฉัตรไปเที่ยวทุกวัน  เพื่อต้องการให้เหมรุจน์เห็นและก็ได้ผล  ในตอนเย็นวันหนึ่ง  เหมรุจน์กับเพื่อนๆไปเที่ยวกัน  ในผับชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัด  นันดา  หมอนุดล  บูรฉัตร  ทรงวาด  ก็เข้าไปเที่ยวเหมือนกัน  เมื่อนันดาเห็นกลุ่มของเหมทรุจน์เธอก็เริ่มแสดงละครโดยป้อนหาให้บูรฉัตรบ้างนั่งซบไหล่บ้างจนหมอนุดลถึงกับมองน้องสาวตาโต

นุดล : ยายนันทำอะไร  เห็นไหมโต๊ะโน่นน่ะคู่หมั้นของเราเขามาด้วยนะ
นันดา : ค่ะนันเห็นแล้ว
นุดล : เห็นแล้ว ??
นันดา : นันจะทำให้เขาเห็นน่ะสิคะพี่ดล  อยากให้เขาเห็นใจจะขาด
นุดล : จะเล่นอะไรของเรา
บูรฉัตร : นันเธอไม่ได้เล่าให้นุดลฟังก่อนเหรอ

***บูรฉัตรถามเพื่อน

นันดา : เดี๋ยวกลับไปค่อยเล่าตอนนี้ทำตามแผนของนันก่อนเถอะ
นุดล : แผนอะไร

***นุดลถามน้อง

นันดา : เถอะค่า  พี่ดลอย่าเพิ่งรู้เลย  นันบอกแล้วไงเดี๋ยวกลับแล้วจะเล่าให้ฟัง

***เพื่อนของเหมรุจน์สะกิดให้เหมรุจน์หันมองไปทางโต๊ะของหมอนุดลกับนันดา

เพื่อน  : ไอ้รุจน์นั้นคู่หมั้นแกใช่ไหม
เหมรุจน์หันมอง
เหมรุจน์ :   ใช่
เพื่อน : มากับพี่ชายและใครอีกล่ะดูเขาสนิทกันจัง

***เหมรุจน์หันมองนันดาเอาแก้วเบียร์ป้อนให้บูรฉัตรดื่มทำเป็นไม่รู้ว่าเหมรุจน์กำลังมอง  แต่หมอนุดลชักหนาวๆร้อนๆทรงวาดเธอก็ยิ้มไม่ค่อยออกซะแล้ว
นุดล : ยายนันรุจน์เขามองเธออยู่นะ

***หมอพูดเบาๆ

นันดา : เหรอคะ

***นันดาเอียงซบไหล่บูรฉัตร  ซึ่งบูรฉัตรก็เก่งเอามือโอบไหล่หล่อนทำท่าสนิทสนมสุดสวีท  หมอนุดลหน้าตึงนึกโมโหน้องสาวเพราะไม่เข้าใจ

นุดล : นันดาพี่จะกลับแล้วนะเพราะท่าทางเธอจะเมาแล้ว
นันดา : เดี๋ยวสิคะพี่ดลนันยังไม่ได้เมาซะหน่อย  เนอะคุณวาดเนอะ  นันเพิ่งดิ่มไวน์ไปแค่สองแก้วเอง

***นันดาพูดและหันไปทำท่าทางคลอเคลียกับบูรฉัตร

นุดล : ไม่พี่จะกลับแล้วเธอก็ต้องกลับด้วย

***นุดลพูดแล้วเรียกเด็กมาเช็คบิล  เมื่อลุกออกจากโต๊ะนันดากอดเอวบูรฉัตร  ส่วนบูรฉัตรก็โอบไหล่พากันเดินตามนุดลกับทรงวาดออกมา  บูรฉัตรกระซิบถามนันดา

บูรฉัตร : นี่  ผมจะถูกกระทืบไหมหืมม์  นัน
นันดา : บ้าใครจะมากระทืบบูร
บูรฉัตร : ก็ที่นั่งตาเป็นฤาษีจ้องเราอยู่ไง  ผมเสียวจะโดนตีนจัง
นันดา : เขาไม่กล้าหรอก

***นันดากระซิบบอกพอพ้นออกจากผับ  นันดาก็เดินตัวปลิวส่วนบูรฉัตรก็คอยเดินหันหลังมองว่ามีใครตามมาอัดเขา
ไหม  ส่วนหมอนุดลรีบเดินคว้าแขนน้องสาว  ถามอย่างไม่พอใจ

นุดล : ยายนันเราทำอย่างนั้นทำไม  รู้ไหมรุจน์จ้องเธอตาแทบไม่กระพริบแล้วยังพวกเพื่อนๆเขาอีก
นันดา : รู้สิก็เพราะเขาจ้องนันถึงได้ทำ
นุดล : นี่เราเจตนาทำให้เขาเห็นหรือไง
นันดา : ใช่สิคะ นันน่ะคอยโอกาสนี้มาหลายวันแล้ว  เพิ่งจะสำเร็จก็คืนนี้
นุดล : เราทำยังงี้ทำไม  เขาจะคิดยังไงที่เราแสดงพฤติกรรมเช่นนี้กับบูรมันไม่ดีเลยนะ  เราน่ะจะแต่งงานอยู่วันสองวันแล้วมาทำแบบนี้ให้เขาเห็น  ดีนักหรือไง
นันดา : ดีสิคะ  ดีมากด้วย
นุดล : ยายนัน
นันดา : นันเล่าให้คุณดลเขาฟังเถอะ  คุณดลน่าจะโกรธใหญ่แล้ว

***บูรฉัตรบอกเพื่อน

นุดล : เล่าอะไร

***นุดลเสียงเขียว

นันดา : พี่ดลอย่างเพิ่งโกรธนันซิคะ  นันเป็นน้องพี่ดลนะ
ทรงวาด : คุณดลใจเย็นๆสิคะ

***ทรงวาดช่วยพูดแต่นุดลโมโหแล้ว

นุดล : พี่น่ะอายคนอายรุจน์เขานะเราจี๋จ๋ากับบูรต่อหน้าพี่  เขาจะคิดยังไงคิดว่าพี่รู้เห็นกับการกระทำของเธอด้วย
นันดา : พี่ดลนันตั้งใจให้เขาเห็นเพราะนันต้องการให้เขารังเกียจนันไม่คิดมาแตะต้องนัน  พี่ดลเข้าใจไหม
นุดล : บ้าน่ะสิ  คิดอะไรบ้าๆ
นันดา : ไม่บ้า  อีกไม่กี่วันนันก็ต้องแต่งงานกับเขา  นันไม่ต้องการเป็นเมียเขานันเกลียดเขา เกลียดๆ

***นันดาเสียงดังนุดลจ้องน้องสาว

นุดล : ก็เลยวางแผนโง่ๆนี่ขึ้นมากลับบูรใช่ไหม
บูรฉัตร : คุณดลคือนันเขา...

***บูรฉัตรพูดอึกอัก

นันดา : ใช่นันวางแผนจะทำให้เขาเห็นยิ่งกว่านี้อีก
นุดล : โง่จริงๆทำให้เขารังเกียจเราแล้วมันเป็นผลดีหรือไง  พี่จะบอกให้นะผู้ชายน่ะเขามีศักดิ์ศรี  ผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยคือคนที่เขาเลือกและตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต
นันดา : แต่กรณีของเขากับนันมันไม่ใช่พี่ดลก็รู้  เราถูกจับให้แต่งงานเราเขาก็ต้องการเอาชนะนัน
นุดล : ยายนันฟังพี่ก่อนได้ไหม
นันดา : พี่ดลไม่เข้าใจนัน  ไม่เข้าใจนัน

***นันดาตะโกนใส่หน้านุดลแล้ววิ่งไปที่รถของเธอ  ทรงวาดจะวิ่งตามแต่นุดลเรียกเอาไว้  มี่แต่บูรฉัตรที่วิ่งตามไป

นุดล : คุณวาดไม่ต้องตามเขาไป
ทรงวาด : คุณดลคะ คุณนันเธอท่าทางโกรธและเสียใจนะคะ
นุดล : โกรธเหรอทำอะไรโง่ๆไม่คิดให้รอบคอบ  จะไม่แต่งก็ไม่แต่งบอกปฏิเสธไปเสียแต่แรก  ไม่ใช่มาทำแบบนี้  ผมไม่เห็นด้วย

***นุดลพูดอย่างหัวเสีย  ไม่แค่นุดลที่โกรธนันดา  เหมรุจน์ทั้งแค้นทั้งอายเพื่อนอย่างบอกไม่ถูก
***คุณแก้วตามองชุดแต่งงานที่นันดาสั่งให้ช่างตัดออกมาอย่างอึดอัด  นันดาลองใส่และหมุนดูตัวเองที่หน้ากระจกอย่างสะใจ

แก้วตา : นันแม่ว่ามันโป๊จังเลยนะลูก  ข้างหลังไม่มีเลยลึกลงไปจนเกือบถึงเอว
นันดา : อย่างนี้แหละค่ะดี  โชว์คนเขาให้เห็นทั้งงานไปเลย
แก้วตา : แม่ว่ามันไม่ไหว  แม่เห็นยังใจหายใจคว่ำแล้ว  แล้วแขกเหรื่อเขาจะมิยิ่งกว่าแม่เหรอโดยเฉพาะเจ้าบ่าว  เขาคงไม่ชอบใจแน่แม่ว่า
นันดา : นันจะใส่ชุดนี้นันชอบ  ถ้าไม่เอาชุดนี้นันก็ไม่ใส่  จะใส่กางเกงยีนส์เลยคอยดู

***นันดายืนยันจะใส่ชุดที่เธอสั่งตัด  แก้วตาถอนใจ  เพราะชุดผ้าไหมอย่างดีที่ออกแบบเป็นชุดราตรียาวเข้ารูป  เน้นสะโพกด้านหน้าคว้านลึก  จนเห็นอกอวบอึ่ม  ส่วนด้านหลังมีเพียงเชือกเส้นเล็กไขว้จากด้านหลังเป็นสายเดี่ยวด้านหน้าไว้เท่านั้นโชว์แผ่นหลังเปลือยเปล่าจนถึงเอว  ชุดแบบนี้เรียกว่าเซ็กซี่จนแขกต้องฮือฮากันไปทั้งงานแน่นอน  ไลลาที่นั่งพับเพียบมองถูกใจจนตาไม่กระพริบ

นันดา : เป็นยังไงไลลาฉันสวยไหมใส่ชุดนี้แล้ว
ไลลา  : สวยค่ะสวยมาก  ถึงจะโป๊ก็สวยนะคะ
แก้วตา : น่ะเห็นไหมไลลายังว่าโป๊เลย  แม่ว่ามันโป๊จริงๆนะลูก

***แก้วตารีบพูด

นันดา : โป๊ที่ไหนอย่างนี้แหละเขาเรียกว่าเซ็กซี่  เซ็กซี่สะใจไปเลยค่ะแม่
ไลลา : ชุดเจ้าสวยแบบนี้นะคะ ไลลาเพิ่งเคยเห็น
แก้วตา : ใช่สิ  จะไม่เพิ่งเคยเห็นได้ยังไง  ฉันเองก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกันนะ

***แก้วตาพูดแล้วสะบัดออกไปจากห้องอย่างไม่สบอารมณ์  นันดามองตัวเองในกระจกแล้วกลืนน้ำลาย  เธอเองก็เสียวไส้เหมือนกัน
***ไลลาพูดอย่างซื่อๆ

ไลลา : รับรองเลยค่ะคืนส่งตัวคุณนันช้ำไปทั้งตัวแน่ๆ
นันดา : อะไรไลลา

***นันดาตาโต

ไลลา : ก็คุณนันขาวจั๊วสวยอย่างเนี้ย  ขนาดไลลาเป็นผู้หญิง  ยังอยากกอดเลย  แล้วคุณรุจน์จะปล่อยคุณนันไว้เหรอคะ  อื๋อพูดแล้วใจสั่น
นันดา : ไลลา

***นันดาหน้าเสีย  แล้ววาบหนึ่งเธอก็คิดอะไรออกเรียกไลลาเข้ามาสใกล้ๆทั้งๆที่อยุ่กันแค่สองคนในห้อง  ไลลาถึงกับตาพองเมื่อฟังนันดาพูดจบ

ไลลา : จะดีเหรอคะ เกิดใครจับได้ไลลาตายแน่ๆ
นันดา : ใครจะจับได้  ถ้าไลลาทำอย่างระมัดระวังที่สุด  ไลลาต้องช่วยฉันไม่อย่างนั้นฉันตายแน่ๆ
ไลลา : ค่ะ
นันดา : ดีมากไลลา  อย่างนี้แหละถึงจะสมกับที่ฉันไว้ใจเธอ

***สุดาดวงที่มานอนค้างคืนกับเหมรุจน์แอบเข้าไปในห้องหอที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว  เธอเดินดูข้าวของเครื่องใช้ที่เตรียมเอาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์  อย่างสุดอิจฉาและแค้นใจ  ห้องนี้เธอน่าจะเป็นผู้ได้ใช้ได้ครอบครองอยู่กับเหมรุจน์  แต่กับเป็นคนอื่น  เตียงนอนขนาดหกฟุตที่เข้าชุดกับโต๊ะเครื่องแป้งและตู้วางของ  ยังคลุมผ้าเอาไว้เพื่อกันฝุ่นและรอการเปิดใช้  ห้องน้ำกว้างพร้อมอ่างอาบน้ำทำด้วยหินอ่อนสีเทาอมฟ้า  ในห้องนี้ใช้โทนสีเดียวกันหมดแม้แต่ผนังห้องที่ติดวอลเปเปอร์สีเทาอมฟ้าอ่อนๆ  สุดาดวงเปิดตู้เสื้อผ้าที่เป็นแบบบานสไลด์  ภายในมีชุดนอนที่ยังไม่ได้ใช้  ทั้งของผู้หญิงและของผู้ชาย  อย่างละสามชุด ผ้าเช็ดหน้า  ผ้าเช็ดตัว  เสื้อคลุมจัดวางเอาไว้พร้อมสรรพ  เพราะมันใกล้ถึงวันงานเต็มที่แล้ว  เหลือเวลาอีกเพียงห้าวันเท่านั้น  สุดาดวงปิดกระแทกบานประตูตู้อย่างแรง  เพราะระงับอารมณ์พลุ่งพล่านไม่ไหว  เธอวิ่งไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้นอารมณ์แค้นและเสียดาย  ความหึงหวงแทบจะจุกอกตาย  ทีแรกก็ว่าทนได้ทำใจได้  แต่เมื่อใกล้ถึงวันที่เหมรุจน์จะแต่งงานจริงๆสุดาดวงก็แทบจะคลั่ง  แม่สำเนียงเปิดห้องเข้ามาดูเพราะได้ยินเสียงโครมเมื่อคู่  ถึงกับตกใจที่เห็นสุดาดวงนอนร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนเตียง

สำเนียง : ตายแล้วคุณดวงทำไมขึ้นไปนอนร้องไห้บนเตียงนั้นคะ  รู้ไหมคะว่าโยราณเขาถือ  เตียงยังไม่ได้ใช้แล้วขึ้นไปนอนร้องไห้ซะก่อนมันไม่ดี
สุดาดวง : ไม่ดีสิดี  ฉันอยากให้มีใครตายบนเตียงนี้ซะด้วยซ้ำ
สำเนียง : ว้าย  พูดอะไรอย่างนั้นไม่เอานะคะ  คุณกลับออกไปซะเถอะนะคะห้องนี้  คุณไม่ควรเข้ามาเลย
สุดาดวง : ทำไม  ทำไมฉันจะเข้าไม่ได้  ห้องนี้ก็เป็นห้องของรุจน์เหมือนกัน
สำเนียง : ค่ะ  ห้องของคุณรุจน์  แต่จะเอาไว้ใช้เป็นห้องหอกับคุณนันเท่านั้น  คนอื่นไม่เกี่ยวนะคะ
สุดาดวง : นี่  ป้าสำเนียง  ป้าก็เป็นขี้ข้าของเขาเท่านั้น  จะมาทำเป็นหวงก้างเสนอหน้าทำไม  หรือว่าเตจรียมประจบนังนันดาเจ้านายคนใหม่
สำเนียง : ค่ะ คุณนันจะมาเป็นเจ้านายคนใหม่ของที่นี่  อิฉันต้องต้อนรับและดูแลเธอให้เสมอกับคุณรุจน์หรือนายท่าน
สุดาดวง : แล้วชั้นล่ะ
สำเนียง : คุณเหรอคะ  ก็เป็นเพื่อนคุณรุจน์ไงคะ  อิฉันก็ปฏิบัติกับคุณในฐานะเพื่อนของคุณรุจน์
สุดาดวง : ฉันก็เป็นเมียของรุจน์เหมือนกันนะ  เป็นเมียได้ยินไหม
สำเนียง : ค่ะๆ เป็นเมียแต่ตอนนี้เชิญคุณออกไปจากห้องนี้ก่อนนะคะ

***เพราะเสียงเอะอะดังลั่นเหมรุจน์จึงเข้ามาดู

เหมรุจน์ ดวงคุณเป็นอะไร

***เหมรุจน์ถามอย่างตกใจที่เห็นสุดาดวงน้ำตาเต็มหน้า  ผมเผ้ายุ่งเหยิง

สุดาดวง : รุจน์

***สุดาดวงโผเข้ากอดเขาไว้  ร้องไห้สะอึกสะอื้น  สำเนียงยืนมองไม่รู้จะทำยังไง

เหมรุจน์ : เกิดอะไรขึ้นคุณร้องไห้ทำไม
สุดาดวง : ดวงรักรุจน์  ไม่อยากให้รุจน์แต่งงาน
สำเนียง : คุณดวงเธอเข้ามานอนร้องไห้อยู่ในห้องนี้ค่ะ
เหมรุจน์ : ดวงไหนเราพูดกันแล้วไง  แล้วคุณเข้ามาในนี้ทำไม
สุดาดวง : รุจน์หวงเหรอคะ  หวงห้องหอของรุจน์กับอีนันดาใช่ไหม
เหมรุจน์ : ดวงคุณพูดไม่น่าฟังเลยนะ  มานี่กลับไปคุยกันที่ห้องโน้น
สุดาดวง : ไม่ค่ะ  คืนนี้ดวงจะอยู่ห้องนี้  จะนอนห้องนี้
เหมรุจน์ : คุณกำลังขาดสตินะดวง  ใช้เหตุผลหน่อยสิ
สุดาดวง : เหตุผลดวงก็เป็นเมียของรุจน์คนหนึ่ง  ห้องนี้ดวงก็มีสิทธิจะใช้จะนอน
เหมรุจน์ : ได้ถ้าคุณจะใช้ห้องนี้นอนในคืนนี้  แต่มันจะแค่ครั้งเดียวและเราจะเลิกคบกัน  คุณกับผมทางใครทางมันคุณจะเอาไหม

***สุดาดวงร้องไห้โฮ

สุดาดวง : รุจน์ รุจน์ใจร้ายกับดวงมากเลยนะ  รุจน์จะทิ้งดวงใช่ไหม
เหมรุจน์ : ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง  ถ้าคุณยืนยันจะอยู่ห้องนี้จะนอนห้องนี้เราก็ต้องจบกัน  ผมจะไม่ยอมให้คุณมาก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวในบ้านหลังนี้
สุดาดวง : รุจน์  รุจน์ขาดวงขอโทษ  ดวงขอโทษ  อย่าโกรธดวงเลยนะต่อไปดวงจะไม่ทำให้คุณหนักใจนะคะ

***สุดาดวงกอดเอวเหมรุจน์อ้อนวอนขอโทษอย่างน่าสงสาร  เหมรุจน์ถอนใจใหญ่และพาเธอกลับไปยังห้องของเขา  ทั้งคู่ไม่รู้ว่าเสริมยืนแอบฟังอยู่  เสริมถอนใจหนักอก  มันไม่ง่ายเอาซะเลยที่เหทมรุจน์จะเลิกกับสุดาดวงได้เพราะผู้หญิงรักและยอมลูกชายของเขาอย่างนั้น


                                                   ........................................................................................




ตอนที่ 15



***และก็ถึงวันแต่งงานของเหมรุจน์กับนันดา   เหมรุจน์มาที่บ้านของนันดาแต่เช้าเพื่อตักบาตรตามประเพณี  เพื่อนๆของเหมรุจน์มากันแต่เช้ามืดด้วยเช่นเดียวกับเพื่อนสนิทของนันที่มาจากต่างจังหวัด  เพื่อนๆของทั้งสองปองดองคุยหยอกเย้ากันดี  แต่สองคนกลับดูห่างเหินเหมือนไม่ใช่คู่บ่าวสาว  เวลาตักบาตรต่างฝ่ายต่างจะเอาชนะกันจึงไม่มีใครจับด้ามทัพพีก่อน

เพื่อน : เฮ้ยรุจน์  วันนี้พระจะได้ฉันท์ข้าวไหมจ๊ะ  มัวแต่ยืนมองทัพพีกันอยู่นั้นอย่างนั้น

***เหมรุจน์มองหน้านันดา

เหมรุจน์ : ผมให้คุณเป็นคนตัก  ผมถือขันข้าวเองชัวร์กว่า
เพื่อน : เฮ้ย  แบบนี้ไม่มีเขาต้องช่วยกันตัก

***เจ้าเพื่อนรีบบอก

นันดา : คุณยุ่งนักตักซะเองดีไหม

***นันดาว่าอย่างไม่เกรงใจ

เพื่อน : แน่ แน้ แน๊  เจ้าสาวโมโหแล้ว เดี๋ยวมีรายการขันข้าวบินว่ะ  หลายคนช่วยกันแหย่  จนผู้ใหญ่ต้องเข้ามาเตือน
ผู้ใหญ่ : อย่าเล่นกันสิคะ  บาปนะคะ  เล่นกันหน้าบาตรพระ  ตักบาตรเลยค่ะ  เจ้าบ่าวเจ้าสาว

***เหมรุจน์จับทัพพีด้านล่างเพราะเกรงใจผู้ใหญ่  นันดาจับมือเขาตักข้าวก็จริง  แต่กดเล็บจิกบนลงบนเล็บของเหมรุจน์จนเป็นรอยบุ๋มกว่าจะครบเก้าบาตรเหมรุจน์ต้องทนเล็บของนันดาที่เจ็บอย่าบอกใครแต่ไม่ปริปากซักน้อย  ขั้นตอนตามประเพณีผ่านไปเรื่องตั้งแต่ตักบาตรถวายข้าวพระสงฆ์ รับน้ำมนต์และพรจากพระสงฆ์รับไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายหลังน้ำพระพุทธมนต์  หรือน้ำสังข์และจดทะเบียนสมรสต่อหน้านายอำเภอที่มาเป็นผู้จดทะเบียนให้และร่วมกินข้าวสำรับเดียวกันเพียงลำพังตามประเพณี  ไข่ต้มหนึ่งฟองที่ผ่าซีกนันดาตัดเอาแต่ไข่แดงไว้ทั้งสองซีก  แล้วก็กินหน้าตาเฉยทั้งๆที่ผู้จะต้องกินไข่แดงต้องเป็นเจ้าบ่าวเท่านั้น

นันดา : ฉันไม่เหลือไข่แดงให้นายกินแล้ว

***นันดาพูดเบาๆเหมรุจน์มองหล่อนตาวาวและตักน้ำเชื่อมที่จะใช้กับวุ้นกินจนหมด

เหมรุจน์ : ผมก็ไม่มีความหวานเอาไว้ให้คุณกินเหมือนกัน
นันดา : ฉันเกลียดนาย
เหมรุจน์ : ดี  เกลียดกันทำอะไรจะได้ไม่ต้องเกรงใจกัน

***เหมรุจน์วางช้อนลงนันดารีบคว้าแก้วน้ำ  แล้วพูดอย่างชิงชัง

นันดา : ฉันจะไม่เหลือน้ำใจให้นายเลยแม้แต่หยดเดียว

***นันดาพูดจบก็เทน้ำในแก้วในจานข้าวจนหมดและวางแก้วเปล่าลงตรงหน้าเขา
***งานเลี้ยงจัดที่โรงแรมหรูของจังหวัดและทุกคนก็ได้ฮือฮาเมื่อเจ้าสาวแต่งตัวเซ็กซี่สุดๆ  เพื่อนๆของเหมรุจน์ถึงกับแอบมากระซิบ

เพื่อน : รุจน์มึงทำบุญด้วยได้อะไรวะ  เจ้าสาวของมึงถึงได้เซ็กซี่งามตาอย่างนี้  ผิวยังกับเต้าหู้ไข่เลยมึงถนอมหน่อยนะโว้ย  อย่าให้ช้ำมือตั้งแต่คืนแรก

***แก้วตาคอยมายืนกันด้านหลังให้ลูกสาวเพราะสายตาของแขกหยุดอยู่แค่เจ้าสาวคนเดียว  เหมรุจน์มองหาบูรฉัตรเห็นเขายืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆของนันดา  ท่าทางของบูรฉัตรไม่ได้ซึมเศร้าอะไรเลยกับที่แฟนแต่งงานกับชายอื่น  ยังยิ้มแย้ม  หน้าระรื่นดีและเมื่อได้เวลาขึ้นไปตัดเค้กและขอบคุณแขกของบ่าวสาว  นันดาเดินเหมือนเซนิดๆเพราะเธอดื่มเข้าไปหลายแก้ว  เรียกว่ารับทุกโต๊ะที่ส่งให้  เหมรุจน์เองซะอีกที่ไม่ค่อยดื่มมากนัก  เมื่อจับมัดตัดเค้กเหมรุจน์จับมือของนันดาเอาไว้ซะแน่นป้องกันเล็บยาวๆที่คอยจะหยิกและข่วนเอาเสมอ  เมื่อมือเขาถูกมือของหล่อนในแต่ละครั้ง

นันดา : ฉันเจ็บนะ
***นันดาพูดเบาๆรอดไรฟัน

เหมรุจน์ : เจ็บเป็นเหมือนกันเหรอ  แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า

***เขาตอบหล่อนด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน

พิธีกร : กระซิบอะไรกันครับเจ้าบ่าวเจ้าสาว  บอกให้แขกได้ยินกันมั่งสิครับ  หรือว่านัดกันไปกินน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ไหน

***พิธีกรแซวเพราะเห็นทั้งคู่พูดกันเบาๆ
***เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปและแขกเริ่มถยอยกลับ  นันดาก็ลากบูรฉัตรมาที่มุมลับในงาน

นันดา : บูร  เดี๋ยวขอให้คุณช่วยนันอีกครั้งนะ
บูรฉัตร : ช่วยอะไร
นันดา : ก็ช่วยแสดงละครฉากสุดท้ายน่ะซิ

***บูรฉัตรยืนงงนันดาชี้มาที่ปากของเธอ

นันดา : จูบน่ะ  จูบฉันน่ะ  เข้าใจไหม
บูรฉัตร : เฮ้ย  ต้องจูบด้วยเหรอนันไม่ดีมั้ง
นันดา : ไหนบอกจะช่วยนันเล่นละคร
บูรฉัตร : ก็ช่วยแล้วไง
นันดา : ก็อีกครั้งเดียว

***นันดาหันไปเห็นเหมรุจน์กำลังมองหาเธอ  หญิงสาวรีบคว้าคอของบูรฉัตรและจูบปากกับเขา  บูรฉัตรตกตลึง  แต่ก็ยอมจูบปากกับนันดา  จนเหมรุจน์เดินเข้ามาหา

เหมรุจน์ : จูบมากันตรงนี้เองเหรอมันจะไม่โจ่งแจ้งไปหน่อยหรือไง

***เหมรุจน์พูดน้ำเสียงเยาะหยันชิงชัง  นันดาเชิดหน้าสะใจแต่บูรฉัตรยืนมึนทำอะไรไม่ถูก

นันดา : บูรคะ  จำเอาไว้นะว่านันรักบูรคนเดียว  รักที่สุดในชีวิต
บูรฉัตร : นันผมขอให้นันมีความสุขนะลาก่อน

***บูรฉัตรพูดแล้วรีบเดินหนีไปจากตรงนั้น  เขาไม่ได้เล่นละครเก่งแต่กลัวหมัดของเหมรุจน์จะอัดหน้าเขาต่างหาก  ถ้าขืนยังยืนอยู่ตรงนั้น

นันดา : บูร

***นันทำท่าทางอาลัยอาวรณ์เสียใจ  เหมรุจน์คว้าแขนเธอไว้  พูดใส่หน้าอย่างสุดแค้นและชิงชัง

เหมรุจน์ : ถ้าอยากจะตามกันไปต้องไม่ใช่คืนนี้  คืนนี้เธอทำหน้าที่เจ้าสาวให้เสร็จสิ้นซะก่อน  มานี่
นันดา : โอ้ยเจ็บนะ  จะพาฉันไปไหน
เหมรุจน์ : ไปลาบรรดาญาติโกโหติกากันก่อนสิ

***เหมรุจน์ลากแขนนันดามาที่ซุ้มที่บรรดาญาติๆกำลังยืนรอคุยกันอยู่

ญาติ : เจ้าสาวสวยมากเลยนะคะคุณเสริมเข้าใจเลือกลูกสะใภ้
เสริม : ไม่ได้สิมีลูกชายคนเดียว  ก็ต้องหาให้หยาดเยิ้มอย่างนี้แหละ

***เสริมพูดหน้าบาน  แต่ชินกับแก้วตายิ้มไม่ค่อยออกนันดาแต่งตัวชนิดแขกตะลึงทั้งงานอย่างนี้ไม่รู้จะภูมิใจดีหรือว่าอะไร  
***นันดาถูกพาตัวมาที่บ้านของเหมรุจน์  เพื่อทำพิธีส่งตัวกันก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะพาเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ  ไลลาก็เอาน้ำส้มสองแก้วใส่ถาดมาให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาว

ไลลา : น้ำส้มคั้นเย็นๆค่ะ
เสริม : เฮ้ย เสิร์ฟน้ำอะไรกันตอนนี้

***เสริมว่าแต่บางคนรีบบอก

ป้าเหมรุจน์ : ดีซิเอาน้ำส้มเย็นๆมาให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกินจะได้สดชื่น  เวลาเข้าหอ มาๆๆ  ส่งมาเลย

***ป้าของเหมรุจน์รับแก้วน้ำส้มคั้นส่งให้นันดากับเหมรุจน์  นันดามองหน้าไลลาเห็นเด็กสาวยักคิ้วให้จึงรีบรับมา  ส่วนเหมรุจน์ก็รีบรับเอาไว้แล้วดื่มรวดเดียวหมดแก้ว  นันดาดื่มแค่ครึ่งแก้วแล้วส่งคืน  ไลลารีบพาแก้วน้ำส้มหลบออกไป  ทั้งคู่นั่งพับเพียบเรียบร้อยฟังคำสั่งสอนแนะนำในการใช้ชีวิตคู่  เมื่อหมดสิ้นกระบวนการทุกคนก็กลับออกไปและปิดประตูล็อคให้เรียบร้อย  นันดารีบลุกขึ้นเหมรุจน์เองก็ลุก  เขามองนันดาสายตาดูถูก

เหมรุจน์ : นางนันดา  ศะศิโรจน์  ผมเสียดายนามสกุลของผมจริงๆที่ต้องยอมให้คุณมาร่วมใช้ด้วย
นันดา : ยังกับฉันอยากใช้นามสกุลของนายนักนี่

***นันดาแหว  แต่ชักรู้สึกมึนๆหัว  ซึ่งเป็นอาการเดียวกับเหมรุจน์  นันดาใจหายคิดว่ากินน้ำส้มผิดแก้ว  จะไปที่ประตูห้องเหมรุจน์คว้าแขนของเธอ  แล้วดึงเข้ามาชิดอก

เหมรุจน์ : แต่งตัวอย่างนี้จะคอจะยั่วคนทั้งงานรึไง  หืมม์
นันดา : ปล่อยฉันนะไอ้บ้า
เหมรุจน์ :  ดูภายนอกผุดผ่องเป็นยองใย  ใครจะรู้ไหมว่าข้างในของเธอน่ะเป็นรังแมงหวี่
นันดา : ไอปากเสีย...โอ้ย....

***นันดาดิ้นจะคตบ  เหมรุจน์มึนหัวตึบๆแทบจะทนไม่ไหว  เขารั้งนันดาลงนอนบนเตียง  นันดาสะลืมสะลือแต่พยายามดิ้นสุดท้ายฤทธิยานอนหลับอย่างแรงที่ไลลาใส่ในน้ำส้มทั้งสองแก้วก็ออก ฤทธิเหนือคนกิน  หลับสนิทกันไปทั้งคู่  บนเตียงวิวาห์นั่นเอง
***รุ่งเช้านันดาตื่นขึ้นมาก่อนเธอ  มองเพดานห้องสมองยังเบลอๆ  เหมรุจน์ยังหลับสนิทแขนพาดอยู่บนตัวของนันดา  เขานอนคว่ำหน้าเอียงมาหา  ลมหายใจอุ่นๆรดอยู่ข้างขมับของหญิงสาว  นันดาใจหายเมื่อลำดับเหตุการณ์ถูกเธอรีบผลักแขนของคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องออกจากตัวมองดูตัวเองและเหมรุจน์  ใจชิ้นขึ้นมาเป็นกองเพราะทั้งเธอและเขายังอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยเมื่อคืน  พวงมาลัยแต่งงานยังอยู่กับคอ  ส่วนที่เป็นดอกไม้สดถูกทับซะแบน  นัดรีบเผ่นลงจากเตียง  หันมองนายตัวดียังหลับไม่รู้  หญิงสาวหันรีหันขวางแล้วรีบไปที่ประตูเปิดออกแล้ววิ่งแน่บ  เธอวิ่งลงมาถึงข้างล่าง  แม่สำเนียงออกมาเห็นพอดี

สำเนียง : คุณนันคะ
นันดา : อุ๊ย...ป้า
สำเนียง : นั่นคุณนันจะไปไหนคะ
นันดา : นันจะกลับบ้าน
สำเนียง : กลับบ้านไม่ได้นะคะ  วันนี้คุณนันยังกลับไปบ้านไม่ได้  โบราณเขาห้ามต้องอยู่เฝ้าเรือนหอให้ครบสามวันซะก่อน
นันดา : นันไม่ถือนะป้า
สำเนียง : ไม่ถือไม่ได้  แล้วนี่ทำไมยังอยู่ชุดนี้คะนี่
นันดา : ก็นี่ไงนันจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

***นันดารีบอ้าง

สำเนียง : เสื้อผ้าของคุณนันก็อยู่ในตู้ไงคะ  เมื่อวานตอนเย็นไลลากับแม่แจ่มจัดเอามาให้ไว้แล้ว  ของใช้ส่วนตัวก็เอามาให้ครบแล้ว
นันดา : เหรอ

***นันดาทำหน้าไม่ออก  สำเนียงบอกนันดาที่ทำหน้าเหรอ  แล้วเอ็นดู

สำเนียง : คุณนันขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวก่อนนะคะ  ป้าเตรียมอาหารเอาไว้เรียบร้อยแล้ว  เสร็จแล้วก็ลงมาทานได้เลย
นันดา : แล้วไลลาล่ะป้า
สำเนียง : ไลลาอยู่ที่เรือนลูกจ้างค่ะ  คุณนันจะเอาอะไรบอกป้าก็ได้ค่ะเดี๋ยวป้าจัดการให้
นันดา : ไม่เอาหรอกค่ะ  งั้นขอนันไปหาไลลาก่อนนะคะ
สำเนียง : คุณนันนั่งรออยู่ที่นี่ดีกว่าเดี๋ยวป้าไปเรียกมาให้นะคะ
นันดา : ไม่ต้องหรอกจ่ะเดี๋ยวนันไปเองดีกว่า  เรือนลูกจ้างไปทางไหนคะ
สำเนียง : ด้านหลังนี่แหละค่ะ

***นันดารีบออกไปหาไลลา  สำเนียงมองเจ้านายคนใหม่อย่างถูกใจ  นันดาดูน่ารักกว่าบรรดาเมียๆทั้งหลายที่ผ่านมาของเหมรุจน์นางภาวนาให้เหมรุจน์หยุดอยู่แค่นันดานี่เถอะ
***ไลลาตกใจที่เห็นนันดาลงมาหาเธอถึงเรือนคนใช้

ไลลา : คุณนัน  มีอะไรจะใช้ไลลาคะ  ไลลาคิดว่าคุณนันยังไม่ตื่นเลยยังไม่ได้ไปที่ตึก
นันดา : มานี่เลยไลลา  มานี่
ไลลา : อะไรคะคุณนัน
นันดา : เธอเอายานอนหลับให้ฉันกินด้วยใช่ไหม
ไลลา : ค่ะ
นันดา : จะบ้าเหรอฉันให้เธอเอาให้แค่นายนั่นกินคนเดียวเท่านั้น  ไม่ใช่ให้ฉันกินด้วย
ไลลา ; โถ่คุณนันคะ  ก็ไลลากลัวใส่ไปแก้วเดียว  แล้วเกิดคุณรุจน์ไม่ได้กินแก้วที่ใส่ยาแต่คุณนันกิน  แล้วจะทำยังไงไลลาเลยใส่ไปทั้งสองแก้วยังไงคุณรุจน์ก็ต้องได้กินแน่นอน
นันดา : มันก็ใช่นะ  แต่ยังไงมันก็เสี่ยงมากดีนะที่ฉันตื่นก่อน
ไลลา : คุรรุจน์นี่กินหมดแก้วเลย  ยานี่แรงดีจังเลยนะคะ
นันดา : แรงสิ ก็ฉันซื้ออย่างแรงมานี่นา
ไลลา : แล้วนี่คุณนันยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกหรือคะ  ชุดนี้ใส่เดินตอนนี้มันโป๊นะคะ

***นันดาก้มมองตัวเองแล้วถึงกับบ่นเบาๆ

นันดา : ฉันก็ว่ามันเซ็กซี่เกินไปหน่อยนะ..ไปเธอไปกับฉัน
ไลลา : ไปไหนคะ
นันดา : ก็ไปที่ห้องของฉันน่ะซี่  ฉันจะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด  ต่อไปนี้นะเธอจะต้องอยู่กับฉันตลอดเวลาเมื่อฉันอยู่ในห้องนอน ห้ามไปไหน
ไลลา : อะไรกันคะ  ไลลาอยู่กับคุณนันตลอดแล้วคุณรุจน์เธอจะว่ายังไงล่ะคะ
นันดา : เอ๊ะ  เธอห่วงฉันหรือเปล่า
ไลลา : ห่วงค่ะ
นันดา : ห่วงก็อยู่ใกล้ๆฉันตลอดเวลา
ไลลา : ทำไมคุณนันถึงกลัวคุณรุจน์นักล่ะคะ
นันดา : ฉันไม่ได้กลัว  เขามีอะไรน่ากลัวเล่า
ไลลา : ก็นั่นน่ะสิคะ  คุณรุจน์หน้าตาไม่น่ากลัวเลยซักหน่อย  หล่อดีออก
นันดา : ไลลา
ไลลา : ค่ะ
***ไลลายิ้มแหยๆ  นันดากลับขึ้นมาบนตึกอีก  เธอกับไลลายืนที่หน้าห้องไม่กล้าเปิดเข้าไป
นันดา : ไลลา
ไลลา : เข้าไปสิคะ
นันดา : ไม่รู้นานนั่นตื่นหรือยัง

***นันดาพูดกับไลลาเบาๆ  โดยไม่รู้ว่าเหมรุจน์ยืนมองเธออยู่ที่หน้าห้องของเขาแล้ว

ไลลา : คุณนันเข้าไปเถอะค่ะ
นันดา : ฉัน

***นันดาอึกอักไม่กล้าเข้าห้อง  เหมรุจน์ร้องถามขึ้นมาสองคนถึงกับสะดุ้ง

เหมรุจน์ : นี่ยังใช่ชุดนี้โชว์อีกรอบหรือไง
ไลลา : อุ๊ย..คุณนัน

***ลาลาอุทานตกใจ  นันดาตั้งสติรีบเปิดประตูห้องผลุบเข้าไปและปิดประตูล็อคทันทีไลลาเข้าไม่ทันยืนหน้าเหรออยู่หน้าห้อง  จนเหมรุจน์กลับเข้าห้องของเขาไปไลลาจึงเดินลงมาข้างล่าง  บ่นเบาๆ

ไลลา : ทิ้งเราเลยนะคุณนัน
***บูรฉัตรมาหานานันดาที่บ้านของเสริมเพื่อจะลากลับกรุงเทพ  เจอเหมรุจน์เข้าก่อน
บูรฉัตร : สวัสดีครับ

***บูรฉัตรไหว้เหมรุจน์ยิ้มไม่ค่อยสนิทนัก  เพราะเขาสร้างวีรกรรมกับศรีภรรยาของเหมรุจน์ไว้เมื่อคืน

เหมรุจน์ : มาหาคุณนันเหรอ
บูรฉัตร : ครับ คือผมจะกลับกรุงเทพแล้วเลยแวะมาบอกเขา
เหมรุจน์ : เชิญ  เขาอยู่ข้างบนเดี๋ยวจะให้เด็กขึ้นไปตาม
บูรฉัตร : ครับ

***เหมรุจน์บอกแล้วเดินออกไปนอกบ้าน  นึกหงุดหงิดที่บูรฉัตรมาหานันดาแต่เช้าจึงขับรถออกไปจากบ้าน
***นันดาออกมาเดินคุยกับบูรฉัตรที่สนาม

นันดา : จะกลับกรุงเทพเลยเหรอ
บูรฉัตร : ใช่ผมมาหลายวันแล้ว
นันดา : แล้วเมื่อไหร่บูรจะมาเยี่ยมนันอีกล่ะ
บูรฉัตร : ก็ถ้าว่างน่ะนะ ผมกลับไปนี่ก็ต้องกลับไปรับมือกับพ่อใหม่ล่ะเพราะนันแต่งงานแล้วที่เคยอ่างว่าเราเป็นแฟนกันก็จบ
นันดา : จริงสินะ  แล้วบูรจะทำยังไง
บูรฉัตร : บางทีนะนัน  บางทีผมจะสารภาพกับพ่อตรงๆ  ว่าผมเป็นยังไง
นันดา : บูรกล้าเหรอ
บูรฉัตร : ถ้าถึงขั้นนี้ผมก็ต้องกล้า
นันดา : ทำไมบูรไม่ลองทำใจให้รักผู้หญิงดู
บูรฉัตร : ไม่ไหวผมรับไม่ได้  รู้ไหมเมื่อคืนที่นันจูบผม  ผมไม่รู้สึกอะไรเลย
นันดา : บ้าอยู่ในภาวะแบบนั้น  ใครจะไปมีอารมณ์รู้สึกอะไรขนาดนันเองยังแทบอ้วกเลยด้วยซ้ำ
บูรฉัตร : แล้วกับคุณรุจน์ล่ะ เธอรู้สึกยังไง
นันดา : นี่อย่ามาถามอะไรบ้าๆนะ  นันไม่มีทางยอมเล่นบทพิศวาสกับเขาเด็ดขาด แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว  อยากตาย
บูรฉัตร : อย่าบอกผมนะว่าคืนแต่งงานไม่มีอะไรในกอไผ่
นันดา : ไม่ว่าจะคืนไหนวันไหน  นันก็ไม่มีทั้งนั้นแหละรู้เอาไว้ซะด้วย
บูรฉัตร : นี่นันกับเขาจะอยู่ด้วยกันยืดไหมนี่  ถ้าเป็นแบบนี้
นันดา : ไม่ยืดแน่นอน นันน่ะเตรียมตัวเป็นแม่หม้ายตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว
บูรฉัตร : คุณรุจน์หน้าตาดี  สมาร์ท ถ้านันคิดจะรักเขาผมว่าไม่น่าจะยากนะ  เขาน่ะดูสมกับนันมาก  เพื่อนๆทุกคนยังชมว่าเจ้าบ่าวของนันดูดีมาก
นันดา : ดูแต่เปลือก สันดานของเขาเพื่อนๆยังไม่รู้  พอเถอะอย่าไปพูดถึงนายนั่นอีกเลย  ว่าแต่บูรเถอะหมั่นโทรมาหานันมั่งนะ  กลับไปแล้วน่ะ
บูรฉัตร : ครับผมจะโทรมาหาทุกวันเลยดีไหม

นันดา : ดีมาก



                                                   ........................................................................................



ตอนที่  16



***เย็นสุดาดวงมาหาเหมรุจน์และไม่ยอมกลับบ้านหล่อนอยู่กินอาหารมื้อเย็นร่วมกับครอบครัวเสริมหน้าตาเฉย  คนที่อึดอัดและเดือดร้อนใจที่สุดคือเสริมพ่อของเหมรุจน์เอง  เสริมตักข้าวเคี้ยวอย่างฝืดคอ  เมื่อสุดาดวงนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยแกมนั่งติดกับเหมรุจน์ซะอีก  แม่สำเนียงก็ไม่ค่อยพอใจยืนมองสุดาดวงตาขุ่นสำหรับเหมรุจน์เขาไม่สนกลับแสดงท่าหวานกับสุดาดวงซะนี่  นันดาเองก็ไม่สนใครจะทำยังไงก็ช่างปะไร  เธอตักของกินเงียบๆนึกดีใจด้วยซ้ำที่สุดาดวงมาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากเหมรุจน์ไปซะได้

สุดาดวง : รุจน์กินปลานี่นะคะ  ดวงแกะให้
เหมรุจน์ : ดีจ่ะ  ปลาสดเนื้อนุ่มไม่เหม็นคาว

***เหมรุจน์พูดแล้วปรายตามองนันดา  แต่เธอตักข้าวกินไม่สนใจมีแต่เสริมที่มองเหล่อยู่หัวโต๊ะ  นันดากินข้าวได้ไม่มีมากเพราะเธอเป็นคนกินน้อยอยู่แล้ว  เมื่อเธอรวบช้อนและดื่มน้ำ  เสริมถึงกับถามอย่างเป็นห่วง

เสริม : อิ่มแล้วเหรอลูกทำไมถึงกินน้อยจัง
นันดา : อิ่มแล้วค่ะ
เสริม : กินผลไม้สิลูกมีเงาะมีมังคุด  สำเนียงเอาผลไม้ให้คุณนันซิ
สำเนียง : ค่ะ

***สำเนียงรีบกุลีกุจอเอาผลไม้มาตั้งให้นายสาวคนใหม่  สุดาดวงมองอย่างหมื่นใส่  หล่อนเบะปากให้กับนันดาเสริมเห็นพอดี

เสริม : เป็นอะไรหนูดวงปวดท้องขี้หรือไง  ถ้าปวดก็ไปเข้าห้องส้วมซะอย่ามาทนนั่งปากเบะปากปลิ้นอยู่
สุดาดวง : เปล่าค่ะคุณพ่อ  ดวงไม่ได้ปวดท้องซะหน่อย

***เหมรุจน์มองพ่อ  เสริมมองตอบอย่างไม่พอใจ  แต่เขาเฉยทำหน้าไม่สนใจ  สุดาดวงตักนั้นตักนี่ให้เอาใจสุดขีด  นันดากินผลไม้อีกนิดหน่อยแล้วขอตัวขึ้นข้างบน  เสริมเองก็อิ่มและลุกออกจากโต๊ะอีกคน  แม่สำเนียงมองเหมรุจน์กับสุดาดวงที่ยังนั่งกินอาหารต่อ เหมือนไม่สนใจใคร
***นันดาให้ไลลาเอาผ้านวมมาปูนอนที่หน้าเตียงของเธอ

ไลลา : จะดีเหรอคะคุณนัน  คุณรุจน์เข้ามาเห็นเธอจะว่าเอานะคะ
นันดา : เขาไม่เข้ามานอนในห้องนี้หรอก
ไลลา : คุณนันรู้ได้ยังไง
นันดา : ก็ฉันไม่ให้เขาเข้ามา  เขาจะเข้ามาได้ยังไง  ไลลานอนซะกับฉันนี่แหละ  อ้อไปจัดการล็อคประตูให้แน่นหนาด้วย
ไลลา : ค่ะ

***เหมรุจน์ไม่เพียงไม่มานอนที่ห้องหอเขากลับเอาสุดาดวงมาค้างที่ห้องของเขาซะด้วย  เสริมรู้เข้าถึงกับเต้น
เสริม : มันทำอย่างนี้ได้ยังไงเพิ่งแต่งงานเมื่อวานแท้ๆ  แม่สำเนียงไปตามมันมาหาฉันด่วน

สำเนียง : ค่ะคุณท่าน

***สำเนียงมาเคาะประตูเรียกเหมรุจน์  คนที่มาเปิดประตูให้คือสุดาดวงหล่อนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว  คิดว่าเป็นนันดามาเรียกจะยั่วให้ซะใจ

สุดาดวง : มาเรียกทำไม  อ้าวป้ามีอะไรเหรอ
สำเนียง : คุณรุจน์ล่ะคะ
สุดาดวง : รุจน์อยู่ในห้องน้ำ  ป้ามีธุระอะไร  หรือว่าแม่เมียแต่งเขาใช้ป้ามาตามรุจน์
สำเนียง  : เปล่าหรอกค่ะ  คุณนายท่านให้มาตามคุณรุจน์ไปพบท่านด่วน
สุดาดวง : ตามไปทำไมคุณรุจน์จะนอนแล้ว
สำเนียง : ก็ท่านมีธุระน่ะสิคะ

***สำเนียงยืนรอสุดาดวงหงุดหงิด  แต่ทำอะไรไม่ได้จนกระทั่งเหมรุจน์ออกมาจากห้องน้ำ

เหมรุจน์ : อ้าวป้า  เข้ามาทำอะไรครับ
สำเนียง : นายท่านให้มาตามคุณรุจน์ไปพบท่านด่วนเลยค่ะ
เหมรุจน์ : พรุ่งนี้ไม่ได้เหรอป้าผมจะนอนแล้ว
สำเนียง : ไม่ได้ค่ะ  ท่านอารมณ์เสียด้วยถ้าคุณไม่ไปท่านคงมาตามเองแน่ค่ะ

***เหมรุจน์ถอนใจ  เขารู้ว่าพ่อจะตามเขาไปหาเรื่องอะไร

เหมรุจน์ : ก็ได้

***ชายหนุ่มเดินตามแม่บ้านออกมาจากห้อง  ป้าสำเนียงไม่พูดไม่จาเดินหน้าเข้ามาจนถึงห้องของ
เสริม

สำเนียง : เชิญค่ะ  ป้าหมดธุระแล้ว
เหมรุจน์ : เดี๋ยวป้า  ป้าเป็นอะไรหน้าตูมเป็นดอกบัวเหี่ยว   ตั้งแต่เย็นมาแล้ว
สำเนียง : เปล่าค่ะ

***สำเนียงพูดแล้วเดินหนีไป  เหมรุจน์เคาะประตูห้องของพ่อแล้วเปิดเข้าไป  เสริมถือไม้พะพดหัวทองเหลืองนั่งรออยู่บนเก้าอี้โยก

เหมรุจน์ : มีอะไรครับพ่อ
เสริม : ยังมีหน้าจะมาถามแกแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่
เหมรุจน์ : เมื่อวาน  ทำไมล่ะ
เสริม : แต่งเมื่อวาน  วันนี้พาผู้หญิงอื่นเข้ามานอนในบ้าน  แกมีหัวคิดมั่งไหมใครเขาทำกันอย่างนี้
เหมรุจน์ : ผู้หญิงอื่นที่ไหนดวงก็เป็นเมียของผมเหมือนกัน
เสริม : เมียเรอะ  ถ้าแกคิดว่าเขาเป็นเมียแล้วแกแต่งงานกับหนูนันทำไม  ทำไมแกไม่แต่งงานกับแม่ดวงนั่นซะให้หมดเรื่อง

***เสริมพูดแล้วเอาไม้ตะพดเคาะกับพื้นห้องอย่างเดือนดาล

เหมรุจน์ : พ่อเอาไม้ตะพดออกมาทำไม
เสริม : เอามาหวดกระบานแกน่ะสิ  ไอ้คนไม่รู้จักคิด
เหมรุจน์ : ผมน่ะเหรอไม่รู้จักคิด
เสริม : วันข้ามคืนแกก็ออกลายส่อสันดานเดิมแล้ว  แกทำได้ยังไงวะพ่ออยากรู้นัก
เหมรุจน์ : แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง  ให้เลิกกับดวงอย่างนั้นเหรอ  ผมทำไม่ได้  ผมจะยกย่องดวงเป็นเมียของผมอีกคน
เสริม : นี่แน่ะ  ยกย่องเมียอีกคน

***เสริมฟาดไม้ตะพดลงบนท่อนแขนของลูกชายที่ยกขึ้นรับด้วยสัญชาตญาณ

เหมรุจน์ : โอ้ยพ่อ  นี่พ่อตีผมจริงๆเหรอนี่
เสริม : เออซิวะ  พ่อขอบอกแกแล้วว่าห้ามแกทำอะไรเล่นๆ  แกร่ำร้องจะแต่งงานให้ได้พ่อก็ไปจัดการให้แล้วจะมาทำแบบนี้  มันก็ต้องหวดกระบานสั่งสอนกันมั่งแล้ว
เหมรุจน์ : พ่อตั้งแต่เล็กจนโตพ่อไม่เคยตีผม  ทั้งๆที่ผมทำผิดมาสารพัด แต่พ่อมาตีผมเพราะเรื่องนี้
เสริม : ทำไมแกจะโทษหนูนันหรือไง  อย่านะอย่าคิดแบบนั้นนะแก  กับใครถ้าแกเขี้ยวเชิญให้พ่อไปขอแล้วมาทำแบบนี้แกก็โดนทั้งนั้น
เหมรุจน์ : ผมไม่สนใจขอแล้วแต่งแล้ว  มันก็จบ  ชีวิตของผม  ความสุขของผม  ผมจะทำอะไรใครก็มาห้ามผมไม่ได้
เสริม : แกก็ลองดูซิ
เหมรุจน์ : พ่ออย่ามาบังคับผม
เสริม : ไอ้เจ้ารุจน์

***เหมรุจน์หันหลังกลับเขาทั้งโมโหและน้อยใจที่ถูกพ่อตี  เสริมตวาดตามหลังเสียงลั่นแต่เหมรุจน์ไม่ฟังเปิดประตูออกไปแล้วปิดประตูใส่หน้าพ่อเสียงดังสนั่น
***เขากลับมาที่ห้องเดิมของเขาสุดาดวงเข้ามาจะออเซาะเอาใจ  เขาผลักหล่อนออกห่างและทิ้งตัวลงนอน  เอาหมอนปิดหน้าอย่างระงับอารมณ์สุดขีด  ทั้งแค้นใจและน้อยใจ  จนอารมณ์พลุ่งพล่าน
***เช้าป้าสำเนียงกำลังรอพระที่มาบิณฑบาตอยู่ที่ประตูใหญ่หน้ารั้วบ้าน  รถสองแถววิ่งมาจอด  ป้าสำเนียงถึงกับตาโต  เมื่อผู้ที่ลงมาจากรถสองแถวคือปาริตา

สำเนียง : คุณปา
ปาริตา : ป้า  ป้าช่วยปาหิ้วกระเป๋าหน่อยซิจ๊ะ

***สำเนียงยืนงงจนปาริตาต้องเรียก

ปาริตา : ทำไมทำท่าทางตกใจอย่างนั้นคะ  ปาไปแค่ไม่กี่เดือนเองป้าจำปาไม่ได้หรือไงคะ
สำเนียง : เอ่อ..จำได้ค่ะ  ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะคะ

***สำเนียงช่วยปาริตาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่  แต่ในใจของแกตุ้มๆต่อมๆ  โถ่เอ้ยนี่มันจะเกิดอะไรขึ้นนะ

ปาริตา : รุจน์เขาสบายดีใช่ไหมป้า
สำเนียง : เอ่อ...ค่ะสบายดี
ปาริตา : แล้วคุณพ่อล่ะ
สำเนียง : ท่านก็สบายดี  คุณปากลับมาจากเมืองนอกตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
ปาริตา : เมื่อวานซืน  พอหายเหนื่อยก็มานี่เลย  คิดถึงรุจน์คิดถึงป้า
สำเนียง :  โถ  คุณปา

***แม่สำเนียงแทบน้ำตาหยด  ปาริตาไม่รู้เรื่องอะไรเลย  แถมตอนนี้ภายในบ้าน  ยังมีผู้หญิงถึงสองคนอยู่ข้างบน  คราวนี้เหมรุจน์รับศึกหนักแน่ๆ ปาริตาวางกระเป๋าใบเล็กที่เธอหิ้วมาลงและรีบขึ้นบันใดจะไปหาสามีที่เธอสุดแสนคิดถึงเขาที่เธอต้องบินกลับมาหาเขาอีกก็  เพราะทนความคิดถึงและความรักที่มีต่อเหมรุจน์ไม่ไหว

สำเนียง : เดี๋ยวค่ะคุณปา

***สำเนียงเรียกหญิงสาวท่าทางอึกอักพูดไม่ออก

ปาริตา : มีอะไรจ๊ะป้า  เดี๋นยวปาลงมานะ  ปาขอไปหารุจน์ก่อน

***ปาริตาบอกและรีบวิ่งขึ้นบน  สำเนียงถึงกับแขนตกลงข้างลำตัว

สำเนียง : โอย...ตายแล้วงานนี้  ใครจะอยู่ใครจะตายกันล่ะนี่

***ปาริตาเคาะประตูห้องของเหมรุจน์และยืนยิ้ม  เธอยืนรอเขาอยู่เดี๋ยวมาประตูห้องก็เปิดออก  สุดาดวงยืนหน้ายู่ยี่เพราะยังไม่ตื่นแล้วถูกปลุก  ปาริตาหุบยิ้มทันทีเมื่อผู้ที่เปิดประตูเป็นสุดาดวง

ปาริตา : คุณดวงนี่คุณมาทำอะไรที่นี่
สุดาดวง : ปาริตา

***สุดาดวงหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นปาริตา  ปาริตาผลักอกของสุดาดวงที่ยังยืนเซ่อตกใจ  และเข้ามาในห้องเหมรุจน์ยังหลับอยู่บนเตียง

ปาริตา : นี่หมายความว่ายังไง

***ปาริตายืนกรีดร้องถามแล้วกระชากผ้าห่มออกจากตัวของเหมรุจน์  คนที่กำลังหลับสนิทถึงกับสะดุ้งตื่น

เหมรุจน์ : โอ้ย...อะไร
ปาริตา : กรี๊ด...บอกนะว่านี่มันอะไรกัน....กรี๊ด

***เหมรุจน์ตกใจ  แต่พอรู้ว่าเป็นปาริตา  เขาถึงกับผุดลุกขึ้นนั่ง

เหมรุจน์ : ปา
ปาริตา :  รุจน์เกิดอะไรขึ้น  อีนังนี่เข้ามาอยู่ในห้องของเราได้ยังไงรุจน์  บอกมานะ

***ปาริตาโกรธสุดขีด  สุดาดวงรีบคว้าผ้าชุดนอนวิ่งเข้าไปใส่ในห้องน้ำ  เหมรุจน์มึนพูดอะไรไม่ถูก  ปาริตาอาละวาดลั่นอย่างสุดโมโห

เหมรุจน์ : ปาเดี๋ยวคุณใจเย็นๆก่อน
ปาริตา : ไม่เย็น  รุจน์เอาอีนี่เข้ามานอน  ในห้องในบ้านหมายความว่าอะไร  ปาไม่ยอมไม่ยอม ฮือๆๆ

***ปาริตาร้องไห้ไป  อาละวาดไปเหมรุจน์ต้องเผ่นลงจากเตียงสุดาดวงออกจากห้องน้ำ  ปาริตาผลีเข้าหาจะตบ  เหมรุจน์เข้าช่วยกันปาริตาจึงจิกทึ้งผมของเขาพัลวัน  เสียงเอะอะดังลั่นไปทั้งห้องจนเสริมตกใจรีบเข้ามาดู

เสริม : เฮ้ย....อะไรกันวะ พม่าบุกหรือไง  ทำไมเสียงถึงได้ลั่นกันขนาดนี้...อ้าว  หนูปา

***เสริมตกใจที่เห็นปาริตา

ปาริตา : คุณพ่อ  คุณพ่ออยู่ยังไงปล่อยให้รุจน์เอาอีนังนี่เข้ามานอนในบ้าน  ป่าไม่ยอมนะคะ  ไม่ยอม
เสริม : เดี๋ยวๆใจเย็นๆก่อนค่อยๆพูดค่อยๆจากัน

***เสริมไม่รู้จะทำยังไง  แต่ปาริตาไม่ยอม  จะเข้าตบตีสุดาดวงให้ได้เพราะแค้นสุดฤทธิ์  เหมรุจน์ก็โดนด้วยต้องเผ่นออกมานอกห้องปล่อยให้ปาริตากับสุดาดวงบู๊กัน  โดยมีเสริมเป็นกรรมการชั่วคราว  แม่สำเนียงขึ้นมายืนหน้าตื่นอยู่ด้วย

สำเนียง : คุณรุจน์คะจะทำยังไงดี
เหมรุจน์ : ไม่รู้ซิ  ปาเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่
สำเนียง : เพิ่งมาถึงค่ะ  มาถึงก็ขึ้นมาหาคุณรุจน์เลย

***เหมรุจน์หันมองไปในห้อง เสียงคนห้ามกับสองสาวเลี้ยวลั่น

เหมรุจน์ : ป้าเข้าไปช่วยพ่อห้ามสองคนนั้นทีเถอะ
สำเนียง : ค่ะๆ

***เหมรุจน์ยืนทำอะไรไม่ถูก  เขาหันมองไปยังห้องของนันดายังปิดประตูเงียบ  จึงลงไปยังชั้นล่างไปนั่งเอามือกุมหัว  ช่วงนี้เขาทำไมดวงถึงได้ตกนักนะ โถ่เอ้ย
***ในห้องเสริมตวาดปาริตากับสุดาดวงที่ตบกันไว้หูฟู  อย่างสุดโมโห

เสริม : หยุดกันเดี๋ยวนี้นะ  หยุดกันทั้งสองคนเลย
ปาริตา : คุณพ่อคะ  อีนี่มันแย่งผัวปา  ปาไม่ยอม
สุดาดวง : แย่งอะไร  แกทิ้งเขาไปแล้ว  หน้าด้านกลับมายังจะมาว่าฉัน
ปาริตา : ใครทิ้ง ฉันไม่เคยทิ้งรุจน์นะ
เสริม พอบอกให้หยุดให้พอ  จะบอกให้นะตอนนี้ไอ้เจ้ารุจน์มันเป็นผัวใครไม่ได้ทั้งนั้น  มันแต่งงานแล้วเมียของมันมี่แค่คนเดียว  คือหนูนันเท่านั้น  เข้าใจไหม

***ปาริตายังงงแต่สุดาดวงหน้าคว่ำ

สุดาดวง : คุณพ่อลำเอียงเข้าข้างยายนั่น  ดวงก็เป็นเมียของรุจน์  เป็นลูกสะใภ้คุณพ่อเหมือนกันนะคะ
เสริม : โอ้ยฉันยอมรับแต่เฉพาะคนที่ตกแต่งกันเป็นเรื่องเป็นราวเท่านั้น  คนอื่นฉันไม่ยอมรับหรอก
ปาริตา : คุณพ่อพูดอะไรปาไม่เข้าใจ

***ปาริตาถามอย่างงงๆเสริมให้แม่สำเนียงเป็นคนบอกปาริตา  ส่วนตัวเขาเดินลงมาข้างล่างปวดหัวหนึบ  ลงมาเห็นลูกชายนั่งเอามือกุมหัว  จึงด่าเข้าให้

เสริม : เป็นยังไงไอ้ขุนแผน  แกจะจัดการยังไง
เหมรุจน์ : จะจัดการยังไงล่ะ
เสริม : งามแน่ละแกคราวนี้  เมียเต็มบ้าน  แกจัดการให้เรียบร้อยนะจะบอกให้  อย่ามาให้ล้งเล้งเป็นตลาดนัดอีก  ไม่อย่างนั้นได้เห็นดีกัน

***ปาริตาวิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นลงมาหาเหมรุจน์  สุดดาดวงเดินตามลงมาด้วย

ปาริตา : รุจน์จริงเหรอคะที่ป้าสำเนียงบอกว่ารุจน์แต่งงาน
เสริม : ก็จริงน่ะสิ

***เสริมบอกซะเอง

ปาริตา : ได้ยังไง  รุจน์แต่งงานได้ยังไง  แล้วปาล่ะ  รุจน์เอาปาไปไว้ที่ไหน  ฮือๆ
เหมรุจน์ ปา....ผม....
เสริม : ก็เธอหนีเขาไปนานแล้ว  จะมาทำพิธีพิไรทำไมอีกล่ะ

***เสริมพูดอย่างสุดจะทน

ปาริตา : ปาไม่ยอม  ปาไม่ยอมเด็ดขาด  ปาเป็นเมียรุจน์  รุจน์จะไปแต่งงานมีคนอื่นได้ยังไง
เสริม : นี่มันสายไปหมดแล้วล่ะแม่คุ๊น  โน่นเมียแต่งนายรุจน์อยู่บนห้องโน่น

***แล้วปาริตาก็อาละวาดอีก  เสริมต้องตวาดให้หยุด เหมรุจน์ได้แต่นั่งมึน
***ในห้องรับแขกของบ้าน  ปาริตานั่งอยู่มุมหนึ่ง  สุดาดวงนั่งอยู่อีกมุม  เหมรุจน์นั่งไม่พูดไม่จา  หน้าตาเหมือนคนอกจะแตกตาย  เสริมยืนถือไม้ตะพดเดินไปเดินมางุ่นง่าน  นันดาเดินเข้ามาในห้องเสริมรีบเดินไปหา  หนูนันมานี่ลูก  หนูในฐานะเจ้าของบ้านหลังนี้พ่อจะให้หนูเป็นคนตัดสินปัญหาเพราะแม่ปาริตา  เขายืนยันจะอยู่ในบ้านหลังนี้ให้ได้
***นันดามองทุกคนโดยเฉพาะเหมรุจน์  เธอถึงกับยิ้มหยันเขาอย่างนึกสะใจ  เหมรุจน์เมินหน้าหนีทั้งอายทั้งโกรธที่ปาริตากับสุดาดวงมาก่อเรื่องให้นันดาเยาะเขาได้

นันดา : นันแล้วแต่คุณลุงค่ะ

***นันดายังไม่เรียกเสริมว่าพ่อ

เสริม : ไม่ได้ลูกพ่อให้สิทธิหนูเต็มที่ทั้งในฐานะลูกสะใภ้และฐานะเจ้าของบ้านหลังนี้

***เสริมย้ำให้ทุกคนได้ยิน  ปาริตาน้ำตากลบตานั่งสะอื้นออกมาอีก

นันดา : ถ้าแล้วแล้วแต่นัน  นันก็ให้เขาอยู่ได้กินทุกคน  นันไม่ห้ามใครหรอกค่ะ
เสริม : หนูนัน

***เสริมตาโตเหมรุจน์ลุกขึ้นและเดินหนีออกไปจากห้องเขารู้สึกเสียหน้าที่สุดเรื่องทุกอย่างของเขาดันไปอยู่ในกำมือของนันดา  ส่วนปาริตารีบเช็ดน้ำตา  สุดาดวงเมื่อเห็นว่าปาริตาอยู่ที่นี่ได้หล่อนก็จะอยู่ด้วย

สุดาดวง :แล้วชั้นล่ะ  ชั้นก็เมียของรุจน์เหมือนกัน ฉันต้องอยู่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย   นันดาว่ายังไงเธอจะยอมให้ฉันอยู่ที่นี่ด้วยไหม
นันดา : เชิญตามสบาย

***นันดาพูดแล้วเดินออกไปจากห้อง  สุดาดวงยิ้มสะใจส่วนปาริตารีบวิ่งออกไปตามหาเหมรุจน์  ทั้งคู่เขจ้ามาเถียงกันในสวนหลังบ้าน

                                                   ........................................................................................



ตอนที่ 17



เหมรุจน์ : ปาคุณกลับมาทำไม
ปาริตา : รุจน์ นี่รุจน์พูดแบบนี้กับปาได้ยังไง  รุจน์ทำให้ปาต้องน้อยใจและหนีรุจน์ไป  แต่รุจน์ไม่เคยสนใจจะตามปาเลย
เหมรุจน์ : ผมไม่ได้ว่าง  ถึงจะได้มีเวลาไล่ตามคุณ
ปาริตา : รุจน์ก็เลยมีเมียใหม่  แต่งงานใหม่  รุจน์ทำกับปาได้นะ  รุจน์ไม่ได้รักปาเลยหรือไง
เหมรุจน์ : ปาคุณกลับมาตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วผมอยากให้คุณกลับไปอยู่กรุงเทพ
ปาริตา : ไม่ค่ะ ปาจะอยู่ที่นี่เป็นเมียของรุจน์เหมือนเดิมใครจะทำไม
เหมรุจน์ : ใช่ไม่มีใครเขาทำไรคุณหรอกก็เอาซี่  ถ้าคุณอยากจะอยู่กับผมคุณทนสภาพแบบนี้ได้ก็เชิญ

***ปาริตาร้องไห้โฮ  เหมรุจน์เดินหนีอย่างสุดจะหงุดหงิด
***สุดาดวงเก็บผ้าเก็บผ่อนมาอยู่ในบ้านของเหมรุจน์อีกคน  ศึกชิงห้องนอนเกิดขึ้นอีกรอบระหว่างปาริตากับสุดาดวง  สำเนียงเป็นคนห้ามทัพและจัดห้องให้อีกห้องให้สุดาดวงอยู่  นันดานอนซะใจอยู่บนเตียงโดยมีไลลาโดยมีไลลานั่งมองเจ้านายสาว

ไลลา : ท่าทางของคุณนันดูมีความสุขจังเลยนะคะ   ทั้งๆที่ผู้หญิงของคุณรุจน์มาแย่งกันทะเลาะกันลั่นบ้าน
นันดา : อ๊ะ  แล้วไลลาจะให้ฉันทุกข์ไปทำไมล่ะ  รู้ไหมฉันน่ะสะใจเป็นที่สุดที่นายนั่นเจอแบบนั้นต่อไปเขจาก็ไม่มีเวลาหรือโอกาสมาตอแยกับฉันอีกได้คนมาช่วยแบบคาดไม่ถึงเลยล่ะคราวนี้
ไลลา : คุณนันจะเป็นตาอยู่ใช่ไหมคะ
นันดา : อะไร
ไลลา : ก็ตาอินกะตานาแย่งปลากันสุดท้ายตาอยู่ได้ปลาไปกิน
นันดา : โอ้ยไม่เอาหรอก  ถ้าฉันจะเป็นตาอยู่ก็เป็นตาอยู่เย็นเป็นสุขไม่ใช่ตอนอยู่ตะกละกินปลาแน่ย่ะ  โยเฉพาะปลาตีนอย่างนายเหวนรกนั่น
ไลลา : ตายแล้วคุณนัน  เปรียบคุณรุจน์ซะไลลานึกภาพไม่ออกเลยค่ะ

***วันเวลาผ่านไปเหมรุจน์แทบหาความสงบสุขในชีวิตประจำวันไม่ได้  ปาริตากับสุดาดวงเป็นซะยิ่งกว่าขมิ้นกับปูนส่วนนันดาเธอไปๆมาๆระหว่างบ้านของเธอกับบ้านของเหมรุจน์  แต่ส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่บ้านของเธอซะมากกว่า
***วันนี้เป็นวันครบรอบอายุ60ปีของเสริม  จึงจัดงานเลี้ยงกันในหมู่เพื่อนฝูงญาติมิตรที่บ้านหลังงาม  ชินก็มาร่วมอวยพรวันเกิดให้เพื่อนด้วยและในฐานะเกี่ยวดองกันอีกขั้น

เสริม : คนเรามันแก่เร็วแฮะ ดูสิเผลอแป๊บเดียวอายุปาเข้าไป60ปีแล้ว

***เสริมพูด

เพื่อน : เออแก่ง่ายแต่อย่าตายเร็วก็แล้วกันเพื่อนๆอยู่ดูลูกหลานมันเจริญรุ่งเรืองกันไปก่อน

***เพื่อนๆพูด

เสริม : ลูกน่ะเห็นแล้วมีเจริญดีแต่หลานนี่ซิ  ยังไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เห็นวะ
ชิน : เจ้ารุจน์มันมีความสามารถมีเมียทีสามสี่คน  แต่มันไม่มีความสามารถทำหลานให้แกซักคนหรือไงวะ

***ชินว่าแขวะเพื่อน  เสริมทำหน้าปุเลี่ยนๆตอบอ่อยๆ

เสริม : ไม่รู้มันกับใครก็เงียบจ้อย
เพื่อน : ใช้งานมากกระสุนด้านซะล่ะมั้งวะ

***เพื่อนอีกคนช่วยเสริม

เพื่อน : ข้าบอกให้นะโว้ย  คนมีฝีมือมันต้องมีคุณภาพด้วย  ลูกชายแกสงสัยจะมีแต่ฝีมือไม่มีคุณภาพ

***เพื่อนๆช่วยกันยำเสริมเพราะเริ่มมึนกันแล้ว

เพื่อน : เอ๊ะ  แล้วนี่แล้วสะใภ้ใหญ่ของแกไปไหนวะ

***เพื่อนถามเสริม  ชินมองหาลูกสาวยังคุยอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงอยู่อีกมุม  ส่วนเหมรุจน์ก็อยู่กับบรรดาเพื่อนๆอีกมุม  ปาริตากับสุดาดวงก็อยู่กันคนละโต๊ะ  เขาเลยถามลูกสาวว่าทนได้ไหมที่เหมรุจน์มีเมียหลายคนแบบนี้  ถ้าทนไม่ได้ก็ขอให้ลูกกลับมาอยู่กับพ่อกับแม่แต่นันดาก็บอกว่าไม่มีปัญหาเธอขอเวลาอีกสักระยะแล้วคงขอหย่าให้เด็กขาด  ชินไม่รู้ว่าลูกสาวจะทำอะไรแต่ก็พร้อมที่จะให้ลูกกลับมาสู่อ้อมอกของพ่อตลอดเวลา  เพราะไม่ต้องการให้ลูกต้องทนอยู่กับผู้ชายเจ้าชู้มากเมียเช่นเหมรุจน์  สำหรับนันดาเธอชะล่าใจคิดว่าเหมรุจน์รังเกียจและไม่สนใจเธออีกแล้วจะอยู่ดูความวุ่นวายในชีวิตของเขาให้สะใจซะก่อนก็แค่อีกไม่นานเท่านั้นงานเลี้ยงเลิกจนสี่ทุ่มกว่า  เมื่อแขกกลับกันไปหมดแล้ว  เสริมเข้ามานั่งพักผ่อนเตรียมจะขึ้นข้างบนเหมรุจน์เดินเข้ามาโดยมีสุดาดวงเกาะแขนแจ

เหมรุจน์ : เหนื่อยไหมพ่อ
เสริม : ไม่เท่าไหร่หรอก  แกจะขึ้นนอนแล้วเรอะ
เหมรุจน์ : พ่อมีอะไรหรือเปล่า
เสริม : ไม่มีหรอกก็ว่าจะขึ้นนอนเหมือนกัน  แล้วนี่หนูนันกลับไปบ้านโน่นกับเขาหรือเปล่า
เหมรุจน์ : ไม่รู้สิผมไม่เห็น
เสริม : นี่แกอย่าทำเป็นหูป่าตาเถื่อนกับเมียของแกนัก
สุดาดวง : แหมคุณพ่อคะ  จะให้รุจน์ตามดูเขาทุกวิถีก้าวหรือไงคะ

***สุดาดวงว่า

เสริม : ไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอก  แต่มันก็ต้องมีเวลาให้เขาบ้างยังไงเขาก็เป็นเมียแต่งออกหน้าออกตา

***เสริมว่าแล้วลุกขึ้นเดินหนีอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

สุดาดวง : รุจน์ขาคืนนี้นอนกับดวงนะ
ปาริตา : ไม่ได้

***ปาริตาแหวหล่อนเข้ามายืนโดยที่สุดาดวงไม่ทันเห็น

สุดาดวง : ทำไมจะไม่ได้  เมื่อคืนรุจน์ก็อยู่กับเธอแล้วจะควบทุกคืนโดยไม่แบ่งปันไม่ได้หรอกนะ
ปาริตา : ที่ไหนเมื่อคืนรุจน์ไม่อยู่กับฉันนะ
เหมรุจน์ : โอ้ย  นี่อย่าเถียงกันได้ไหม  ผมจะบ้าตายอยู่แล้วเลิกทำตัวเป็นตังเมซะที  เบื่อ  เบื่อที่สุดในโลก

***เหมรุจน์ว๊ากแล้วเดินหนี  แต่สุดาดวงไม่ยอมหล่อนวิ่งตามเขาตื้อจะให้เขาไปนอนด้วย  ปาริตาหรือจะยอมแล้วทั้งคู่ก็เถียงกันลั่นอีก  เหมรุจน์ตวาดอย่างเหลืออด

เหมรุจน์ : นี่ไปเลยนะ  จะไปไหนก็ไปกันเลย  ผมไม่ไปนอนกับใครทั้งนั้นได้ยินไหมไปให้พ้น

***สุดาดวงกับปาริตาหันมาค้อนตาเขียงใส่กัน  เหมรุจน์ขึ้นมาชั้นบนเจอกับนันดา  เธอยิ้มเยาะใส่เขาอย่างสะใจแล้วเดินเข้าห้องของเธอเหมรุจน์เดือดปุดๆแต่ทำอะไรไมได้
***เพราสุดแสนจะรำคาญปาริตากับสุดาดวง  เหมรุจน์จึงลงมานอนที่โซฟายาวในห้องนั่งเล่นข้างล่างดึกแล้วไลลาลงมาเอานมสดไปให้นันดา

ไลลา : ว๊ายตาเถร
เหมรุจน์ : ฉันเองตาเถรที่ไหน

***เหมรุจน์บอกเพราะไลลาตกใจ

ไลลา : คุณรุจน์ทำไมยังไม่ขึ้นนอนอีกคะ  นี่ดึกแล้วนะคะ
เหมรุจน์ : แล้วเธอล่ะลงมาทำอะไรดึกๆดื่นๆไม่ยอมหลับยอมนอน
ไลลา : ไลลามาเอานมไปให้คุณนันค่ะ
เหมรุจน์ : ดึกป่านี้เขายังจะกินนมอีกหรือ
ไลลา : คุณนันเธออ่านหนังสือค่ะ  เลยอยู่ดึกทุกคืน
เหมรุจน์ : เหรอ
ไลลา : ไลลาไปเอานมก่อนนะคะ

***เหมรุจน์มองตามแม่สุนัขแสนซื่อเฝ้าเจ้านายแจ  เมื่อไลลาถือแก้วนมจะขึ้นบนเหมรุจน์จึงเรียก

เหมรุจน์ : ไลลา
ไลลา : ค่ะ คุณรุจน์จะเอานมเหมือนกันเหรอคะ
เหมรุจน์ : เปล่าแต่แก้วนมนั้นน่ะ  เอามาให้ฉันฉันจะเอาขึ้นไปให้เจ้านายของไลลาเอง
ไลลา : เอ่อ...

***ไลลาอึกอัก

เหมรุจน์ : ส่งมาซี่แล้วเธอก็ไปหาที่นอนเอานะ  จะไปนอนกับป้าสำเนียงก็ได้
ไลลา : ไม่ได้หรอกค่ะ  คุณนันเธอให้ไลลานอนเป็นเพื่อนเธอ
เหมรุจน์ : จะไม่ได้ได้ยังไง  ฉันจะเข้าไปนอนในห้องนั้นแล้ว  เธอจะนอนด้วยได้ยังไง  เอาแก้วนมมานี่
ไลลา : ไลลาขอไปบอกคุณนันก่อนนะคะ
เหมรุจน์ : ไม่ต้อง

***ไลลาหน้าเสียจำต้องส่งแก้วนมให้เหมรุจน์  ในใจนึกเป็นห่วงนันดาแต่ไม่รู้จะทำยังไง
***เหมรุจน์เอาแก้วนมสดวางบนโต๊ะหน้าบันได เมื่อขึ้นมาข้างบนเขาเดินไปที่ห้องหอที่ม่าเคยได้นอนอีกเลยตั้งแต่คืนวันส่งตัวประตูห้องไม่ได้ล็อคเพราะไลลาออกไปเอานำสด  เขาเปิดประตูเข้าไปแล้วปิดเบาๆ  นันดานอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่บนเตียงแต่ยังไม่วายร้องสั่งเพราะคิดว่าไลลา  เข้ามา

นันดา : ล็อคประตูซะด้วยนะไลลา  อย่าลืม

***เสียงดังกริกของกลอนล็อคทำงาน  เหมรุจน์เดินมายืนข้างเตียง  นันดายังอ่านหนังสืออย่างติดมันและไม่ได้เฉลียวใจว่าผู้ที่อยู่ข้างเตียงเธอไม่ใช่ไลลา

นันดา : เธอน่ะนอนได้แล้ว  แก้วนมก็วางบนโต๊ะน่ะแหละฉันจะนอนแล้วค่อยกิน

***ปากก็สั่งตาก็จับจ้องอยู่กับตัวหนังสือ  เหมรุจน์ลงนั่งที่เตียงกลิ่นหอมแปลกๆโชยเข้าจมูก  นันดาจึงหันมองอย่างแปลกใจแล้วก็ถึงกับสะดุ้งพรอดลุกขึ้นนั่ง  เหมรุจน์คว้าไหล่ทั้งสองข้างของเธอจับกดลงนอน

นันดา : ว๊าย  นายเข้ามาทำไม  ออกไปนะ  ไลลาไลลา
เหมรุจน์ : จะเรียกทำไมไลลาเขาไปนอนแล้ว

***นันดาดิ้นสุดแรงเหมรุจน์ก้มลงจูบที่ปากของเธอ

นันดา : อย่านะ ออกไป  ออกไปให้พ้น
เหมรุจน์ : เหมรุจน์จะให้ผมออกไปไหน  คุณทำให้ผมต้องไม่มีห้องจะนอนสะใจมากใช่ไหม  คืนนี้ผมจะนอนกับคุณ
นันดา : ไม่นะไม่

***นันดาดิ้นรนสุดฤทธิ์  แต่เหมรุจน์กอดมัดเธอไม่ยอมปล่อยนันดาตัวเล็กบอบบางจะสู้แรงของเหมรุจน์ได้อย่างไร  ในไม่ช้าเธอก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดแทบขาดใจ  เพราะตกเป็นของเหมรุจน์อย่างสุดจะพัดทานแรงของเขาได้  เวลาผ่านไปเหมรุจน์สุขสมเต็มที่และตื่นเต้นอย่างเหลือล้น  เมื่อรู้ว่าที่แท้นันดายังบริสุทธ์ผุดผ่องเขานึกเจ็บใจตัวเองที่โง่ให้นันดาหลอกมาตั้งนานเขากอดกระชับเธอแนบอกกระซิบข้างหูของเธออย่างอิ่มเอมและภูมิใจ

เหมรุจน์ : คุณโกหกผมคุณนัน

***นันดากัดฟันน้ำตาไหลเป็นทางลงเปียกหมอน  เหมรุจน์จูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ

เหมรุจน์ : ร้องไห้ทำไมคนเก่งเขาไม่ร้องกันหรอกรู้ไหม

***นันดาพักอกเขาให้ปล่อยเธอ  แต่เหมรุจน์ไม่ยอมปล่อยกลับกระชับแขนให้แน่นขึ้น

นันดา : คนเลวปล่อยฉันนะ  สมใจนายแล้วก็ไปให้พ้น
เหมรุจน์ : จะไล่ผมไปไหนเราเป็นผัวเมียกันนะ  ผัวเมียเขาต้องอยู่ด้วยกันนอนด้วยกันสิ  แล้วก็ทำแบบนี้กัน

***นันดาน้ำมูกน้ำตาไหลร้องไห้อย่างสุดแค้นที่เสียท่าให้เขาจนได้  เหมรุจน์ตื่นนอนตอนเช้าไม่เห็นนันดาแล้ว  เขาลุกขึ้นนั่งกระหยิ่มยิ้มย่องสุขใจ  ฮัมเพลงเบาๆเข้าไปอาบน้ำอย่างสุขสมอุรากลับออกมาจัดการแต่งตัว  หนังสือของนันดาหล่นอยู่ข้างเตียง  เขาเดินหยิบเปิดออกดูสามสี่หน้าแล้ววางไว้บนโต๊ะเล็กหัวเตียงบนเตียงผ้าปูที่นอนสีขาวเปื้อนเลือดเป็นวงขนาดใหญ่  เลือดสาวของนันดา  เหมรุจน์นึกถึงเมื่อคืนอย่างภูมิใจ  กว่าจะรู้ว่าน้ำผึ้งยังบริสุทธ์ก็เสียเวลาไปซะเป็นเดือน  เขานี่โง่จริงๆเลยเหมรุจน์ลงมาข้างล่างเจอแต่สุดาดวงกับปาริตาที่หน้าเง้าหน้างอกันอยู่

เหมรุจน์ : ป้าสำเนียงคุณนันล่ะ

***เขาถามแม่บ้าน

สำเนียง : คุณนันเธอไปบ้านของเธอแต่เช้าแล้วค่ะ
สุดาดวง : รุจน์ถามหาเขาทำไมคะ  เขาก็กลับไปบ้านเขาอยู่บ่อยๆ

***สุดาดวงว่า

เหมรุจน์ : ป้ามีอะไรกินมั่งเช้านี้ผมหิวจัง
สำเนียง : มีข้าวต้มหมูค่ะ
เหมรุจน์ : ตักมาเลย ผมหิวขอกินก่อนเลย
ปาริตา : รุจน์คะเมื่อเมื่อคืนรุจน์นอนที่ไหน

***ปาริตาถามเพราะดึกแล้วเธอลงมาข้างล่างไม่เห็นเขา

เหมรุจน์ : นอนในห้องน่ะสิ
ปาริตา : ห้องไหน
สุดาดวง : ไม่ใช่ห้องฉันนะ

***สุดาดวงรีบบอก

ปาริตา : รุจน์นอนห้องไหนกันแน่
เหมรุจน์ : ห้องคุณนันมีอะไรไหม
ปาริตา : รุจน์

***ทั้งสุดาดวงและปาริตาตาโตแต่คนที่ตาโตกว่าคือป้าสำเนียง  จะเป็นไปได้ยังไงนางรู้ว่าเหมรุจน์ไม่เคยไปนอนที่หอของนันดาเลยตั้งแต่แต่งงาน  นันดาเอาไลลาเข้าไปนอนเฝ้าด้วยตลอด

                                                   ........................................................................................
ตอนที่  18
***สำหรับนันดาเธอกลับมานอนระทมทรวงอยู่ที่บ้านของเธอ  แก้วตาเข้ามาหาลูกสาว  เพราะนันดากลับมาบ้านก็ขลุกอยู่แต่ในห้องของเธอ

แก้วตา : นันเป็นอะไรลูกมาบ้านก็ไม่ยอมพูดจาอะไรกับใคร  อยู่แต่บนห้องนี่ทะเลาะกับรุจน์มาใช่ไหม
นันดา : แม่คะนันจะหย่ากับเขา  จะไม่กลับไปอยู่บ้านโน่นอีก
แก้วตา : ทะเลาะอะไรกันหรือบอกแม่ซิ  แม่จะไปจัดการให้
นันดา : เขารังแกนันค่ะแม่นันเกลียดเขา
แก้วตา : นี่เขากล้าดียังไงถึงมารังแกลูกของแม่แบบนี้ต้องไปพูดกันให้แตกหักแล้ว  หนอยเอาเมียน้อยเมียเก็บมาอยู่รอบบ้านยังไม่พอยังกล้ามารังแกลูกของแม่อีก  ไปไปกับแม่  แม่จะไปจัดการให้รู้เรื่องไปเลย
นันดา : ไม่เอาค่ะแม่  แค่นันหย่ากับเขาก็พอแล้ว
แก้วตา : หย่าก็หย่า ไม่ต้องไปทนเลยพอกันที  แม่มีปัญญาเลี้ยงลูกของแม่ได้

***แก้วตาโกรธเพราะไม่รู้ความจริง  แต่นันดาห้ามไว้และขออนุญาตหย่ากับเหมรุจน์ซึ่งแก้วตาก็ยอม  แก้วตาเอาเรื่องที่นันดาขอหย่ากับเหมรุจน์ไปบอกชิน

ชิน : จะหย่าเรอะ
แก้วตา : ค่ะหย่าไปเถอะ  ถึงอยู่ด้วยกันไปยายนันไม่มีความสุขแน่  เขาเอาเมียเก่าเมียเก็บเข้ามาอยู่ในบ้านสองคนสามคน  ยายนันจะต้องทนขมขื่นไปจนตายถ้าอยู่กับเขาต่อไป
ชิน : ตามใจจะหย่าก็หย่า  ผมไม่ห้ามอยู่แล้ว  แล้วจะไปหย่ากันเมื่อไหร่
แก้วตา :  ฉันจะบอกเขาให้ไปเจอกันที่อำเภอ  จะพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ได้

***ตกเย็นฝนตกลงมาอย่างหนักนันดาไม่ยอมกลับมาบ้านเหมรุจน์คอยเธอจนถึงมืด  สุดาดวงเข้ามาออดอ้อนเง้างอด

สุดาดวง : รุจน์  พักนี้ดวงไม่มีความสุขเลย
เหมรุจน์ :  ไม่มึวามสุขแล้วคุณจะให้ผมทำยังไง
สุดาดวง ดวงอยากไปเที่ยวตามลำพังกับรุจน์  คืนนี้เราไปเที่ยวกันไหมคะ
เหมรุจน์ : ฝนตกหนักอย่างนี้เนี่ยนะ  คุณนี่ไม่ดูฤดูกาลเอาซะเลยนะฝนตกยังกับฟ้ารั่วยังคิดจะไปเที่ยวอีก

***เหมรุจน์พูดอย่างเซ็งๆ

สุดาดวง : งั้นเราขึ้นไปนอนคุยกันก็ได้นะคะ  ไปคะ  เดี๋ยวดวงจะบีบนวดให้
เหมรุจน์ : ดวงคุณขึ้นไปก่อนนะ  ผมอยากนั่งอยู่ตรงนี้สักเดี๋ยว
สุดาดวง : แล้วรุจน์ตามดวงขึ้นไปนะคะ

***เหมรุจน์นั่งถอนใจ  สุดาดวงหอมแก้มเขาแล้วรีบขึ้นข้างบนเพื่อไปรอเขา

เสริม : นั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้วะเจ้ารุจน์
เหมรุจน์ : นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะพ่อ
เสริม : วันนี้สงสัยหนูนันนอนที่บ้านโน่น  ตั้งแต่เช้าแล้วพ่อไม่เห็นหน้าเลย  เขาไปบ้านเขาตอนไหนแกรู้ไหม
เหมรุจน์ : คงตั้งแต่เช้านั่นแหละ
เสริม : พ่อละเสียวไอชินมันจะเอาลูกสาวของมันกลับนัก
เหมรุจน์ : เขาจะเอากลับไปได้ยังไง  นันดาแต่งงานแล้วมีครอบครัวแล้ว
เสริม : เฮอะ  ถ้าแกมีลูกสาวแล้วมีลูกเขยแย่มาก  แกจะเอาลูกสาวกลับไหมวะ
เหมรุจน์ : ผมไม่ยอมหรอกพ่อ
เสริม : แกไม่ยอมจะรั้งเขาไว้ทำไม  เมียเมียของแกอีกตั้งสองคนยังไม่พออีกเหรอวะ
เหมรุจน์ :  แต่นันดาเป็นเมียแต่งจดทะเบียนของผม
เสริม : แกเลยจะเอาเขามาเก็บใส่ตู้เอาไว้  แล้วนอนกับเมียเก็บเมียน้อยไปใช่ไหม
เหมรุจน์ : พ่อพูดเหมือนอยากให้ผมเลิกกับนันดา
เสริม : ก็ถ้าเขาจะขอเลิก  แล้วพ่อจะไปทำยังไง  ไปพูดไปเอะอะไรได้  ตอนก่อนแต่งก็ตกลงกันไว้  ถ้าลูกสาวของเขาไม่มีความสุขเขามีสิทธิจะเอาลูกของเขาคืน
เหมรุจน์ : แล้วพ่อไปตกลงกับเขาอย่างนั้นได้ยังไง  นันดาเป็นเมียผม  ผมจะให้หรือไม่ให้ก็ขึ้นอยู่กับผมไม่ใช่พ่อ
เสริม : วะ  ไอ้นี่มันว่าพ่อ  ก็เขาคาดคั้นเอาแบบนั้นจะไม่ยอมตกลงกับเขาได้ยังไง  แกก็ทำตัวให้มันดีๆสิ  ถ้ากลัวเขาจะมาเอาเมียคืนก็   อ้าวเห้ยแล้วนั่นแกจะไปไหน
เหมรุจน์ : ไปรับนันดากลับบ้าน  หรือไม่ก็นอนค้างที่โน่นพ่อปิดบ้านเลยนะไม่ต้องห่วงผม

***เหมรุจน์พูดแล้วเดินลิ่วออกไป

เสริม : แกจะไปยังไงวะ  ฝนตกหนักออกอย่างนี้  เจ้ารุจน์

***ฝนตกหนักมาแก้วตาบ่นกับชิน

แก้วตา : ตกหนักแบบนี้พรุ่งนี้มีสิทธิน้ำท่วมถนนอีกนะคะ  ถนนหน้าบ้านของเรามันต่ำ  ฉันว่าจ้างคนมาทำซะดีไหม
ชิน : ก็เอาซี่  แต่ว่าทำตอนฝนตก  มันจะเละนะ  รถเข้าออกก็ลำบาก
แก้วตา : แล้วปล่อยให้น้ำท่วมขังไม่ลำบากกว่าหรือคะ

***แสงไฟรถส่องอยู่ที่ประตูรั้วบ้าน  แก้วตาชะเง้อมองอย่างแปลกใจ

แก้วตา : คุณคะ  สงสัยตาดลจะกลับมานอนบ้านนะคะนั่น
ชิน : เรอะ  แล้วทำไมมาเอาดึกเลยฝนก็ตกอย่างนี้  อกไปรับลูกหน่อยไป
แก้วตา : ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ  ตาหนุนออกไปเปิดประตูให้แล้ว  เอ๊ะไม่ใช่รถของตาดลนี่
ชิน : อ้าวแล้วรถใครล่ะ  มาเอาป่านนี้
แก้วตา : อ๋อ  รถของพ่อลูกเขยตัวดีของคุณน่ะซี่คะ  ดีเลยมาก็ดีเลยจะได้พูดกันซะให้รู้เรื่องรู้ราวไป
ชิน : เอ่อ..แม่แก้วใจเย็นๆ ก่อนน่า  ดูเขาไปก่อนว่าเขามาทำไม

***สองผัวเมียรีบออกไปรับหน้าลูกเขย  เหมรุจน์จอดรถแล้ววิ่งผ่าฝนเข้ามาในบ้าน

เหมรุจน์ : คุณพ่อคุณแม่
ชิน : ทำไมมาตอนนี้หืมม์  ฝนก็ตกแล้วมันก็ดึกแล้วสี่ทุ่มแล้วเนี่ย

***ชินพูดแบบตำหนิเขาไปด้วย  แก้วตาน่ะหน้างอตั้งท่าเลยเชียว

เหมรุจน์ : ผมจะมารับคุณนัน  รอให้ฝนซาก็ไม่ซาซักที  เลยมาเอาดึกไปหน่อย
แก้วตา : จะมารับเขาทำไมกัน

***แก้วตาแหว  แต่ชินสะกิดเมีย

ชิน : มันดึกแล้ว  เอาไว้พรุ่งนี้เถอะนะ  ฝนฟ้ามันก็ตกจะตากฝนกลับไปได้ยังไง

***ชินบอก

แก้วตา : ฉันไม่ให้ลูกของฉันกลับไปแล้วล่ะ  เธอมาก็ดีเราจะได้พูดกันซะให้มันรู้เรื่องไปเลย  ฉันต้องให้ยายนันหย่ากับเธอให้มันจบๆไป
เหมรุจน์ : คุณแม่เรื่องอะไรจะให้ผมหย่ากับนัน
แก้วตา : อยู่ด้วยกันแล้วมันไม่มีความสุขมันก็ต้องหย่ากันสิ  ฉันน่ะทนเห็นลูกสาวของฉันทุกข์ทรมานต่อไปไม่ได้แล้วนะ  เธอเอาเมียกี่คนมาอยู่ในบ้าน  ยังไม่พอยังรังแกลูกของฉันอีก  หย่ากันซะลูกของฉันจะได้หมดเวรหมดกรรม
เหมรุจน์ : ผมไม่หย่า

***เหมรุจน์สวนทันที  แก้วตาแหว

แก้วตา : จะรั้งลูกฉันไว้ทำไม  ลูกของฉันเขาไม่ทนอยู่กับเธออีกแล้ว
ชิน : แม่แก้วใจเย็นๆ ค่อยๆพูดเถอะเดี๋ยวบ่าวไพร่ มันมาได้ยินไม่ดีนะ
แก้วตา : ค่อยๆพูดเหรอคะ คุณก็เห็นเขาไม่ยอมหย่าให้ยายนันวันนี้ก็รังแกลูกเรามา  จะให้เขาเอาลูกของเราไว้ทารุณหรือไง
เหมรุจน์ : คุณนันบอกคุณแม่เหรอครับว่าผมรังแก
แก้วตา : ใช่แล้วมันจริงหรือเปล่า  ยายนันแจ้นกลับบ้านมาแต่เช้า  หน้าตานี้อิดโรยมาเลย  นี่นะคงถูกทารุณมาอย่างหนัก

***เหมรุจน์ไม่รู้จะพูดยังไง  ถูกแก้วตาว่าแจ๋นๆ

แก้วตา : ฉันน่ะอดทนเห็นลูกสาวถูกเธอเอาไปย่ำยีน้ำใจมานานแล้วนะ  หนอยแต่งงานเสร็จแล้วก็เอาเมียน้อยเมียเก็บเข้ามาอยู่ในบ้านเลย  ทำอะไรไม่เคยเกรงใจกันทั้งสิ้น  เห็นว่าแต่งลูกของฉันไปแล้ว
เหมรุจน์ : คุณแม่ฟังผมก่อน  ที่ผมเอาดวงกับปาเข้ามาอยู่ในบ้าน  ก็คุณนันเป็นคนอนุญาตให้เขาเข้ามาอยู่  ผมกับพ่อไม่ยอมแต่คุณนันเขาถือสิทธิว่าเป็นเจ้าของบ้าน  เขาให้อยู่แล้วผมจะทำยังไง
แก้วตา : อะไรนะ

***แก้วตาตาโต

เหมรุจน์ : แล้วที่ว่ารังแกมันก็ไม่จริงเลย  เมื่อคืนผมนอนกับเขา  ผมแต่งงานกับเขามาจะสองเดือนแล้วเพิ่งได้นอนด้วยกันก็เมื่อคืน  ถ้าผัวเมียนอนด้วยกันแล้วถือว่ารังแกกันคนทั้งโลกมิถูกรังแกหมดเหรอครับ

ชิน : อ้าวแล้วกัน

***ชินร้องตาโตส่วนแก้วตาอ้าปากค้างพูดไม่ออก

แก้วตา : ก็ยายนันบอกว่าเธอรังแกเขา
เหมรุจน์ : คุณแม่เรียกเขามาถามซิครับว่าที่ผมพูดน่ะจริงไหม
ชิน : แม่แก้วผมว่ามันชักจะยังไงๆแล้วนา
แก้วตา : ไม่รู้ล่ะ ก็ยายนันบอกฉันแบบนี้นี่
เหมรุจน์ : ผมขอขึ้นไปหานันดานะครับ
ชิน : เอ่อ..จะรีบกันกลับไปนี่น่ะหรือ  พ่อว่าเอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่านะ  นี่ฝนมันก็ตกแล้วก็ดึกแล้วด้วย
เหมรุจน์ : ไม่รับเขากลับก็ได้แต่ผมขอขึ้นไปพบเขาหน่อย
ชิน : เธอจะนอนค้างที่นี่พ่อก็อนุญาตนะ
เหมรุจน์ : ขอบคุณครับ
แก้วตา : คุณคะ
ชิน : น่าเรื่องระหว่างผัวเมีย  เราไปนอนเถอะให้เขาคุยกันเองดีกว่า
เหมรุจน์ : ผมไม่รู้ว่าห้องคุณนันอยู่ตรงไหน
ชิน : มาเดี๋ยวพ่อพาไป
เหมรุจน์ : ขอบคุณครับคุณพ่อ

***เหมรุจน์เดินตามชินขึ้นมายังชั้นบน  ชินเคาะประตูเรียกลูกสาว

ชิน : นัน...หลับแล้วหรือยังลูกเปิดประตูให้พ่อหน่อย

***นันดามาเปิดประตูให้พ่อแต่คนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือเหมรุจน์
***เธอตจะปิดประตูแต่ชินรีบบอก

ชิน : เดี๋ยวยายนัน  รุจน์เขามาหา
เหมรุจน์ : ขอบคุณครับคุณพ่อ

***เหมรุจน์หันไปขอบคุณพ่อตาแล้วรีบผลักประตูแทรกตัวเข้ามาในห้อง  นันดาตาเขียวปัดอย่างเอาเรื่อง

นันดา : นายมาทำไม  ที่นี่บ้านของฉันนะ
เหมรุจน์ : ที่โน่นก็บ้านคุณ
นันดา : นี่นายตามาหาเรื่องฉันถึงที่นี่เลยหรือไง
เหมรุจน์ : ไม่เอาน่า  คุณก็รู้ว่าผมตามคุณมาทำไม  ตั้งแต่เมื่อคืนเรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลย
นันดา : ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย  นอกจากเรื่องหย่าฉันขอหย่า
เหมรุจน์ : ไม่
นันดา : นายเหมรุจน์ นายก็ได้สมใจแล้วจะรั้งฉันไว้ทำไม ฉันเกลียดนาย และจะไม่ทนอยู่กับนายเด็ดขาด
เหมรุจน์ : ก็เพราะผมได้คุณแล้วน่ะสิ ถึงไม่ยอมหย่าข้าวเพิ่งสุกใหม่ปลายังเนื้อมัน  ถ้าผมหย่าผมก็โง่น่ะซิ ที่ผ่านมาโง่ให้คุณหลอกซะตั้งนาน  คุณรู้ไหมผมอยากเขกหัวตัวเองกี่สิบครั้ง  คุณน่ะเก่งเก่งมาก
เหมรุจน์เดินเข้าหา  นันดาวิ่งไปคว้าไม้เบสบอลที่มุมห้องร้องตวาดห้าม
นันดา : นายอย่าคิดมาแตะต้องตัวฉันอีกนะ  ฉันฟาดหน้าแหกจริงจริง
เหมรุจน์ : ผมก็รู้ว่าคุณกล้าฟาดผม  แต่ผมมันคนแปลก  ยิ่งห้ามยิ่งชอบ

***เหมรุจน์พุ่งเข้าหานันดา  นันดาจึงฟาดไม้เบสบอลไปที่หัวของเขาอย่างสุดแรง  เข้าที่ทัดดอกไม้ของเหมรุจน์อย่างเหมาะเหมง  ร่างของเหมรุจน์เซถลาและฟุบลงแน่นิ่งเลือดไหลทะลักจากบาดแผลที่แตกฉกรรจ์  นันดาตกตะลึง  เธอจ้องมองร่างที่นอนนิ่งแล้วโยนไม้เบสบอลทิ้งก่อนจะหันหลังวิ่งไปเปิดประตู  แล้ววิ่งไปทุกประตูห้องของพ่อแม่อย่างตกใจ

นันดา : พ่อๆๆ  แม่ๆๆ  โครมๆๆ
ชิน :อะไรกันยายนัน

***ชินเปิดประตูออกมายายนันโผลกอดพ่อ  ร้องไห้ตัวสั่นเทา  แก้วตาถามลูกอย่างตกใจ

แก้วตา : ยายนันเป็นอะไรลูก  นายรุจน์เขาทำอะไรลูกหาบอกแม่ซิบอกแม่
นันดา : เขาตายแล้วแม่  เขาตายแล้ว
ชิน : อะไรใครตาย

***ชินตาเหลือกรีบถามลูกสาว

นันดา : นายรุจน์ค่ะพ่อ  นายรุจน์ตาย  ตายแล้ว
ชิน : ยายนันพูดอะไร

***นันดาร้องไห้โฮตัวสั่นเทา  ชินถามแต่นันดาเอาแต่ร้องไห้อย่างขวัญเสีย  ชินจึงวิ่งไปที่ห้องของนันดา  แก้วตากอดลูกสาวพยายามปลอบ

แก้วตา : นันใจเย็นๆนะ ใจเย็นๆแก้วบอกแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น

***ชินวิ่งกลับมาที่แก้วตาในมือเขาเลือดแดงฉาน  แก้วตาตาเหลือก

แก้วตา : ว๊ายตายแล้ว  นั่นมันเลือด
ชิน : ก็เลือดน่ะสิ  นันนายรุจน์เป็นอะไรทำไมถึงได้จมกองเลือดแบบนั้น  แม่แก้วไปตามเจ้าหนุนมาเร็วเอารุจน์ไปส่งโรงพยาบาลก่อน
แก้วตา : รุจน์ทำไมคะคุณ
ชิน : ไม่รู้หัวแตกนอนสลบอยู่  เอาไปส่งโรงพยาบาลก่อนเร็ว

***เหมรุจน์ถูกนำโรงพยาบาลท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำอย่างหนัก  นันดาเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว  แก้วตาพยายามปลอบถามลูก

แก้วตา : นัน  บอกแม่มาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น  หนูทำรุจน์เขาใช่ไหม

***นันดาพยักหน้ารับสะอื้นอีก

แก้วตา : หนูเอาอะไรตีเขาถึงได้หลบแน่นิ่งไปอย่างนั้น
นันดา : ไม้เบสบอลค่ะแม่
แก้วตา : ตายแล้ว  หนูเอาไม้นั้นตีเขา  รู้ไหมมันถึงตายได้นะ
นันดา : นันไม่รู้  เขาจะเข้ามาหานัน  นันเลยฟาดไปเต็มเหนี่ยว

แก้วตา : แปลฉกรรจ์อย่างนั้นไม่รู้จะเป็นยังไงมั่ง  โธ่เอ้ยลูก  ไม่น่าเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น