ตอนที่ 9
**หมอนุดลยอมรับกับตัวเองว่าชอบทรงวาด และต้องการได้เธอมาเป็นแฟน วันนี้พอคนไข้ที่มาทำฟันหมด หมอก็ปิดคลินิกและมาหาทรงวาดที่สวนอาหารของเธอ สองหนุ่มสาวนั่งคุยกันที่ซุ้มริมน้ำ
ทรงวาด : คุณบูรฉัตรไม่มาเที่ยวอีกเหรอคะ
นุดล : เขากลับกรุงเทพไปแล้วครับ
ทรงวาด : เหรอคะมิน่าวันนี้คุณหมอถึงได้มาคนเดียว
นุดล : ทำไมล่ะครับ คุณวาดไม่อยากให้ผมมาคนเดียวหรือ
ทรงวาด : เปล่าค่ะ
นุดล : ผมมาคนเดียวจะได้มีโอกาสคุยกับคุณวาดตามลำพังไง
***หมอพูดยิ้มในตาเชื่อม ทรงวาดเขินจนแก้มแดง
ทรงวาด : วาดเป็นคนคุยไม่สนุกนะคะ
นุดล : ใครบอกผมชอบฟังคุณไม่ว่าจะเรื่องอะไร ผมฟังสนุกทั้งนั้น
ทรงวาด : คุณหมอก็พูดเกินไป
นุดล : ผมพูดจริงๆ
ทรงวาด : ไม่เอาแล้วค่ะ คุณหมอจะทานอะไรเพิ่มไหมเดี๋ยววาดไปเอามาให้
นุดล : ไม่แล้วผมอิ่มที่สุดแล้ว
ทรงวาด : อิ่มอะไรกันคะ คุณหมอเพิ่งสั่งผลไม้แค่จานเดียว
นุดล : อิ่มอกอิ่มใจ แค่ได้เห็นหน้าคุณผมก็กินอะไรไม่ลงแล้ว
ทรงวาด : คุณหมอ
***ทรงวาดหลบสายตาที่เขามองเธออย่างไม่ปิดบังความรู้สึก หญิงสาวเฉไฉมองเมินไปทางอื่น หากแต่ในใจพองโตอย่างเป็นสุข ที่เธอรู้ว่าหมอนุดลมีใจต่อเธอ เหมือนที่เธอก็แอบมีใจต่อเขา ความรักของทั้งคู่เริ่มแย้มบานตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นมา
***นันดาสอนไลลาให้พับนกตัวเล็กๆใส่โหล แก้วตาถือจานใส่ขนมเดินเข้ามาหาลูกสาว
แก้วตา : ทำอะไรลูก
นันดา : อ๋อสอนไลลาพับนกค่ะแม่
แก้วตา : พับทำไม แม่เห็นหนูพับเอาไว้เยอะแยะไปหมดแล้ว
นันดา : พับเอาไว้ให้เป็นของขวัญเพื่อนๆค่ะ เวลามีเทศกาลหรือวันเกิด
แก้วตา : โถลูกจะพับให้เพื่อน แล้วมันจะคุ้มกันเหรอที่มานั่งพับกว่าจะได้แต่ละโหล
นันดา : คุ้มสิคะ อีกอย่างของพวกนี้เป็นของที่ทำด้วยความตั้งใจมันมีคุณค่ากว่าการซื้ออะไรให้ซะอีก เพื่อนเขาได้ไปเขาก็ภูมิใจ
แก้วตา : หนูเข้าใจคิดนะ
นันดา : สมัยนี้หาอะไรที่มาจากการตั้งใจยากเย็นเต็มที อะไรก็ถือเอาแต่ความสะดวกและเงินทองไปหมด
แก้วตา : แม่เพิ่งรู้นะว่าลูกของแม่เป็นคนจริงจังและละเอียดอ่อนกับความรู้สึก
นันดา : ก็นันรักเพื่อนนี่คะ นันก็อยากให้ความจริงใจกับเพื่อน ซึ่งมันก็แสดงออกจากสิ่งที่นันทำ
***แก้วตาอึ้งและกังวลในความรู้สึกเรื่องของเสริม นันดามองแม่อย่างสงสัย
นันดา : แม่คะ
แก้วตา : จ๊ะ
นันดา : นันว่าแม่เหมือนไม่ค่อยสบายใจพ่อก็เหมือนกัน มองนันแปลกๆ
แก้วตา : ไม่มีนี่จ๊ะ พ่อเขาห่วงหนูน่ะสิ
นันดา : ห่วงนันทำไม นันก็เรียนจบแล้ว แล้วก็กลับมาอยู่กับพ่อกับแม่ เอ่อ....แม่คะ นันจะขอไปกรุงเทพซักสองสามวัน
แก้วตา : ไปทำไมหรือ
นันดา : ไปช่วยคนกำลังเดือดร้อนหน่อยค่ะ
แก้วตา : ใคร ใครกำลังเดือดร้อน
นันดา : เพื่อนค่ะ เขากำลังเดือดร้อนมาก ต้องการให้นันไปช่วยเขา
แก้วตา : ช่วยเรื่องอะไรไหนบอแม่มาซิ
นันดา : ช่วยไปเป็นแฟนให้เขาหน่อย
แก้วตา : ตายจริง
นันดา : ยังไม่ตายค่ะแม่
แก้วตา : นี่พูดอะไรทำเป็นเล่นไป เราน่ะโตเป็นสาวแล้วนะ
นันดา : ก็ใช่นันโตเป็นสาวแล้ว แล้วก็สวยด้วย
แก้วตา : ยายนันนี่อย่ามัวแต่พูดเล่น เราจะไปช่วยอะไรเพื่อน
นันดา : ก็ช่วยเป็นแฟน นันพูดจริงๆ
แก้วตา : อะไรแม่ฟังแล้วไม่เข้าหู
นันดา : ไม่เข้าหูอะไรแม่ก็ได้ยินอยู่
แก้วตา : นี่ ยายนัน
นันดา : ค่ะๆ นันไม่แหย่แม่แล้ว แต่นันจะไปสมอ้างเป็นแฟนให้เพื่อนจริงๆนะคะ
แก้วตา : เพื่อนคนไหนถึงให้เราช่วยเขาพิลึกอย่างนี้
นันดา : ก็บูรไงคะ
แก้วตา : ตาบูร อ๋อ ที่มานี่ มาขอให้เราเป็นแฟนเขาหรือไง
นันดา : โธ่แม่ แม่ไม่เข้าใจหรอกนันกับบูรยังไงก็เป็นแฟนกันไม่ได้ นันรักบูรไม่ลงหรอกค่ะ ไม่คิดจะรักด้วย
แก้วตา : แล้วยังไง
นันดา : ก็พ่อของบูรน่ะซี่ จะให้บูรหมั้นและแต่งงานกับคนที่เขาหาให้ บูรไม่อยากแต่งก็เลยให้นันไปอ้างตัวเป็นแฟนให้หน่อย
แก้วตา : อ้อดีนะ เข้าใจเล่น แล้วใครเสียเราน่ะที่เสีย
นันดา : ไม่เป็นไรนะคะ ก็แค่อ้างตัวชั่วคราว นะคะนันขอตัวไปกรุงเทพ
แก้วตา : ไปบอกพ่อเขาก่อน
นันดา : ค่ะแล้วนันจะบอกพ่อ แม่เห็นหรือยังว่านันน่ะรักเพื่อนและรักษาสัญญากับเพื่อนแค่ไหน
แก้วตา : สัญญาอะไร
นันดา : ก็สัญญาว่านันจะไปช่วยเป็นแฟนกำมะลอให้บูรนะซีคะ
***นันดาไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เธอกำลังพูดมันตอกย้ำความรู้สึกของแก้วตามากแค่ไหน เพราะเธอกำลังอยู่ระหว่างการรักษาสัญญาหรือว่าจะเป็นคนผิดสัญญา
***เสริมมาหาชินและแก้วตาอีกครั้ง เพื่อมาขอคำตอบเรื่องสัญญาที่เคยมีต่อกัน ชินกับแก้วตาอึดอัดจนพูดไม่ออก
เสริม : ข้าคงมาสร้างความลำบากใจให้กับแกใช่ไหมวะชิน
ชิน : เฮ้ย ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพียงแต่
เสริม : ความจริงข้าไม่น่าจะมาพูดถึงไอ้สัญญิงสัญญานั่นเพราะเวลามันผ่านมานาน ความเจ็บปวดอะไรมันก็เจือจางลงไปแล้ว
ชิน : เสริม แกอย่าพูดยังงั้นซิวะ สัญญาก็คือสัญญาข้ากับแก้วไม่เคยลืม
แก้วตา : ใช่ แก้วไม่เคยลืมจริงๆ ยังจำมันได้เสมอ
เสริม : ถ้าเช่นนั้นแกก็คงจะรังเกียจลูกข้าที่มัน...
ชิน : เปล่าๆๆ รังเกียจรังเกิดอะไรไม่มี
***ชินรีบพูด
เสริม : ถ้ารังเกียจก็ไม่รังเกียจ สัญญาก็ไม่เคยลืมอย่างนั้นแกกับแก้วก็ยอมยกลูกสาวให้กับเจ้ารุจน์ลูกข้าใช่ไหม
***เสริมถามนัยน์ตาเป็นประกาย ชินกับแก้วตาอึกอักพูดไม่ออก
ชิน : เอ่อ....
เสริม : ถ้าแกยอมยกลูกสาวให้ลูกชายข้านะ ข้าจะทูนหัวให้สิ้น สินสอดทองหมั้นเท่าไหร่จะไม่เกี่ยงเลย
ชิน : คือ...
เสริม : เป็นอันว่าแกกับแก้วยอม อย่างนั้นข้าจะกลับไปแล้วรีบหาเถ้าแก่ที่มีชื่อเสียงมาจัดการสู่ขอให้มันเป็นเรื่องเป็นราวแล้วแกจะเรียกเท่าไหร่ไม่ต้องเกรงใจเลยนะเพื่อน
***เสริมรีบตัดบทมัดมือชกและรีบลากลับ ชินกับแก้วตาถึงกับลมจับทำอะไรไม่ได้ เสริมกลับไปแล้วพักใหญ่ ทั้งคู่ถึงได้ตั้งสติแล้วปรึกษากัน
แก้วตา : ทำยังไงคุณ เสริมเขาคิดว่าเรายกยายนันให้เขาแล้ว
ชิน : จะทำยังไงล่ะ คุณก็เห็นผมพูดออกซะที่ไหน มันเล่นพูดฝ่ายเดียว
แก้วตา : ตายแน่ๆ ถ้ายายนันรู้นี่จะทำยังไงเรื่องมันไปกันใหญ่แล้วนะ
ชิน : แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง คุณเองก็พูดไม่ออกเหมือนกับผม
แก้วตา : นี่เราจะต้องให้ลูกแต่งงานกับคนที่แกไม่ได้เลือกเองหรือคะ
ชิน : ไม่รู้สิ ผมคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น
แก้วตา : โธ่เอ้ย เพราะเราแท้ๆ ลูกถึงต้องมารับกรรม
***ในขณะที่สองผัวเมียกำลังเครียดสุดขีด เสริมก็เอาข่าวดีมาบอกลูกชายจนถึงไร่ส้มของเขา
เหมรุจน์ : พ่อ....เข้ามาทำไมร้อนจนจะสุก
เสริม : ก็เข้ามาหาแกน่ะสิ
เหมรุจน์ : เข้ามาหาผม เดี๋ยวผมก็กลับบ้าน จะต้องมาทำไม
เสริม: จะไปรู้เรอะ เดี๋ยวแกเกิดไม่กลับพ่อก็คอยเงกซิ
เหมรุจน์ : ไม่กลับแล้วจะไปไหนล่ะ
เสริม : ไปไหน แกไปไหนอยู่เรื่อยๆล่ะ
เหมรุจน์ : ไม่ไปไหนหรอกพ่อวันนี้ผมเหนื่อย ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียเสร็จแล้วก็กลับบ้านนอน
เสริม : เหนื่อยเรอะ แล้วจะฟังข่าวดีไหวไหม
เหมรุจน์ : ข่าวดี ข่าวดีอะไร
เสริม : ก็แกเคี่ยวเชิญให้พ่อไปทำอะไรให้แกล่ะ
***เหมรุจน์ตาเป็นประกาย
เหมรุจน์ : พ่อหมายความว่า
เสริม : เออ พ่อไปพูดกับอาชินอาแก้วของเอ็งมาแล้ว
เหมรุจน์ : เขายอมยกนันดาให้ผมใช่ไหม
เสริม : ก็ยอมน่ะสิ ไม่ยอมแล้วพ่อจะเอาข่าวดีอะไรมาบอกแกล่ะ
เหมรุจน์ : ฮะ... เสร็จฉันล่ะยายตัวดี
เสริม : อะไรว้ะ ใครเสร็จแก
เหมรุจน์ : เปล่า
เสริม : เปล่าอะไรก็ได้ยินแกพูดอยู่
เหมรุจน์ : ก็เสร็จสิ้นกระบวนการขอลูกสาวเขาน่ะ
เสริม : เสร็จอะไร ยังโว้ยต้องหาเถ้าแก่ไปเจรจาเป็นทางการอีกครั้ง แล้วค่อยนัดวันหมั้นหมายนัดวันแต่ง
เหมรุจน์ : พ่อจัดการไปเลยนะ ถึงวันแต่งเมื่อไหร่ผมจะตั้งใจเป็นเจ้าบ่าวให้เต็มที่
เสริม : แล้วแกจะไม่ช่วยพ่อจัดการอะไรเลยเรอะ
เหมรุจน์ : จะต้องช่วยอะไรล่ะ ผมไม่มีหน้าที่อะไรนี่
เสริม : นี่แกพูดอย่างนี้ได้ยังไงวะ แต่งงานแกนะไม่ใช่แต่งงานพ่อ
เหมรุจน์ : ก็ใช่แต่งงานผม
เสริม : ไอ้เจ้ารุจน์ พ่อว่ามันชักไม่ได้การแล้วมั้ง ถ้าแกไม่ดูดีดูดำพ่อไม่จัดการอะไรให้แกทั้งนั้นทั้งหมดยกเลิก
เหมรุจน์ : ได้ไงพ่อผมไม่ยอมหรอก
เสริม : ไม่ยอมแกก็ต้องจัดการเอง
เหมรุจน์ : นะพ่อ พ่อน่ะเป็นผู้ใหญ่รู้อะไรต่ออะไร พ่อช่วยจัดการให้ผมนะ
เสริม : แกนี่มันทำตัวไม่รู้จักโต บางเรื่องพ่อช่วยได้พ่อช่วยแต่บางเรื่องแกต้องจัดการเอง
เหมรุจน์ : ก็ได้ จะให้ผมทำอะไรมั่ง ก็บอกมาก็แล้วกัน
เสริม : ดูมันพูดซิ มันน่าไหม ไอ้ลูกคนนี้
***เหมรุจน์ลำพองใจสุดๆทีนี้ล่ะเขาได้เป็นผู้ชนะนันดาชนิดหล่อนไม่มีวันกลับมาเอาชนะเขาได้อีกเลยตลอดชีวิต
........................................................................................
ตอนที่ 10
***เหมรุจน์กระหยิ่มยิ้มย่องไปฉลองความสำเร็จที่เขาสามารถจะเอาชนะนันดาได้กับสุดาดวงโดยที่สุดาดวงไม่รู้เรื่องอะไรเลย
สุดาดวง : วันนี้ท่าทางรุจน์มีความสุขจังนะคะ
เหมรุจน์ : เหรอ ท่าทางผมบอกยังไงล่ะ
สุดาดวง : ก็รุจน์นั่งยิ้มอยู่ตลอด มีอะไรพิเศษรึเปล่าคะ
เหมรุจน์ : จะมีอะไรมีคุณอยู่ใกล้ๆก็วิเศษที่สุดแล้ว
สุดาดวง : ปากหวาน นี่จะบอกอะไรให้นะพ่อกับแม่ของดวงน่ะเริ่มบ่นแล้ว
เหมรุจน์ : บ่นเรื่องอะไร
สุดาดวง : ก็เรื่องดวงเป็นแฟนกับรุจน์น่ะซีคะ พ่อบอกว่าไม่สบายใจที่เห็นดวงไปไหนมาไหนกับรุจน์บ่อยๆ
เหมรุจน์ : ทำไมล่ะ คนเป็นแฟนกันไปไหนมาไหนด้วยกันไม่เห็นจะเป็นเรื่องเสียหายอะไรนี่นา
สุดาดวง : แต่ดวงไปค้างกับรุจน์แล้วสองสามครั้งพ่อรู้
เหมรุจน์ : ดวงบอกใช่ไหมล่ะว่าไปค้างคืนกับผม
สุดาดวง : ก็แหม ดวงหายไปทั้งคืนบ่อยๆจะให้ดวงบอกว่าไปนอนบ้านใครล่ะคะ รุจน์คะยังไงเราหมั้นกันไว้ก่อนดีไหมพ่อกับแม่จะได้ไม่ว่าอะไรดวง ว่าดวงทำตัวเสียหายให้แกเสียชื่อ
***เหมรุจน์เงียบ เขาจะหมั้นกับสุดาดวงได้ยังไงในเมื่อเขากำลังจะหมั้นกับนันดาในไม่ช้านี้และอีกอย่างเขาไม่เคยคิดจะแต่งงานกับสุดาดวงเลย สุดาดวงคลอเคลียเซ้าซี้เหมรุจน์จึงตัดบท
เหมรุจน์ : ให้ผมไปปรึกษากับพ่อของผมก่อนนะเรื่องนี้
สุดาดวง : ทำไมต้องปรึกษาคะ พ่อของรุจน์ก็รู้อยู่แล้วว่าดวงกับรุจน์น่ะมีอะไรกัน
เหมรุจน์ : ดวงอย่าเร่งรัดผมสิ มันเหมือนผมถูกบังคับให้ต้องรับผิดชอบนะ
สุดาดวง : รุจน์อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ดวงไม่ได้เร่งรัดเพียงแต่อยากให้รุจน์มาหมั้นดวง ดวงจะได้ไม่อายใครๆว่าเป็นแค่คู่ควงของรุจน์เท่านั้น
***เหมรุจน์ถอนใจอย่างชักจะหงุดหงิด
เหมรุจน์ : กลับบ้านดีกว่านะวันนี้ผมเหนื่อยจังอยากนอนแต่วัน
***เหมรุจน์บอกแล้วเรียกพนักงานมาเก็บเงินค่าอาหาร กำลังจะลุกออกจากโต๊ะหมอนุดลกับทรงวาดก็เดินเข้ามาพอดีหมอยิ้มทักเหมรุจน์
นุดล : อ้าวรุจน์จะกลับแล้วเหรอ
เหมรุจน์ : ครับผมมานานแล้ว
***สุดาดวงเกาะแขนของเหมรุจน์แจแล้วยิ้มหวานให้หมอกับทรงวาดหมอได้แต่ยิ้มให้ เมื่อเหมรุจน์กับสุดาดวงออกไปแล้วทรงวาดจึงคุยกับหมอ
ทรงวาด : คุณรุจน์นี่เนื้อหอมเสน่ห์แรงจังเลยนะคะอย่างนี้นี่เล่าคุณปาถึงทนไม่ไหว
นุดล : คุณรู้จักกับแฟนเก่ารุจน์ด้วยเหรอ
ทรงวาด : รู้จักค่ะ คุณปาชอบมานั่งที่ฟิชชิ่งบ่อยๆเธอบอกชอบเล่นสกีน้ำ บางทีเราก็คุยกัน
นุดล : ผมเห็นเธอไม่กี่ครั้งมารู้อีกที อ้าว กลับกรุงเทพฯไปซะแล้ว
ทรงวาด : คุณดวงก็เข้าเสียบทันที เรียกว่าหัวใจยังไม่ทันทำความสะอาดก็มีคนใหม่เข้ามาใช้สถานที่แล้ว
***หมอหัวเราะที่ทรงวาดว่าเหมรุจน์
นุดล : คุณกลัวคนเจ้าชู้ใช่ไหม
ทรงวาด : ไม่กลัวหรอกค่ะ
นุดล : จริงเหรอ
ทรงวาด : จริงซีคะ เพราะวาดจะไม่คบกับคนเจ้าชู้แล้วจะต้องกลัวทำไม
นุดล : แสดงว่าคุณดูผมออกว่าผมไม่เจ้าชู้คุณเลยยอมคบกับผม
ทรงวาด : ค่ะ วาดคิดว่าอย่างนั้นแต่ถ้าวันไหนคุณหมอออกนิสัยให้วาดเห็นวาดก็เลิกคบกับหมอค่ะ
นุดล : อย่างนั้นคุณก็รอไปเถอะ รอไปจนแก่เลยเพราะผมเป็นคนรักเดียวใจเดียว
***นันดาเที่ยวสนุกเพลินอยู่กรุงเทพฯโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังโชคร้ายจะได้คู่ เพราะทางนี้เสริมขอให้ ส.ส. ของจังหวัดไปเป็นเถ้าแก่พูดจาสู่ขอนันดาอย่างเป็นทางการ ซึ่งมันเร็วซะจนชินกับแก้วตาตั้งตัวแทบไม่ทัน
เสริม : หนูนันไม่อยู่เหรอแก้ว
แก้วตา : ไม่อยู่หรอกค่ะเขาไปกรุงเทพฯ แก้วน่ะอยากจะให้เขาได้รับรู้เรื่องนี้ซะก่อนไม่คิดว่าเสริมจะรีบร้อนส่งผู้ใหญ่มาเร็วขนาดนี้
เสริม : อ๋อ พอดีท่าน ส.ส. เขาว่างพอดีถ้าไปช้าเดี๋ยวเขาเกิดติดธุระมันจะนาน
***ทั้งสามคนคุยกันหลังจากที่ท่าน ส.ส. พูดเรื่องสู่ขอเสร็จและขอตัวกลับก่อน
ชิน : หวังว่าคงแค่รีบขอเท่านั้นนะคงไม่ต้องรีบแต่ง
เสริม : ทำไมล่ะแกห่วงอะไรขอแล้วยังไงก็ต้องแต่งข้าน่ะตั้งใจว่าจะไปดูฤกษ์ดูยามถ้าได้วีนดีในช่วงไหนก็จัดการซะเลยแต่งเร็วเราก็มีหลานได้อุ้มเร็วแกไม่ชอบหรือไงวะ
ชิน : แต่ยายนันมันจะไม่พร้อม ยังไงก็ขอเวลาเตรียมเนื้อเตรียมตัวหน่อยก็แล้วกัน แล้วแต่งกันแล้วจะเอายังไงจะให้ใครปอยู่กับใครต้องตกลงกันก่อน
แก้วตา : ใช่ แก้วอยากให้ยายนันอยู่กับแก้วเพราะเราพึ่งได้มาอยู่ด้วยกันไม่นานหลังจากที่เขาเรียนจบมานี่เอง
***แก้วตาบอก
เสริม : แหม ไอ้เรื่องนี้มันก็หนักใจนา ฉันน่ะอยู่คนเดียวนะแม่แก้วถ้าเจ้ารุจน์มันไม่อยู่ด้วยแล้วฉันจะอยู่กับใครล่ะ แม่แก้วยังมีเจ้าชินยังมีลูกชาย เรื่องนี้ฉันขอเถอะนะขอให้หนูนันไปอยู่กับฉันเถอะ บ้านที่ฉันอยู่ฉันก็ยกให้เป็นสินสอดของหนูนันแล้ว ก็นึกซะว่าให้เขาได้ไปอยู่บ้านของเขานะ
***ชินกับแก้วพูดไม่ออกเสริมพูดก็มีเหตุผลเขาอยู่คนเดียวถ้าเอาลูกชายเขามาซะเขาก็ไม่เหลือใคร และเสริมก็ยังใจกว้างยกบ้านพร้อมที่ดินที่เขาอยู่ให้เป็นสินสอดของนันดาซึ่งมูลค่าของมันไม่ใช่น้อยเลย เกือบสามสิบล้านทีเดียว และคงไม่มีใครใจถึงกล้สให้ถึงขนาดนี้
***เสริมเรียกสำเนียงมาคุยเรื่องจัดเตรียมห้องใหม่ที่จะใช้เป็นห้องหอของลูกชาย
เสริม : แม่สำเนียงฉันจะรื้อห้องพักผ่อนข้างบนออกจะทำให้เป็นห้องเดียวกับห้องรับแขกห้องใหญ่
สำเนียง : ทำไมล่ะคะ ห้องใหญ่ๆยังมีอีกสองห้องจะทำเพิ่มทำไมกันคะ
เสริม : จะทำเป็นห้องนอนใหม่ให้เจ้ารุจน์มัน
สำเนียง : ห้องเดิมของคุณรุจน์ก็กว้างดีออก
เสริม : ห้องหอจะไปเอาห้องเดิมที่มันเคยอยู่กับเมียเก่าได้ยังไง
สำเนียง : นี่คุณรุจน์จะแต่งงานเหรอคะ
เสริม : ก็ใช่น่ะสิ ฉันน่ะส่งเถ้าแก่ไปสู่ขอผู้หญิงให้มันเรียบร้อยแล้ว
สำเนียง : ตายจริง อิฉันไม่รู้เรื่องเลยนะคะนี่
เสริม : ก็รู้ซะนี่ไง
สำเนียง : ใครกันคะที่จะมาเป็นเจ้าสาวของคุณรุจน์คุณสุดาดวงใช่ไหมคะ
เสริม : ไม่ใช่หรอก ถ้าแม่คนนั้นฉันคงไม่ต้องไปสู่ขอหรอก
สำเนียง : แล้วใครกันคะ
เสริม : หนูนันดาลูกสาวเสี่ยงชินไง
สำเนียง : ต๊าย เป็นคุณนันดาเหรอคะ
เสริม : ตายอีกแล้วใครตาย อุทานแต่ละทีไม่สร้างสรรค์ซะเลยนะแม่สำเนียง ตาย ตาย ตาย ยัน ช่วยจัดการให้ช่างเขามารื้อห้องทำห้องให้ด้วยก็แล้วกันแล้วเรื่องเฟอร์นิเจอร์ตบแต่งห้องถามเจ้ารุจน์มันว่ามันจะเอาแบบไหนให้มันเลือกเองเพราะมันอยู่มันใช้ของมัน
สำเนียง : ได้ค่ะ อิฉันจะจัดการให้เรียบร้อย ว่าแต่คุณรุจน์จะแต่งเมื่อไหร่ล่ะคะ
เสริม : ยังไม่รู้เลยต้องไปให้พระท่านดูฤกษ์ดูยามก่อน
***นุดลรู้เรื่องที่เสริมส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอนันดาแล้วถึงกับตกใจ
นุดล : พ่อ นี่ยายนันเขาคิดยังไงถึงยอมแต่งงานกับรุจน์
ชิน : เขาจะนึกยังไงพ่อยังนึกไม่ออกเหมือนกัน
นุดล : หมายความว่ายังไงกันครับ
แก้วตา : ก็หมายความว่ายายนันยังไม่รู้เรื่องนี้นะซี่
***แก้วตาบอกลูกชายเสียงอ่อยนุดลถึงกับตาพอง
นุดล : พ่อกับแม่นี่อย่าบอกนะ ว่าจะบังคับให้ยายนันแต่งงาน
แก้วตา : ดลฟังพ่อฟังแม่ พ่อกับแม่ไม่เคยคิดจะบังคับให้ลูกๆต้องแต่งงานหรือคลุมถุงชน
นุดล : แต่รับหมั้นให้ยายนันโดยที่เจ้าตัวเขายังไม่รู้เรื่องนี่นะครับ
แก้วตา : เรื่องมันยาวแม่จะเล่าให้ฟังนะ
***สองผัวเมียเล่าเรื่องแต่หนหลังทั้งหมดให้ลูกชายฟัง นุดลอึ้งไปเมื่อฟังจบแต่เขาก็ไม่เห็นด้วยที่จะบังคับให้น้องต้องแต่งงานกับเหมรุจน์
นุดล :เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ที่เคยตกลงกัน แต่สมัยนี้มันหมดยุคปิดหูปิดตาจับให้อยู่ด้วยกันแล้วนะครับ
แก้วตา : จะให้แม่กับพ่อทำยังไงลุงเสริมเขาจัดการมาจนถึงขั้นนี้แล้วผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดก็มาพูดจาตกลง
นุดล : ที่สำคัญรุจน์กับยายนันเขาไม่ได้รักกันเลย คนสองคนที่ไม่มีความรักต่อกันแล้วมาแต่งงานกันมันทารุณนะครับ พ่อ แม่
แก้วตา : แม่รู้ แต่จะทำยังไงล่ะแม่กลุ้มเหมือนอกจะแตกแล้วนะลูก
นุดล : ยายนันจะกลับมาเมื่อไหร่
แก้วตา : พรุ่งนี้ เขาโทรมาบอกเมื่อเช้าว่าวันนี้จะไปเที่ยวพัทยาก่อน
นุดล : แม่ดูสิครับ เขายังไม่รู้เรื่องอะไรยังเที่ยวสนุกตามประสานี่ถ้าเขารู้ผมว่าคงอาละวาดบ้านพังแน่
แก้วตา : แม่กับพ่อก็กลุ้มอยู่ นี่ดลช่วยแม่คิดหน่อยซิลูกว่าจะทำยังไงดี
นุดล : จะทำยังไงได้ล่ะครับ ก็ขึ้นอยู่กับยายนันแล้วล่ะ
ชิน : พ่อน่ะไม่ต้องการบังคับจิตใจลูกแต่พ่อก็ไม่กล้าผิดคำสัญญาที่เป็นคนให้ไว้กับเค้า มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ
นุดล : ครับผมเข้าใจ แต่ผมเข้าใจมันไม่มีประโยชน์ยายนันจะยอมเข้าใจด้วยไหมเพราะมันชีวิตของเขาทั้งชีวิต
แก้วตา : ยิ่งพูดพ่อกับแม่ก็ยิ่งเป็นคนผิด ผิดจนไม่มีหน้าไปพบกับยายนัน
นุดล : แม่อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ถ้าบอกเหตุผลยายนันคงเข้าใจพ่อกับแม่บ้าง
แก้วตา : แต่ถ้าเขาไม่ยอมแม่จะยอมเป็นคนเสียคำพูดแม่ทนไม่ได้ที่จะต้องทำให้ลูกมีชีวิตอย่างฝืนใจไปตลอดชีวิต
ชิน : พ่อก็เหมือนกันยอมให้เขาตราหน้าว่าเป็นคนตระบัดสัตย์ยังดีกว่าให้ลูกต้องทนทุกข์ทรมาน
***ชินกับแก้วตาพูดอย่างตัดสินใจ
นุดล : พ่อกับแม่ให้ผมเป็นคนบอกเรื่องนี้กับยายนันเองไหมครับ
แก้วตา : ก็ได้ แม่ก็ไม่กล้าจะบอกเขาเหมือนกันเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง แค่เห็นหน้าเขาก็คงพูดไม่ออกแล้ว
***แต่ก่อนที่นันดาจะกลับมาจากกรุงเทพฯนุดลไปหาเหมรุจน์ถึงบ้านก่อน
เหมรุจน์ : หมอมีอะไรให้ผมรับใช้ถึงมาหาผมถึงบ้าน
***เหมรุจน์แกล้งถามเพราะเขารู้ว่าหมอนุดลมาหาเขาเรื่องอะไร
นุดล : ผมอยากมาคุยกับคุณ คุณว่างไหม
เหมรุจน์ : ว่าง เอาสิอยากคุยอะไรเชิญได้เลย
นุดล : คุณคงรู้ว่าผมมาหาคุณเรื่องอะไร
เหมรุจน์ : ก็พอจะเดาออกเพราะมันก็มีอยู่แค่เรื่องเดียวเรื่องที่ผมจะแต่งงานกับน้องของคุณ
นุดล : คุณถูกพ่อของคุณขอร้องให้แต่งงานกับยายนันหรือเปล่า
***หมอนุดลก็ยังคิดว่าเหมรุจน์คงโดนพ่อบังคับให้แต่งงาน
เหมรุจน์ : เปล่า
***หมอนุดลจ้องหน้าเมื่อเหมรุจน์ปฏิเสธ
นุดล : เปล่า คุณเต็มใจตามใจพ่อของคุณเหรอ
เหมรุจน์ : คุณจะมาถามผมให้มันได้อะไรขึ้นมาหรือว่านันดาเขาใช้ให้คุณมาถามความรู้สึกผม
นุดล : เปล่า เรื่องนี้ยายนันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยเขาไปกรุงเทพฯหลายวันแล้วแต่คงรู้ในวันนี้แหละเพราะเขาจะกลับมาวันนี้
เหมรุจน์ : ผมรู้แต่ว่าพ่อผม กับพ่อและแม่ของคุณเคยมีคำมั่นสัญญากันเรื่องจะให้รุ่นลูกผูกสัมพันแต่งงานกัน และพ่อผมก็ขอทำตามสัญญาที่เคยมีต่อกันไว้
นุดล : คุณรุจน์ สัญญานั้นถ้าทั้งคุณและยายนันไม่ยอมทำตามซะอย่างมันก็น่าจะจบกันไปไม่ต้องมีการฝืนใจกัน
เหมรุจน์ : พ่ออยากให้ผมแต่งงานและผมก็พร้อมที่จะมีครอบครัวผมไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความต้องการของพ่อผม
***หมอนุดลขมวดคิ้ว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างเหมรุจน์จะยอมทำตามความต้องการของพ่อเขาในเรื่องนี้
นุดล : แล้วคนรักของคุณล่ะ
เหมรุจน์ : ผมยังไม่มีคนรักคงไม่ยากที่จะปรับตัวเข้ากับนันดาเมื่อเราอยู่ด้วยกัน
นุดล : คุณพูดออกมาได้ยังไงว่าคุณยังไม่มีคนรักที่ผมเห็นคุณควงอยู่นั่น
เหมรุจน์ : นั่นเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่ผิดไม่ใช่เหรอที่ผมจะมีเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวของผม หรือคุณไม่มี ฝากคุณกลับไปบอกนันดาด้วยว่าผมยอมรักษาสัญญาให้กับพ่อของผมที่เคยตกลงไว้กับพ่อแม่ของคุณ ส่วนเขาจะคิดยังไง...
***หมอนุดลรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเหมรุจน์เหมือนเขาจะบีบบังคับให้นันดายอมทำตามสัญญาของพ่อแม่
........................................................................................
ตอนที่11
***ข่าวการส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอผู้หญิงของเหมรุจน์รู้ถึงหูของสุดาดวงหญิงสาวถึงกับสั่นรีบแจ้นมาหาเหมรุจน์ที่บ้าน สุดาดวงมาเจอกับเสริมที่นอนเล่นรับลมอยู่บนเก้าอี้โยกหน้าบ้าน
สุดาดวง : คุณพ่อ ดวงเจอคุณพ่อก่อนก็ดีคุณพ่อช่วยบอกดวงมาซิว่าข่าวว่าคุณพ่อไปขอผู้หญิงให้รุจน์น่ะจริงไหม
***เสริมลุกขึ้นนั่งตั้งหลักรับมือกับแฟนลูกชาย
เสริม : เอ่อ...ข่าว...ใครเป็นคนไขข่าวล่ะเร็วจังนะ
สุดาดวง : จริงหรือเปล่าล่ะคะ
เสริม : แล้วเธอได้ข่าวมาจากใครเล่า
สุดาดวง : จากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งน่ะสิบอกว่าท่าน ส.ส. เจตน์ไปเป็นเถ้าแก่สู่ขอลูกสะใภ้ให้กับคุณพ่อ
เสริม : เรอะ
สุดาดวง : ไม่จริงใช่ไหมคะ
เสริม : จริง
สุดาดวง : กรี๊ด...........
เสริม : โอ้ย...นี่แม่คุณจะบ้าหรือไงอยู่ๆตะโกนกรี๊ดออกมาฉันตกใจหมด เดี๋ยวได้ช๊อกตายกันพอดี
สุดาดวง : เป็นไปได้ยังไงคุณพ่อไปขอใครไม่รู้หรือคะว่าหนูเป็นเมียของรุจน์ รุจน์จะแต่งงานกับใครไม่ได้
เสริม : อ๊ะ...ทำไมจะไม่ได้ ก็เค้าน่ะแหละที่เป็นคนให้ฉันไปสู่ขอผู้หญิงให้เขาเอง
สุดาดวง : ไม่จริง ไม่จริ๊งไม่จริง รุจน์ไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาดรุจน์เขารักหนูแล้วจะไปขอผู้หญิงอื่น ไม่เชื่อ คุณพ่อจะบังคับรุจน์ให้แต่งงานน่ะสิใช่ไหม
เสริม : นี่ๆๆแม่คุณอย่ามาโวยวายเอากับฉันเลยนะ ถ้าอยากรู้ว่ามันจริงหรือไม่จริงไปถามเจ้ารุจน์มันเองไปมันอยู่ที่สวนของมันโน่นมันยังไม่กลับมา ไปคาดคั้นถามเอากะมันเองเลยไปแล้วจะได้รู้ว่าจริงหรือไม่จริง
สุดาดวง : แน่นอน หนูต้องไปถามรุจน์อยู่แล้วแต่ถ้าคุณพ่อบังคับให้รุจน์แต่งงานกับผู้หญิงที่คุณพ่อหาให้หนูไม่ยอมเด็ดขาดคอยดู เป็นยังไงก็เป็นกัน
เสริม : เออ จะเอายังไงก็เชิญเถอะ
***เหมรุจน์เตรียมตัวจะออกจากสวนส้มลูกน้องสามคนเดินตามเขาออกมาแล้วด้วย สุดาดวงเดินหน้าคว่ำเข้ามาเหมรุจน์เห็นแต่ไกลจึงหันไปบอกลูกน้องที่เดินตามเขา
เหมรุจน์ : กลับไปกันก่อนเถอะนะ
ลูกน้อง : ครับนาย
***เหมรุจน์ยืนคอยสุดาดวงอยู่กับที่เขาเห็นท่าทางของหล่อนก็รู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น นี่คงรู้เรื่องเขาไปขอนันดาแล้วล่ะซี
สุดาดวง : รุจน์ รุจน์ขา
***สุดาดวงบีบน้ำตาก่อนจะถึงเขาซะอีก เมื่อถึงตัวหล่อนก็โผเข้ากอดเขาร้องไห้
เหมรุจน์ : นี่ดวงคุณร้องไห้ทำไม
สุดาดวง : ดวงพึ่งรู้ว่าคุณพ่อของรุจน์ไปขอผู้หญิงให้รุจน์ ได้ยังไงกันคะแล้วดวงล่ะดวงเป็นเมียของรุจน์นะคะ
เหมรุจน์ : ใจเย็นๆสิดวง คุณร้องไห้ร้องห่มแล้วผมจะทำยังไงถูกล่ะ
สุดาดวง : รุจน์ต้องไม่ยอมแต่งงานตามที่คุณพ่อของคุณบังคับนะคะอย่ายอม
เหมรุจน์ : ดวงใครบอกคุณล่ะว่าผมถูกบังคับให้แต่งงาน
สุดาดวง : ก็คุณพ่อไปขอผู้หญิงอื่น...หรือว่า
เหมรุจน์ : เรื่องนี้เป็นเรื่องของผมนะ
สุดาดวง : รุจน์นี่มันอะไรกัน รุจน์อย่าบอกนะว่ารุจน์เต็มใจจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ถูกบังคับ
เหมรุจน์ : ใช่ผมไม่ได้ถูกบังคับ แต่เต็มใจหรือไม่มันเรื่องของผม
สุดาดวง : แล้วดวงล่ะดวงเป็นเมียรุจน์นะ รุจน์จะทิ้งดวงเหรอไม่นะคะ
เหมรุจน์ : ดวง เราก็ยังคบกันได้นี่
สุดาดวง : อะไรนะ รุจน์พูดอย่างนี้ได้ยังไง รุจน์จะให้ดวงอยู่ในฐานะอะไร
เหมรุจน์ : ฐานะเพื่อนที่รู้ใจผมยังไง
สุดาดวง : รุจน์ รุจน์เห็นแก่ตัวมากนะที่พูดออกมาแบบนี้
เหมรุจน์ : แล้วดวงจะเอายังไงหรือเราจะเลิกคบกัน
สุดาดวง : ไม่นะ ดวงรักรุจน์ ดวงรักรุจน์ที่สุด
***สุดาดวงร้องไห้โฮกอดเหมรุจน์แน่น
เหมรุจน์ : ดวงผมเองก็ชอบคุณนะ แต่ถ้าดวงรับที่เราจะคบกันต่อไปไม่ได้เราก็ต้องเลิกกันซึ่งจริงๆผมก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นเลย
สุดาดวง : ใจคอรุจน์จะให้ดวงเป็นเมียเก็บของรุจน์อย่างนั้นหรือคะรุจน์ไม่สงสารดวงเลยหรือ
เหมรุจน์ : ดวง ผมขอโทษ
สุดาดวง : รุจน์ไม่แต่งงานไม่ได้หรือคะ หรือว่าผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ยอมดวงจะไปบอกเขาเองให้เขาเข้าใจเรา
เหมรุจน์ : ไม่ได้หรอกดวงยังไงผมก็ต้องแต่งงานมันเป็นความตั้งใจของผม
***สุดาดวงร้องไห้อย่างเสียใจ
***ในขณะที่สุดาดวงเสียใจแทบคลั่ง หมอนุดลผู้รับหน้าที่พูดเรื่องแต่งงานกับนันดาก็ชวนน้องสาวออกมานั่งให้อาหารปลาที่สระน้ำหลังบ้าน
นันดา : พี่ดลมีอะไรจะปรึกษานันหรือเปล่า
นุดล : เรารู้ได้ยังไงว่าพี่มีเรื่องจะปรึกษา
นันดา : ก็เวลาพี่ดลจะคุยอะไรที่ค่อนข้างจะสำคัญที่ไรเป็นต้องชวนนันมานั่งที่นี่ทุกที
นุดล : พี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพียงแต่อยากจะคุยกับนันกันแค่สองคนพี่น้องเรา
นันดา : แล้วทำไมในบ้านคุยไม่ได้คะ ต้องหาบรรยากาศด้วย
นุดล : ไง ไปเที่ยวกรุงเทพฯเจอเพื่อนๆเยอะไหม
นันดา : ไม่ค่อยเจอใครแล้วล่ะค่ะ เขาไปทำงานกันหมดส่วนใหญ่จะออกไปทำงานต่างจังหวัดกัน
นุดล : ธรรมดาเรียนจบแล้วก็ทำงาน แต่อย่างนั้นถือว่าโชคดีกว่าใครเรียนจบก็ได้กลับบ้านมาอยู่กับพ่อกับแม่
นันดา : ค่ะ แต่นันก็เพิ่งจะได้อยู่กับพ่อกับแม่ นันบอกตรงๆนะคะช่วงนี้เป็นช่วงที่นันมีความสุขที่สุดที่ได้อยู่ใกล้ๆพ่อกับแม่และก็พี่ดลด้วย
***นันพูดแล้วกอดเอวพี่ชายอย่างประจบนุดลลูบหัวน้องสาวอย่างสุดจะรักและเอ็นดูเธอเหลือเกิน
นุดล : พี่ดีใจนะที่นันเป็นเด็กดีมาตลอดไม่เคยทำอะไรให้พ่อกับแม่ต้องผิดหวังและเสียใจมีความรับผิดชอบและดูแลตัวเองมาอย่างดี
นันดา : คงเป็นเพราะครูที่โรงเรียนประจำที่นันเรียนเป็นคนหัวโบราณด้วยล่ะมังคะ พี่ดลรู้ไหมครูจะกรอกหูนันกับเพื่อนๆทุกวันเรื่องความประพฤติของคนสมัยใหม่ว่าเป็นพวกหลุดโลกใจกล้า หน้าด้าน ร่านผู้ชายไม่อายคน สนใจแต่เรื่องโซๆโตแต่ตัวหัวสมองฝ่อพ่อแม่มีกรรม
นุดล : โอ้โฮ ครูอะไรจ๊ะที่สอนได้เป็นกลอนขนาดนี้
นันดา : คุณครูยุพินค่ะ เป็นครูที่ปรึกษารุ่นของนัน เสียดายที่แกลาออกก่อนที่นันจะจบ ม.6 หนึ่งปี แกตามลูกชายของแกไปอยู่ต่างประเทศ เนี่ยนันไม่ได้เจอแกมาหกปีกว่าแล้วคิดถึงแกจัง ถึงแกจะขี้บ่นหัวโบราณแต่สมัยนี้หาคนแบบแกยากเต็มทีแล้ว
นุดล : ไม่หรอก ยังมีครูอย่างนี้อีกเยอะที่สั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนยึดมั่นในกรอบของศีลธรรมอันดีงามของสังคมบ้านเรา...แล้วบูรล่ะ เขากับนันคบกันไปถึงไหนแล้ว
นันดา : จะถึงไหนคะนันกับบูรน่ะเป็นเพื่อนซี้กันเราคบกันแบบเพื่อนได้เท่านั้นแหละค่ะ เราเข้าใจกันมากกว่าใครๆ
นุดล : นันบอกพี่ได้ไหมว่านันมีใครหรือยัง
นันดา : อะไรกันพี่ดล ทำไมถามนันอย่างนี้ล่ะคะนันเขินแย่
นุดล : ทำไมต้องเขินพี่ก็อยากรู้ว่าน้องสาวคนสวยของพี่มีใครมาครอบครองหัวใจหรือยัง
นันดา : ยังค่ะ
นุดล : ไม่น่าเชื่อ นันสวยอย่างนี้จะไม่มีใครมาจับจองหัวใจ
นันดา : นันไม่ได้คุยนะคะ คนมาชอบนันน่ะเยอะแยะแต่นันยังไม่ชอบใครซักคน
นุดล : ถ้านันจะต้องแต่งงานตอนนี้นันจะยอมรับได้ไหม
นันดา : คงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะนันยังไม่คิดจะแต่งงาน เอ๊ะ พี่ดลทำไมถามนันเรื่องนี้คะ
นุดล : พี่จะเล่าอะไรให้นันฟัง
นันดา : อะไรเอ่ย
นุดล : เรื่องที่พี่จะเล่าเนี่ยเป็นเรื่องที่เกิดในรุ่นของพ่อและแม่
***นันดาทำตาโตขยับเข้ามาเท้าคางสนใจกับเรื่องที่พี่ชายจะเล่าให้เธอฟัง นุดลมองหน้าน้องสาวแล้วตัดใจเล่า เมื่อนุดลเล่าเรื่องที่ตั้งใจจะให้น้องรู้จบลงนันดาถึงกับอึ้ง
นุดล : นัน เรื่องนี้นันคิดยังไง
นันดา : นันไม่ทราบ
นุดล : นันว่าพ่อกับแม่เป็นคนผิดไหมที่เป็นฝ่ายไปให้คำมั่นสีญญากับลุงเสริมเอง
นันดา : พี่ดล ลุงเสริมเขาคงไม่คิดจะมาทวงสัญญากับพ่อและแม่ใช่ไหม แล้วทำไมพ่อกับแม่ถึงเล่าเรื่องนี้ให้พี่ดลฟัง
นุดล : พ่อกับแม่คงไม่เล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังแน่ถ้าลุงเสริมไม่มาทวงสัญญา
นันดา : หมายความว่า
***นันดาหน้าตื่นตกใจ
นุดล : เรื่องนี้ลุงเสริมมาคุยกับพ่อและแม่
นันดา : ไม่นะคะ นันไม่ยอมเป็นตายยังไงนันก็ไม่ยอม ทำไมนันจะต้องมารับผิดชอบกับคำสัญญาที่ไร้เหตุผลบ้าบอแบบนี้ด้วย
นุดล : นัน พี่รู้ว่านันต้องคิดเช่นนี้และไม่ยอม พ่อกับแม่ก็รู้และพร้อมที่จะตามใจนันโดยการถูกตราหน้าว่าตระบัดสัตย์ยอมแม้จะให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาสู่ขอนันชี้หน้าประนาม
นันดา : อะไรนะคะ สู่ขอ ใครมาสู่ขอนี่มันเกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่
***นุดลบอกความจริงทุกอย่างกับน้องสาวนันดาถึงกับผุกลุกขึ้นยืนอย่างตกใจและคาดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะใหญ่โตถึงเพียงนี้แล้ว
นันดา : นันจะไปพูดกับพ่อและแม่ให้รู้เรื่องพ่อกับแม่ทำอย่างนี้กับนันได้อย่างไรนันไม่ยอม
นุดล : นัน เดี๋ยว ฟังพี่ก่อน นันจะไปว่าพ่อกับแม่ไม่ได้นะ
นันดา : ทำไมคะ ก็พ่อกับแม่ไม่รักนันเห็นนันเป็นอะไรคิดจะยกให้ใครก็ได้โดยไม่นึกถึงจิตใจของนัน
นุดล : เพราะพ่อกับแม่คิดถึงจิตใจของนันรักนันน่ะสิท่านจึงไม่กล้าพูดกับนันเอง ท่านไม่กล้าพูดกับนันเพราะทนเห็นนันเสียใจไม่ได้
นันดา : ต่ยอมยกนันให้คนอื่นได้
นุดล : ถ้านันไม่ยอมพ่อกับแม่ก็จะไม่บังคับนันนะ จะยอมยกเลิกและชดใช้ให้กับเขา
นันดา : ชดใช้ ทำไมต้องชดใช้
นุดล : ชดใช้หรือไม่พี่ไม่แน่ใจ แต่พ่อกับแม่จะมองหน้าลุงเสริมและผู้ที่รับรู้กับเรื่องนี้อีกไม่ได้ พี่รู้ว่าพ่อกับแม่น่ะกลุ้มและเกลียดมากกับเรื่องนี้ พ่อกับแม่ต้องเลือระหว่าการเป็นคนตระบัดสัตย์กับความสุขของนัน และพ่อกับแม่ก็คงจะยอมเลือกอย่างหลังเพราะท่านน่ะรักนันมากถ้านันไม่ยอมท่านไม่บังคับนันแน่
***นันดาอึ้ง ในที่สุดหญิงสาวก็ผลุนผลันวิ่งจากนุดลไป แก้วตากับชินคอยชะเง้อมองลูกชายหญิงที่ไปคุยกันอยู่ที่ศาลาริมสระน้ำและเห็นนันดาวิ่งเข้ามาในบ้าน
แก้วตา : นันลูก
***นันดามองพ่อกับแม่สายตาของคนทั้งคู่ทำนันดาพูดอะไรไม่ออกและในที่สุดเธอก็หันหลัง เดินลิ่วไปยังโรงจอดรถและขับรถออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว นุดลเดินออกมาจากหลังบ้าน
ชิน : ดล น้องว่ายังไงมั่งลูก ลูกคุยกับน้องแล้วใช่ไหม
นุดล : ครับ
ชิน : เขาไม่ยอมใช่ไหม
***ชินถามลูกชายนุดลพูดไม่ถูก
ชิน : ความจริงพ่อกับแม่น่าจะบอกปฏิเสธเขาไปเลยไม่ต้องรอให้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้พ่อผิดเอง
***ชินพูดอย่างตัดสินใจแล้วว่า ถ้านันดาไม่ยอมเขาจะยอมเสียคนเสียคำพูด ผิดคำสัญญา
นุดล : แล้วนี่ยายนันไปไหนครับพ่อ...แม่
ชิน : ไม่รู้ เขาคงโกรธมาก ผลุนผลันขับรถออกไป
นุดล : พ่อครับแม่ครับ พ่อกับแม่ไม่โกรธยายนันใช่ไหมถ้าเขาไม่ยอม
ชิน : ไม่หรอกลูกพ่อกับแม่จะโกรธเขาได้ยังไง กลับรู้สึกผิดซะอีกที่ทำให้เขาต้องทุกข์ใจกับเรื่องนี้
***ทั้งสามคนได้แต่ทุกข์ใจ ในขณะที่นันดาขับรถมายังบ้านของเสริมเธอจอดรถที่หน้าตึกจนเกือยจะชนกระถางต้นไม้ประดับแตกและลงจากรถหน้าตาเอาเรื่องเต็มที่ สำเนียงออกมา
นันดา : ลุงเสริมอยู่ไหมป้า
สำเนียง : ไม่อยู่ค่ะ
นันดา : แล้วนายรุจน์ล่ะ
สำเนียง : ก็ไม่อยู่เหมือนกันค่ะ คุณนันจะมาหาคุณรุจน์เหรอคะคุณรุจน์เธอไปที่สวนค่ะคงจะอยู่ที่นั่น
นันดา : แล้วลุงเสริมล่ะ
สำเนียง : นายไปติดต่อช่างมาทำห้องค่ะ คุณนันจะ...
***สำเนียงยังพูดไม่ทันจบนันดาก็หันหลังเดินไปขึ้นรถและขับออกไป
สำเนียง : มีธุระอะไรหรือเปล่าแต่หน้าตาไม่ดีเลย
***สำเนียงบ่นเบาๆแล้วเดินเข้าบ้าน นันดาขับรถไปหาเหมรุจน์ที่สวนส้มของเขา เหมรุจน์กำลังคุมคนงานใส่ปุ๋ยต้นส้มเห็นนันดาขับรถเข้ามาจอดที่หน้าเรือนพักหลังเล็กเขารีบเดินออกมาจากสวนทันที
เหมรุจน์ : มาถึงที่นี่เลยนะ แม่ตัวดี
***เหมรุจน์กระโดดข้ามท้องร่องสวนและเดินเข้ามาหานันดาที่ยืนหน้าบอกชัดว่าพร้อมจะเอาเรื่องกับเขาแน่
เหมรุจน์ : มีอะไรให้ผมรับใช้ ถึงมาถึงที่นี่คุณนันดา
นันดา : ฉันจะมาตกลงกับนาย
เหมรุจน์ : ตกลงเรื่องอะไรไม่ทราบ
นันดา : นายไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง
เหมรุจน์ : ก็ไม่รู้จริงๆเรื่องอะไรล่ะ ว่าแต่จะยืนตากแดดอยู่ตรงนี้น่ะหรือเข้าไปนั่งคุยในร่มดีกว่ามั๊งเดี๋ยวแก้มขาวๆของคุณจะหมองซะหมด
นันดา : ไม่ฉันจะคุยตรงนี้
เหมรุจน์ : ไม่ผมร้อน มีอะไรจะคุยก็ตามมาที่เรือนพักถ้าไม่มีก็เชิญคุณกลับได้เลย
***นันดากัดฟันกรอดกำมือแน่น ในที่สุดเธอก็ต้องเดินมาที่เก้าอี้รับแขกหน้าเรือนที่เหมรุจน์เดินมานั่งรออยู่ก่อน
เหมรุจน์ : เอ้า มีอะไรก็ว่ามา
นันดา : ฉันจะมาบอกนายว่าฉันจะไม่ยอมทำตามคำสัญญาบ้าบออะไรที่พ่อแม่ของฉันและพ่อของนายทำกันไว้
เหมรุจน์ : อ๋อ ที่แท้มาด้วยเรื่องนี้เอง ผมรู้อยู่แล้วว่ามันต้องออกมาอีหรอบนี้แน่นอน
นันดา : รู้แล้วก็ดี นายช่วยบอกพ่อของนายด้วยว่าเรื่องแต่หนหลังมันควรจะจบลงไปได้แล้วคนรุ่นเราไม่ควรต้องมารับกรรมรับเวรอะไรด้วยกับคำสัญญาไร้สาระนั่น
เหมรุจน์ : ผมก็เตือนพ่อของผมแล้วว่าอย่าไปคิดทวงสัญญากับคนไม่จริงใจอย่างพ่อกับแม่ของคุณเลย ลมปากที่พ่นเอาไว้เพื่อจะหลอกให้คนที่รู้ไม่เท่าทันเขาเท่านั้นเอง จะไปเอาความสัตย์อะไรกับคำพูดพร่อยๆเพื่อให้เพื่อนเชื่อไปได้ชั่วครั้งชั่วคราวล่ะจริงไหม
นันดา : นายเหมรุจน์ นี่นายกำลังด่าพ่อกับแม่ฉันนะ
เหมรุจน์ : เปล่า ผมพูดความจริงต่างหากพ่อกับแม่ของคุณไม่รักษาสัญญาจะให้ผมชื่นชมยกย่องหรือไงผมน่ะนับถือคนที่มีศักดิ์ศรีและเกียรติเท่านั้นและเกียรติก็ต้องเกียรติที่แท้จริงไม่ใช่เกียรติจอมปลอมที่มีแต่เพียงคำพูด
นันดา : นี่นายว่าพ่อกับแม่ฉันมีเกียรติจอมปลอมหรือไง
เหมรุจน์ : หรือไม่จริง คนตระบัดสัตย์ขนาดกับเพื่อนที่คบกันมานานแสนนานยังไม่จริงใจแล้วจะให้ผมคิดว่ายังไง
นันดา : แต่ไอ้คำสัญญาเฮงซวยนั่นมันไร้เหตุผล
เหมรุจน์ : ใช่ ไร้เหตุผล แต่ใครล่ะเป็นคนเริ่มมันขึ้นมาก่อนนี่ถ้าพ่อผมเป็นฝ่ายมีลูกสาวแล้วพ่อแม่ของคุณมีลูกชายผมอยากรู้นักว่าไอ้คำพูดนี้มันจะออกมาจากปากของคุณไหม
นันดา : แล้วนายยอมเหรอนายโง่ที่จะให้เขาจับให้นายแต่งงานโดยที่ใจไม่ปรารถนาเลยหรือไง
เหมรุจน์ : ยอม
นันดา : ไอ้บ้า
เหมรุจน์ : อ้าว เรื่องอะไรมาด่ากันล่ะ
นันดา : ก็นายมันบ้า ยอมให้เขาจับแต่งงานเป็นควายให้เขาคลุมหัวชน
เหมรุจน์ : ก็ผมไม่ต้องการให้พ่อของผมต้องถูกตราหน้าว่าหน้าด้านผิดสัตย์ตระบัดคำนี่นา
นันดา : แต่ฉันไม่ยอมฉันน่ะเกลียดขี้หน้านายที่สุด เกลียดยิ่งกว่าจิ้งจก...
เหมรุจน์ : ตุ๊กแกไส้เดือนกิ้งกือ งู หนู หมูหมา ใช่ไหมล่ะ
***เหมรุจน์ต่อให้อย่างยิ่งอารมณ์ของหล่อน นันดาแทบกรี๊ด
นันดา : ฉันไม่ยอม ถ้าต้องแต่งงานกับนายฉันยอมแห้งตายซะยังจะดีกว่า
เหมรุจน์ : ก็เอาสิ กลับไปเลยกลับไปนอนสบายใจว่ารวมหัวกันผิดคำสัญญาได้ หน้าหนาอยู่แล้วนี่ไม่เห็นต้องอายใครถ้าจะเบี้ยวอะไรใครสักคน
นันดา : ไอ้บ้า อย่ามาพูดอย่างนี้นะ
เหมรุจน์ : จะพูด จะทำไม มีลูกจะสอนลูกมีหลานจะสอนหลานจะสอนแหลนว่าให้ดูเอาไว้ไอ้คนที่มันไม่รักษาคำพูดตัวเองหน้าตาเป็นยังไง
***นันดาเชิดหน้าหล่อนทนไม่ได้ที่ใครจะมาชี้หน้าว่าพ่อแม่ของหล่อนว่าตระบัดสัตย์ผิดคำสัญญา
นันดา : ได้ ฉันจะแต่งงานกับนาย แล้วนายจะเสียใจที่คิดจะแต่งงานกับฉัน นันดาพูดแล้วหันหลังเดินกลับไป เหมรุจน์แทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ นันดาวิ่งมาเจอปังตอซะได้แผลกลับไปแค่นี้เขาก็ทำให้หล่อนลงมาอยู่ในกำมือของเขาได้แล้ว แม่ลูกไก่ตัวงาม
........................................................................................
***สุดาดวงกอดเอวเหมรุจน์อ้อนวอนขอโทษอย่างน่าสงสาร
เหมรุจน์ถอนใจใหญ่และพาเธอกลับไปยังห้องของเขา ทั้งคู่ไม่รู้ว่าเสริมยืนแอบฟังอยู่ เสริมถอนใจหนักอก มันไม่ง่ายเอาซะเลยที่เหทมรุจน์จะเลิกกับสุดาดวงได้เพราะผู้หญิงรักและยอมลูกชายของเขาอย่างนั้น
........................................................................................
ตอนที่12
แก้วตา : นัน หนูไปไหนมาลูก
นันดา : ไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ
***นันดาบอกแม่แล้วนั่งลงอย่างอ่อนแรง
แก้วตา : นัน แม่ขอโทษ แม่ตัดสินใจแล้วหนูไม่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่พ่อกับแม่ก่อเอาไว้หนูสบายใจเถอะนะ
นันดา : แม่คะ นันยอมค่ะ นันจะแต่งงานกับนายเหวนรกนั่น
***แก้วตาถึงกับตะลึงที่นันดายอมแต่งงาน
แก้วตา : นัน ลูกไม่จำเป็นต้องฝืนใจเพื่อพ่อกับแม่เลยนะลูก
นันดา : แม่คะ นันขอทำหน้าที่ลูกที่ดีกับพ่อแม่สักครั้ง แต่ต่อไปนันจะทำอ่ะอย่าว่านันนะคะ
***แก้วตาพูดไม่ออก
แม้เธอจะบอกลูกว่าไม่จำเป็นต้องยอมแต่งงานแต่นันดาก็ยืนยันว่าเธอพร้อม
ไม่มีใครรู้ว่านันดาทั้งทุกข์ใจและแค้นใจและที่สำคัญเธอรู้ว่าเหมรุจน์ต้องการจะเอาชนะเธอ เมื่อนันดายอมแต่งงานทุกอย่างจึงดำเนินไปตามขั้นตอน
เสริมมาคุยกับชินเรื่องรายละเอียดและสินสอดที่จะมอบให้นันดา
ชินกับแก้วตาไม่ต้องการเรียกร้องอะไรอีกเพราะที่เสริมให้กับนันดาในตอนแรกก็มากแล้ว
เสริม : ข้าน่ะไม่มีลูกสาว
เครื่องเพชรเครื่องทองไม่เคยซื้อใหม่
มีแต่ของเดิมของกัลยาเขาก็ตั้งใจว่าจะมอบให้เป็นสมบัติของลูกสะใภ้ถ้าเจ้ารุจน์มันแต่งงาน และข้าก็เอามามอบให้เป็นทองหมั้นหนูนันดา
ชิน : เสริมข้าพูดตรงๆนะ
ความจริงไอ้เครื่องเพชรเครื่องทองพวกนี้ข้าไม่อยากได้หรอกแต่ถ้าแกจะมอบให้ในฐานะทองหมั้นข้าก็จะรับเอาไว้ให้ยายนัน
แต่สิ่งที่ข้าอยากได้คือคำมั่นสัญญาหรือหลักประกันว่าเมื่อแกเอาลูกสาวของข้าไปแล้วจะไม่ให้ลูกชายของแกรังแกของของข้า
เสริม : เฮ่ย
ข้อนี้ข้ารับรองเลยจะไม่มีเหตุการณ์อย่างที่แกกังวลเป็นห่วงอย่างเด็ดขาด
เจ้ารุจน์น่ะถึงมันจะท่าทางนักเลงแต่มันไม่เคยรังแกผู้หญิงนะ
ชิน : เขาว่าเจ้ารุจน์มันเจ้าชู้นักหนา
ถ้าต่อไปมีเหตุให้ยายนันทนเจ้ารุจน์ไม่ได้ข้าจะเอาลูกสาวข้ากลับนะ
เสริม : แกกังวลมากไปหรือเปล่า
ชิน : กังวลสิ เด็กมันไม่เคยรักกันข้ากลัวปัญหามันจะเกิดขึ้นเพราะฉะนั้นข้าถึงได้พูดกับแกเอาไว้ซะก่อนเพราะถ้าต่อไปข้าเอาลูกของข้ากลับแกจะได้ไม่มาว่าข้าได้
***เสริมต้องยอมให้สัญญากับชินและกลับมาคุยเรื่องนี้กับเหมรุจน์
เหมรุจน์ : โอ้โฮพ่อ
นี่ว่าที่พ่อตาแม่ยายของผมเขาเตรียมเอาลูกสาวคืนแล้วเหรอนี่
เสริม : เขาห่วงลูกของเขาน่ะสิ
เพราะฉะนั้นแกห้ามรังแกลูกของเขาถึงจะแต่งงานอยู่ด้วยกันแล้ว
ถ้าแกทำตัวประพฤตินิสัยไม่ดีเหมือนอย่างที่ผ่านมาแกก็มีสิทธิ์เป็นหม้ายโดนเขายึดเมียล่ะงานนี้ฃ
เหมรุจน์ : ฮึ...เอาลูกสาวคืนก็ได้ แต่ถ้าเกิดมีลูกผมคืนแต่แม่นะลูกไม่ให้
เสริม : แกจะบ้าเรอะ
พูดแบบนี้เขาไม่ใช่แม่หมานะโว้ย
ถึงจะเอามาทำลูกขยายพันธุ์แล้วคืนแม่ไป
พ่อบอกตรงๆนะว่าชักไม่แน่ใจว่าแกจะเอาเขาจริงจัง
เหมรุจน์ : จะไม่จริงจังได้ยังไง ขนาดยอมแต่งงานจริงซะยิ่งกว่าจริงซะอีก
เสริม : แกรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
เจ้ารุจน์
เหมรุจน์ :
เขาสวยดี ปาดแดง แก้วแดง
หุ่นดี
ฤทธิก็มากผู้หญิงอย่างนั้นหายาก
***เหมรุจน์ตอบไม่ตรงคำถาม ใครจะกล้าบอกว่าเขาคิดจะปราบคู่ปรับ เหมรุจน์ชอบคนเก่งใจนักเลงไม่กลัวคน แต่บรรดาผู้หญิงที่เขาเจอะเจอมามีแต่ใส่จริตอ่อนหวาน และพร้อมที่จะซบอยู่แทบตักของเขาทุกคน แสนงอน
ออเซาะและทำตัวนิ่ม ผิดกับนันดาหล่อนไม่เคยมีท่าทางจะยอมอ่อนข้อให้เขาเลย
กล้าพูดกล้าทำและที่สำคัญเธอกล้าประกาศตัวเป็นคู่อริกับเขา และเล่นงานเขาได้ บ้าบิ่นอย่างนี้เหมรุจน์ชอบและต้องการจะเอาชนะหล่อน เขาอยากรู้ว่าฤทธิเดชของเจ้าหล่อน จะมีมากอีกเท่าไหร่
***แก้วตานั่งดูไลลาพับดาวกับนกใส่โหลให้นันดา
แก้วตา : เมื่อไหร่เจ้านายของเธอเขาจะพอซะทีกับดาวและนกพวกนี้นะไลลา
ไลลา : ทำไมละคะ คุณนายไม่ชอบเหรอคะ
แก้วตา : เปล่าๆฉันเห็นตอนแรกๆ นันเขาก็พับเอง แต่ตอนนี้กลายเป็นเธอเป็นคนพับคนเดียวแล้ว
ไลลา : คุณนันเธอก็พับค่ะ
แต่วันสองวันมานี้เธอหยุดไป
***แก้วตาเงียบรู้ว่าสาเหตุอะไรที่ลูกสาวหยุดทำของพวกนี้
ตั้งแต่ยอมรับปากแต่งงานกับเหมรุจน์นันดาก็เงียบไม่ค่อยพูดจาเท่าไหร่
นางไม่สบายใจเลยที่เห็นลูกไม่มีความสุขจะขอยกเลิกทุกอย่างซะแต่นันดาก็ยืนยันว่าไม่ต้อง ให้เป็นไปตามสัญญาและความต้องการของลูกใหญ่
แก้วตา : คุณนันทำอะไรอยู่
ไลลารู้ไหม
ไลลา : นั่งวาดรูปอยู่ที่ศาลาริมน้ำค่ะ
แก้วตา : วาดรูปเหรอ
ไม่ยักจะรู้ว่ายายนันวาดรูปได้นะนี่
ไลลา : วาดเก่งด้วยค่ะ คุณนันวาดรูปไลลาเหมือนเลยนะคะ
แก้วตา : งั้นฉันจะไปดูเขาหน่อย
***แก้วตาเดินออกมาหน้าบ้าน เหมรุจน์ขับรถเข้ามาพอดี ว่าที่แม่ยายยืนมองเหมรุจน์ลงจากรถและยกมือไหว้
เหมรุจน์ : สวัสดีครับคุณอา
แก้วตา : สวัสดีจ่ะ
เหมรุจน์ : คุณอาชินล่ะครับ
แก้วตา : ไม่อยู่หรอกจ่ะ ไปที่ร้าน รุจน์มีธุระอะไรกับอาชินหรือเปล่าจ๊ะ ถ้ามีเดี๋ยวอาโทรบอกให้ก็ได้
เหมรุจน์ : อ๋อไม่มีหรอกครับผมตั้งใจมาหาคุณนัน
แก้วตา : มาหายายนันเหรอคะ
ยายนันอยู่ในสวนหลังบ้าน
รุจน์เจ้ามานั่งในบ้านก่อนนะจ๊ะ
เดี๋ยวอาจะใช้ให้เด็กไปตามมาให้
เหมรุจน์ : ผมขออนุญาตไปหาเธอเองได้ไหมครับ
แก้วตา : ได้สิจ๊ะ
***เหมรุจน์เดินไปหานันดา
แก้วตจาเข้ามาสั่งให้แม่บ้านจัดอาหารว่างเลี้ยงเหมรุจน์ เด็กรับใช้กับแม่บ้านคุยกัน
เด็กรับใช้ : ป้าแจ่มหนูเห็นคู่หมั้นคุณนันแล้วล่ะ หล่อจังเลย
สมกับคุณนันยังกับกิ่งทองใบหยกแน่ะ
แจ่ม : เออ ข้าน่ะเคยเห็นมาแล้ว
เด็กรับใช้ : แต่เขาว่าคุณนันไม่ได้รักหรอกนะป้า ผู้ใหญ่น่ะจัดการให้
แจ่ม : เอ็งไปเอามาจากไหนรู้ดีนัก
เด็กรับใช้ : ก็หนูแอบได้ยินคุณนายกับคุณท่านพูดกันบอกว่าเห็นใจคุณนันที่ต้องมาทำเพื่อพ่อแม่
แจ่ม : เอ็งน่ะเงียบไปเลยแล้วอย่าริ
วิพากษ์วิจารอะไรเรื่องของเจ้านายห้ามสาระแนนะพวกเราไม่มีหน้าที่จำเอาไว้
***แม่แจ่มดูและสั่งให้ช่วยจัดอาหารว่างเร็วๆ เพื่อจะได้เอาออกไปต้อนรับแขกของเจ้านาย
***นันดาพึ่งลงสีบนภาพวาดที่เธอวาดเอาไว้อย่างตั้งใจ
เหมรุจน์เดินเข้ามาเงียบๆและยืนมองหญิงสาวลงสีภาพอย่างชำนาญ
ภาพเด็กผู้หญิงหน้าน่ารักแต่ใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ขาดปะ
ผมผ้ารุงรังในมือถือแตงโมที่ผ่าซีกและกัดเอาไว้แหว่งแล้ว ถ้าภาพนี้นันดาวาดขึ้นมาจากจินตนาการของเธอเอง
แสดงว่าในใจของเธอขณะนี้ไม่สงบแฝงด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้น นันดารู้สึกว่ามีคนมามองเธออยู่ข้างหลัง
แต่คิดว่าเป็นไลลาจึงไม่สนใจคงลงสีภาพของเธอไปเรื่อยๆ แต่ปากก็ถาม
นันดา : พับเต็มโหลแล้วหรือไลลา
***เงียบไม่มีเสียงตอบ หญิงสาวจึงพูดอีก
นันดา : โหลนี้ตั้งใจให้ดีหน่อยนะ
เอาดวงเล็กๆและนกก็ตัวเล็กๆฉันจะเอาไปเป็นของขวัญวันเกิด เพื่อนของฉัน
อาทิตย์หน้าฉันจะไปกรุงเทพ
กระดาษที่ซื้อเอามาไว้ไลลาก็ช่วยพับให้หมดเลยนะ ฉันคงไม่มีอารมณ์จะพับอีกแล้ว
***ยังเงียบอีกนันดาจึงหันมอง เหมรุจน์มองเธอยิ้มๆอยู่ นันดาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาจึงตกใจ ผุดลุกขึ้นยืนทันที
นันดา : มาทำไม นายมาฉันทำไม
เหมรุจน์ : อ้าวถามแปลก
ผมมาไม่ได้หรือไงที่นี่น่า
นันดา : มาได้แต่ฉันไม่อยากให้มา
ไม่ต้อนรับ
เหมรุจน์ : ไม่ต้อนรับว่าที่สามี แล้วจะต้อนรับใคร
***เหมรุจน์พูดแล้วมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
เสียตายโลมเลียยั่วเย้านันดาหน้าร้อนวูบวาบเผลอก้มมองตัวเองว่าแต่งตัวเรียบร้อยไหมแล้วแหว
นันดา : นี่ถ้านายคิดจะมาหาเรื่องฉันถึงที่นี่ล่ะก็ได้เลย อยากมีเรื่องแบบไหนว่ามา
เหมรุจน์ : จริงเหรอ
ว่าถ้าผมอยากมีเรื่องกับคุณแล้วคุณจะยอมมีเรื่องกับผม
นันดา : นายจะเอายังไง
เหมรุจน์ : ผมอยากจูบคุณมัดจำสักฟอด
นันดา : ไอ้บ้า อย่ามาทะลึ่งกับฉันนะ
เหมรุจน์ : เปล่าเลย
ผมไม่เคยคิดทะลึ่ง
แต่วันนี้ไม่รู้เป็นยังไงตั้งแต่เช้าผมนึกถึงแต่ปากแดงๆแก้มแดงๆของคุณน่ะ
***เหมรุจน์เดินเข้าหาช้าๆนันดาถอยกรูดหันมองหาอาวุธป้องกันตัว เธอถือพู่กันอยู่ในมือกำมันไว้แน่น
เหมรุจน์มองพู่กันในมือของนันดารู้ทันว่าหล่อนจะใช้เป็นอาวุธเล่นงานเขาแน่
ถ้าเขาจู่โจมเธอแต่เหมรุจน์หัวเราะชอบใจที่เห็นนันดาตั้งท่ารับมือเต็มที่
เหมรุจน์ : นี่
คุณกลัวผมจะรังแกคุณเหรอ
นันดา : ไม่ นายกล้าดีก็ลองดู
เหมรุจน์ : ไม่เอาน่า
ทำไมคุณไม่ปรับตัวเข้าหาผมถึงยังไงคุณก็ต้องแต่งงานกับผมเป็นเมียของผมวันยังค่ำ ทำตัวให้น่ารักให้ผมถูกใจไม่ดีกว่าหรือ
นันดา : ฝันไปเลย
นายฝันไปเถอะฉันแต่งงานกับนายก็แค่ยอมเข้าพิธีด้วยเท่านั้น
ฉันจะบอกให้นะนายจะไม่มีวันได้ครอบครองตัวของฉันเป็นอันขาด
เหมรุจน์ : ทำไม
จะฆ่าตัวตายในวันแต่งงานหรือยังไง
นันดา : เปล๊า
ฉันจะไปยอมเป็นของชายคนรักของฉัน
บางทีนะฉันจะเอาลูกติดท้องมาให้นายต้องเป็นพ่อซะด้วย
***เหมรุจน์ตาวาววับ
คิดจะมาแกล้งยั่วหล่อนกลับกลายเป็นว่าเขาเป็นฝ่ายถูกหล่อนปั่นหัวซะนี่
***เหมรุจน์กลับมาบ้านแม้จะรู้ว่าที่นันดาพูดนั้น
หล่อนเจตนายั่วอารมณ์ของเขาแต่ความรู้สึกหวาดระแวงก็เริ่มจะมี
เขาเคยเห็นนันดาควงกับแฟนของหล่อนถ้าคำพูดที่หล่อนพูดมาในวันนี้เป็นความจริง ใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายเสียใจเจ็บใจที่ต้องแต่งงาน นันดาบอกว่าจะไปกรุงเทพฯหรือหล่อนจะไปหาชายคนรักของหล่อนจริงๆเหมรุจน์เริ่มพลุ่งพล่านหวาดระแวงนันดา
........................................................................................
ตอนที่13
***นันดาเดินทางมากรุงเทพฯเธอมาหาบูรฉัตร
บูรฉัตร : กลับบ้านไปไม่เท่าไหร่ก็มากรุงเทพฯอีก คงเบื่อบ้านแล้วล่ะซี
นันดา : เปล่า นันไม่เคยเบื่อบ้านนะบูร
อยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนอยู่ที่บ้าน
บูรฉัตร : อ้าว
แล้วขึ้นมาทำไมหรือว่ามาทำธุระ
นันดา : มาหาบูรมาขอความช่วยเหลือจากบูร
บูรฉัตร : จริงเหรอ
เรื่องอะไรบอกมาเลยผมยินดีช่วยเต็มที่
นันดา : บูรช่วยเป็นสามีให้นันหน่อยสิ
บูรฉัตร : ฮ้า นัน
นันดา : บูรอย่าทำท่ายังั้นสิคะ นันพูดจริงๆนะ
คราวก่อนนันช่วยเป็นแฟนให้บูรแล้วคราวนี้นันจะขอให้บูรเป็นสามีให้นันบ้าง
บูรฉัตร : เดี๋ยวเรื่องมันเป็นยังไงนัน
เล่าให้ผมฟังหน่อยนะเพราะนันคงไม่คิดจะให้ผมเป็นสามีจริงๆของนันหรอกนะ
***นันดาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นของเธอให้บูรฉัตรฟังจนหมดและขอให้บูรฉัตรเล่นละครว่ามีความสัมพันธ์กับเธอให้เหมรุจน์เห็น
บูรฉัตร : นัน
เรื่องนี้ไม่ใช่จะมาทำเล่นๆกันได้นะ
นันจะให้ผมเล่นละครเป็นสามีนันน่ะผมทำได้
แต่ผลที่มันจะตามมาไม่แค่คู่หมั้นของนันนะที่ได้รับผลกระทบ พ่อแม่พี่น้องของนันเขาจะคิดยังไง ผู้หญิงกับผู้ชายมันไม่เหมือนกันผมไม่เสียชื่อเสียงแต่นันน่ะเสียหายป่นปี้เลยนะ
กลายเป็นคนไม่บริสุทธิ์ในสายตาของคนทั่วไปยังไงมันก็ไม่ดี
***บูรฉัตรเตือนเพื่อนอย่างหวังดี
นันดา : แต่นันต้องการให้เขารังเกียจนันและไม่คิดมายุ่งมาแตะนัน ให้เขายกเลิกการแต่งงานไปได้ยิ่งดี นะ
บูรช่วยนันด้วย
นันคงตายแน่ๆถ้าต้องแต่งงานแล้วเป็นเมียของเขา
บูรฉัตร : ในเมื่อนันไม่รักแถมเกลียดเขาอย่างนี้แล้วนันยอมฝืนใจแต่งไปทำไม
ผมเชื่อนะว่าพ่อกับแม่ของนันไม่บังคับนันแน่ถ้านันปฏิเสธ
นันดา : ใช่ถ้านันจะปฏิเสธก็ได้
แต่เขาคงตราหน้าด่าพ่อกับแม่ของนันว่าเป็นคนตระบัดสัตย์ผิดสัญญา
เขาร้ายมากบูรไม่เห็นสีหน้าท่าทางของนายนั่นนันทนไม่ได้
นันจะทำให้เขาขอยกเลิกทุกอย่างเองหรือไม่ก็อยู่บนความอายไปเลย
บูรฉัตร : แสดงละครว่าเราเป็นอะไรกันมันก็แค่ช่วงที่ก่อนนันจะแต่งงาน
ถ้านันแต่งงานไปแล้วขืนผมเข้าไปวุ่นวายผมว่านันได้เผาศพให้ผมแน่
คงไม่มีใครยอมให้ผู้ชายอื่นเข้าไปยุ่งกับเมียของเขาหรอก
นันดา : เอาเถอะถึงตอนนั้นเราค่อยหาทางแก้ปัญหากันอีกทีแต่ตอนนี้บูรช่วยนันก่อน นันขอร้อง
บูรฉัตร : ได้เพื่อเพื่อนช่วยไม่ได้ ได้ยังไง
จะให้ทำยังไงบอกมาเลยบูรฉัตรคนนี้ตีบทแตกอยู่แล้ว
นันดา : ไปมะขามหักกับนันและทำให้เขาเข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นแค่แฟนกันเท่านั้น
บูฉัตร : พ่อนันกับคุณดลเขาไม่เล่นงานผมซะก่อนนะ
นันดา : ยังจะกลัวกังวลอะไรล่ะ
เราแค่เล่นละครกันเท่านั้น
บูรฉัตร : มันก็ต้องกลัวสิ
คนที่เราไม่ต้องการให้เข้าใจผิดแล้วเข้าใจผิดไปด้วยผมนี่แหละจะแย่
นันดา : ดูบูรจะกลัวความเป็ฯแมนซะจริงๆนะ
บูรฉัตร : จะบอกให้นะ
ถ้าผมไม่ใช่ลูกชายคนเดียวในบ้านนะผมจะแปลงเพศให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยไม่ต้องทนทุกข์ทรมานฝืนความรู้สึกอยู่อย่างนี้
นันดา : บูร บูรรู้ไหมบูรน่ะมีเสน่ห์ ในสายตาของผู้หญิงมาก ถ้าบูรคิดจะรักผู้หญิงรับรองหาไม่ยากเลยคู่ควง
บูรฉัตร : พอเลย
หยุดพูดได้เลย
ถ้าคนที่รู้ใจผมที่สุดแล้วยังจะพูดแบบนี้ผมโกรธนะ
นันดา : เจ้าค่ะ ไม่พูดอีกแล้ว ว่าแต่จะไปมะขามหักเมื่อไหร่
บูรฉัตร : จะให้ผมไปเมื่อไหร่ล่ะ แล้วแต่คุณนายจะบัญชา
นันดา : พรุ่งนี้เลยได้ไหม
บูรฉัตร : พรุ่งนี้เหรอ
ดีเหมือนกันกำลังอยากออกจากงานเก่าอยู่พอดี ออกมันซะเลย
นันดา : เฮ้อ
นี่จะถึงกับเสียงานเสียการเพราะนันเลยเหรอ
ไม่ต้องถึงขนาดนั้นไม่ได้เหรอถ้าพ่อบูรรู้นันโดนด่าเป็นแน่
บูรฉัตร : พ่อน่ะเหรอจะด่า
นันดา : ทำไมถึงไม่ด่า
บูรฉัตร : ก็แกเป็นลมซะก่อนเลยด่าไม่ทัน
นันดา : ว๊า
บูรฉัตร : ไม่ต้องทำหน้าซีเรียสอย่างนั้นหรอก
ผมบอกกับพ่อเอาไว้แล้วว่าจะขอเปลี่ยนงานที่ทำเพราะผมไม่ชอบงานที่ทำมันฝืนใจ
นันดา : นันก็ว่าบูรทำได้ไม่นานอยู่แล้วงานนั้นมันเหมาะสำหรับคนชอบลุย อย่างบูรทำได้ไม่นานหรอก
***สุดาดวงกลับไปชอกช้ำเสียใจซะหลายวันเมื่อรู้ว่าเหมรุจน์จะแต่งงานแต่เพราะหล่อนรักเขามากจึงยอมกลับมาคบกับเหมรุจน์อีกทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเสียเปรียบเขาแต่ฝ่ายเดียว
หล่อนมานอนค้างกับเหมรุจน์ที่บ้านของเขาอีก เสริมถึงกับหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าสุดาดวงมานอนค้างกับลูกชาย
เสริม : นี่มันจะเอายังไงของมันวะไอ้ลูกคนนี้
หมั้นผู้หญิงจะแต่งงานอยู่ลอมล่อมันยังบ้าพาผู้หญิงอื่นมานอนค้างคืน
ถ้าฝ่ายเจ้าชินมันรู้หัวหงอกของข้ามีหวังถูกถอนจนโกร๋นแน่ โธ่เอ้ย
สำเนียง : นายท่านบ่นอะไรคะ
***สำเนียงถามเมื่อเห็นเสริมบ่นอู้อี้อยู่คนเดียว
เสริม : แม่สำเนียง
นี่ฉันจะทำยังไงดีหืมม์
ไอ้เจ้ารุจน์มันถึงจะปรับเปลี่ยนนิสัยซะทีเห็นไหมมันเอาผู้หญิงมานอนค้างคืนอีกแล้ว
สำเนียง : ค่ะ
อิฉันก็ว่าไม่ค่อยดีใกล้จะถึงวันแต่งงานแล้วยังไม่ยอมเลิกคบกับคุณดวง มันจะมีปัญหานะคะนายท่าน
เสริม : มีแน่ถ้าฝ่ายโน้นเขารู้
สำเนียง : คุณดวงก็เหลือเกินขนาดเขาจะแต่งงานมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วยังไม่ยอมเลิก
นี่น่ะเป็นฝ่ายมาหาคุณรุจน์เองเลยนะคะแล้วก็ไม่ยอมกลับนอนค้างคืนด้วยเฉยเลย
เสริม : สงสัยต้องเรียกมาคุยกันแล้ว
ปล่อยไว้ฉันเสียคนแน่เพราะเจ้าชินกับแม่แก้วตาเขาห่วงเรื่องความเจ้าชู้ของเจ้ารุจน์มันอยู่ด้วย
สำเนียง : ก็ต้องห่วงสิคะ
เป็นอิฉันก็ห่วงไม่อยากให้ลูกสาวต้องไปนั่งกินน้ำตาต่างข้าวเพราะได้ผัวเจ้าชู้ อีกอย่างกิตติศัพท์ของคุณรุจน์น่ะใช่ย่อยซะเมื่อไหร่
อยู่แค่นี้ๆคุณชินกับคุณแก้วตาก็ต้องรู้อยู่แล้ว
เสริม : เฮ้อกลุ้ม...แล้วนี่ห้องเสร็จหรือยังฉันไม่ได้เข้าไปดูเลย
สำเนียง : ใกล้เสร็จแล้วล่ะค่ะ
วันนี้ช่างเขามาบุวอลเปเปอร์แล้วก็เปลี่ยนแอร์ใหม่
ส่วนเฟอร์นิเจอร์คุณรุจน์เธอบอกว่าให้อิฉันเป็นคนเลือกให้แต่ขอเป็นโทนสีเทาอมฟ้าสีเดียวกับวอลเปเปอร์ก็แล้วกัน
เสริม : แล้วทำไมมันไม่เลือกเอง
ใครจะใช้กันแน่แม่สำเนียงหรือมัน
สำเนียง : อิฉันว่า
น่าจะให้คุณนันเธอเป็นคนเลือกจะดีกว่านะคะเพราะเธอเป็นคนใช้ด้วย
เสริม : เคยบอกเขาไปแล้ว
แต่เขาให้เราจัดการไปเลย
สำเนียง : อิฉันก็เลือกไม่ค่อยถูก
เสริม : ถ้ามันยากนัก ก็ให้ทางร้านเขาจัดเอาชุดที่มันดีที่สุดในร้านมาก็แล้วกันเรื่องราคาฉันไม่เกี่ยงอยู่แล้ว แต่ว่าโทนสีก็ตามใจเจ้ารุจน์มัน
สำเนียง : อย่างนั้นก็ดีค่ะ
อิฉันจะได้สั่งให้ทางร้านเฟอร์นิเจอร์เขาจัดส่งมาติดตั้งให้เลย
***สุดาดวงเดินเกาะแขนเหมรุจน์ลงบันไดกันมาเสริมเรียกทั้งคู่ให้มานั่งคุยด้วย
เสริม : นี่เราสองคนมานี่
มานั่งคุยกับฉันหน่อย
เหมรุจน์ : มีอะไรเหรอครับพ่อ
เสริม : แกรู้ใช่ไหมเจ้ารุจน์ว่าเมื่อไหร่จะถึงวันแต่งงานของแก
เหมรุจน์ : รู้
ปลายเดือนนี้
อีกตั้งเกือบยี่สิบวัน
***เสริมหันมองสุดาดวงที่นั่งฟัง
เสริม : แล้วหนูล่ะ
ยังจะคบกับเจ้ารุจน์มันแบบนี้อีกหรือลุงว่าหนูจะเสียหายเสียเวลาเปล่านะ
สุดาดวง : ค่ะ
เสริม : ค่ะอะไร
สุดาดวง : ดวงยอมรับสภาพนี้ได้ค่ะ
***สุดาดวงพูดหน้าตาเฉย เสริมถึงกับอึ้ง
เหมรุจน์ :
พ่อผมขอไปส่งดวงก่อนนะแล้วเดี๋ยวจะกลับมาคุยกับพ่อใหม่ ไปเถอะดวง
***เหมรุจน์พาสุดาดวงออกไป
เสริมนั่งทำหน้าไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าคนสมัยนี้เขาจะทำอะไรกันจนคนรุ่นเขานึกไม่ถึง ที่ว่าเดี๋ยวจะมาคุยด้วยของเหมรุจน์คือ เย็นชายหนุ่มถึงได้กลับเข้าบ้านเสริมยังไม่ยอมรามือเพราะจะต้องพูดกับลูกชายให้รู้เรื่องก่อน
เสริม : ไอ้เจ้ารุจน์แกจะเอายังไง
ไหนแกร่ำร้องอยากจะแต่งงานแล้วยังเสือกประพฤติตัวอย่างนี้แกจะให้พ่อโดนอาชินกับอาแก้วเขาถอนหงอกพ่อหรือไง
เหมรุจน์ : พ่อ
ทำไมต้องโวยวาย
เสริม : โวยวายสิ
แกยังบ้าพาผู้หญิงเข้ามานอนในบ้านทั้งๆที่จะแต่งงานแล้ว
เหมรุจน์ : ดวงเขามาหาผมเองจะให้ผมไล่เขากลับไปหรือไง
เสริม : เออ
มันต้องไล่แล้วไม่ใช่ต้อนขึ้นห้องแกไปมั่วกับเขาถ้าเกิดเขาท้องไส้ขึ้นมาแกจะทำยังไง
เหมรุจน์ : ท้องอะไรล่ะพ่อ
ผมป้องกันชัวร์อยู่แล้วอย่างผมให้ท้องได้ก็เสียชื่อหมดสิ
เสริม : ป้องกัน เออป้องกัน
พูดพร่อยๆเอาแต่ได้ถ้าเป็นแบบนี้พ่อว่าแกยกเลิกการแต่งงานซะดีกว่า
ถ้าแกยังรักสนุกสุดเหวี่ยงอย่างงี้ไม่ต้องแต่งงานมันหรอก ผู้หลักผู้ใหญ่จะได้ไม่เดือดร้อนกับแก
เหมรุจน์ : คำก็ยกเลิกสองคำก็ยกเลิกก็เอาสิ ถ้าพ่อคิดจะยกเลิกตอนนี้มันก็ยังไม่สายนี่
เสริม : ไอ้เจ้ารุจน์
นี่แกพูดยังงี้ได้ยังไงวะห๊ะ
พูดได้ยังไง
แกเห็นเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องล้อเล่นหรือเล่นขายของกันหรือไง
นึกอยากจะแต่งก็บอกให้ไปขอพอนึกอยากไม่แต่งจะมาบอกให้ยกเลิกเดี๋ยวพ่อหวดกะบาลแยกพับผ่าสิ
เหมรุจน์ : ก็พ่อเป็นคนพูดเอง จะให้ยกเลิกผมเบื่อคำนี้เต็มทนแล้ว
เสริม : เบื่อก็ต้องแต่งถึงขั้นนี้ถ้าแกไม่แต่งได้เห็นดีกันแน่
หนอยจะมาทำเป็นเด็กเล่นขายของเบื่อก็ต้องแต่งถึงขั้นนี้ถ้าแกไม่แต่งได้เห็นดีกันแน่ หนอยจะมาทำเป็นเด็กเล่นขายของ
เหมรุจน์ : พ่อก็อย่าบ่นผมนักสิ
ผมอยากมีความสุขก่อนจะแต่งงานเรียกว่าใช้ชีวิตโสดให้คุ้มค่าก่อนสละโสดใครๆเขาก็ทำกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ
เสริม : กลัวมันจะไม่ใช่แค่นี้ก่อนแต่งงานน่ะสิสันดานคนเจ้าชู้ถ้ามันหยุดได้ก็ดีน่ะสิวะ กลัวมันจะฝังเข้าไปในกระดูกแกะไม่ออก
แล้วทำให้ผู้ใหญ่ต้องเดือดร้อนใจในภายหลังและคนอื่นเขาก็ต้องมามีเวรกรรมเพราะแกด้วย
เหมรุจน์ : ถ้าพ่อจะหมายถึงว่าที่เจ้าสาวของผมล่ะก็
พ่อไม่ต้องห่วงหรอกคนเก่งอย่างนั้นไม่น่าห่วงซักนิดผมจะบอกให้
เสริม : เออ พ่อจะภาวนา
ขอให้เขาปราบแกให้อยู่หมัดแต่ก็ไม่แน่นะถ้าแกแต่งงานแล้วมีความประพฤติแย่ๆ จนเขาทนไม่ได้เอขาอาจจะเฉดหัวแกออกจากบ้านหลังนี้ไปเลยก็ได้
***เหมรุจน์หัวเราะ เสริมถึงกับพยักหน้าช้าๆ
เสริม : เออ แกหัวเราะไปเลย ถ้าคิดว่าพ่อพูดเล่นล้อแกเล่นก็หัวเราะไปเลย
เหมรุจน์ : เขาน่ะรึจะกล้าไล่ผมออกจากบ้านหลังนี้
เสริม : แล้วทำไมเขาจะต้องไม่กล้าวะก็บ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของเขา
เหมรุจน์ : พ่อพูดอะไรเมาหรือเปล่านี่น่ะบ้านเรานะ
เสริม : ใช่มันเคยเป็นบ้านของเรา
แต่ตอนนี้พ่อยกให้เป็นสินสอดหนูนันเขาไปแล้ว
เหมรุจน์ : พ่อ...ว่าอะไรนะ
พูดใหม่ซิ
เสริม : สินสอดน่ะบ้านหลังนี้พ่อใช้เป็นสินสอดขอเมียให้แก
เหมรุจน์ : ห๊า...พ่อ
พ่อเพี้ยนอะไรหรือเปล่านี่พ่อเอาบ้านหลังนี้ยกให้นันดาเป็นค่าสินสอดมันจะเป็นไปได้ยังไง
เสริม : ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ก็พ่อยกให้เขาไปแล้วโอนให้เมื่อวันที่เอาขันหมากไปหมั้นเขาแกคิดว่าพ่อจะไปขอหมั้นเขามือเปล่าหรือไง
***เหมรุจน์ลงนั่งหมดแรงพูดแบบแทบไม่อยากหายใจ
เหมรุจน์ : แล้วพ่อให้อะไรเขาอีก
เสริม : ก็มีโฉนดที่ดินกับบ้านหลังนี้
แล้วก็เครื่องเพชรเครื่องทองของแม่แกทั้งหมด
เหมรุจน์ : พ่อทำอย่างงี้ได้ยังไง
สมบัติพวกนี้มันของผมนะบ้านหลังนี้ราคาตั้งยี่กว่าล้านที่ดินอีกเครื่องเพชรเครื่องทองผมอีกแลกกับยายแมงป่องจอมแสบนั่นน่ะนะผมไม่ยอม
เสริม : แกจะไม่ยอมได้ยังพ่อให้เขาไปแล้ว
แกอยากไม่ยอมจ่ายเงินส่วนของแกและพ่อก็บอกแล้วว่า
ถ้าแกไม่ให้พ่อจะเอาสมบัติของแกไปหมั้นเขาไม่ใช่ไม่บอก
เหมรุจน์ : นี่พ่อไม่รักผมเลยเหรอ ถึงเอาสมบัติส่วนของผมไปยกให้เขาจนหมด
เสริม : นี่เจ้ารุจน์ของเมียหรือของผัวมันต่างกันตรงไหนวะ
อีกหน่อยหนูนันเขาเป็นเมียแกสมบัติทุกอย่างแกก็ยังมีสิทธิ์อยู่เหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนจากชื่อของแกเป็นชื่อของเขาแทนก็เท่านั้น
***เหมรุจน์เหงื่อตก นี่พ่อช่วยแม่มดตะนอย เอวเล็กเล่นงานเขาหรือเปล่านะ โอยจะเป็นลมตาย
........................................................................................
ตอนที่ 14
***บูรฉัตรมากับนันดาและแวะหาหมอนุดล
เขาขอพักกับหมดนุดลไม่ไปพักที่บ้านหลังใหญ่
สำหรับหมอก็ยินดีเพราะไม่รู้ว่าบูรฉัตรคิดกับเขาแบบไหน
นุดล : ทำไมไม่ไปพักที่บ้านที่นั้นน่ะสบายกว่าตั้งเยอะ
บูรฉัตร : พักที่นี่ดีกว่าจะได้คุยกับนุดลด้วย
นันดา : ใช่
พี่จะได้พาบูรเขาเที่ยวสะดวกไง
***นันดามองหน้าพี่ชาย และบอกบูรฉัตรก่อนจะพยักหน้า
นันดา : ตามใจ แต่นี่นันขอเตือนก่อนนะบูร นี่น่ะพี่ชายของนันนะ นันหวงนะจะบอกให้
***นันดาพูดบูรฉัตรยิ้มปุเลี่ยนๆในขณะที่หมอนุดลไม่เข้าใจความหมาย จึงว่าน้องสาว
นุดล : กลัวบูรเขาจะพาพี่เที่ยวหรือไง
เข้าใจผิดแล้วพี่ต่างหากจะพาคุณบูรเที่ยว
รับรองพี่จะทำหน้าที่เจ้าถิ่นไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย
นันดา : นันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นซะหน่อย
เอาเถอะค่า
เชิญตามสบายแต่เย็นนี้พี่ดลต้องเลี้ยงข้าวมื้อเย็นนันนะคะ และก็ไปต่อเทคกันด้วย นันอยากไปเที่ยว
นุดล : อะไร กลับมาจากกรุงเทพ แต่อยากเที่ยวเทค ไปถึงกรุงเทพแล้วทำไมไม่เที่ยวซะให้มันหายอยาก
นันดา : เที่ยวกรุงเทพไม่มีคนจ่าย
เที่ยวที่บ้านเราดีกว่าพี่ดลเป็นเจ้ามืออยู่แล้ว
นุดล : พูดง่ายนักนะเรา
ก็ได้ก่อนแต่งงานพี่จะพาเที่ยวให้หนำใจ
แต่ขอบอกก่อนนะ
ถ้าแต่งงานแล้วห้ามมาขอให้พี่พาเที่ยวนะ
นันดา : พี่ดลอย่างพูดถึงเรื่องแต่งงานได้ไหมคะ
นันไม่อยากฟังไม่อยากได้ยิน
***นันดาพูดหน้างอขึ้นมาทันที
***นันดาควงบูรฉัตรไปเที่ยวทุกวัน เพื่อต้องการให้เหมรุจน์เห็นและก็ได้ผล ในตอนเย็นวันหนึ่ง เหมรุจน์กับเพื่อนๆไปเที่ยวกัน ในผับชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัด นันดา
หมอนุดล บูรฉัตร ทรงวาด
ก็เข้าไปเที่ยวเหมือนกัน
เมื่อนันดาเห็นกลุ่มของเหมทรุจน์เธอก็เริ่มแสดงละครโดยป้อนหาให้บูรฉัตรบ้างนั่งซบไหล่บ้างจนหมอนุดลถึงกับมองน้องสาวตาโต
นุดล : ยายนันทำอะไร
เห็นไหมโต๊ะโน่นน่ะคู่หมั้นของเราเขามาด้วยนะ
นันดา : ค่ะนันเห็นแล้ว
นุดล : เห็นแล้ว ??
นันดา : นันจะทำให้เขาเห็นน่ะสิคะพี่ดล
อยากให้เขาเห็นใจจะขาด
นุดล : จะเล่นอะไรของเรา
บูรฉัตร : นันเธอไม่ได้เล่าให้นุดลฟังก่อนเหรอ
***บูรฉัตรถามเพื่อน
นันดา : เดี๋ยวกลับไปค่อยเล่าตอนนี้ทำตามแผนของนันก่อนเถอะ
นุดล : แผนอะไร
***นุดลถามน้อง
นันดา : เถอะค่า
พี่ดลอย่าเพิ่งรู้เลย
นันบอกแล้วไงเดี๋ยวกลับแล้วจะเล่าให้ฟัง
***เพื่อนของเหมรุจน์สะกิดให้เหมรุจน์หันมองไปทางโต๊ะของหมอนุดลกับนันดา
เพื่อน : ไอ้รุจน์นั้นคู่หมั้นแกใช่ไหม
เหมรุจน์หันมอง
เหมรุจน์ : ใช่
เพื่อน : มากับพี่ชายและใครอีกล่ะดูเขาสนิทกันจัง
***เหมรุจน์หันมองนันดาเอาแก้วเบียร์ป้อนให้บูรฉัตรดื่มทำเป็นไม่รู้ว่าเหมรุจน์กำลังมอง
แต่หมอนุดลชักหนาวๆร้อนๆทรงวาดเธอก็ยิ้มไม่ค่อยออกซะแล้ว
นุดล : ยายนันรุจน์เขามองเธออยู่นะ
***หมอพูดเบาๆ
นันดา : เหรอคะ
***นันดาเอียงซบไหล่บูรฉัตร
ซึ่งบูรฉัตรก็เก่งเอามือโอบไหล่หล่อนทำท่าสนิทสนมสุดสวีท หมอนุดลหน้าตึงนึกโมโหน้องสาวเพราะไม่เข้าใจ
นุดล : นันดาพี่จะกลับแล้วนะเพราะท่าทางเธอจะเมาแล้ว
นันดา : เดี๋ยวสิคะพี่ดลนันยังไม่ได้เมาซะหน่อย
เนอะคุณวาดเนอะ
นันเพิ่งดิ่มไวน์ไปแค่สองแก้วเอง
***นันดาพูดและหันไปทำท่าทางคลอเคลียกับบูรฉัตร
นุดล : ไม่พี่จะกลับแล้วเธอก็ต้องกลับด้วย
***นุดลพูดแล้วเรียกเด็กมาเช็คบิล เมื่อลุกออกจากโต๊ะนันดากอดเอวบูรฉัตร
ส่วนบูรฉัตรก็โอบไหล่พากันเดินตามนุดลกับทรงวาดออกมา บูรฉัตรกระซิบถามนันดา
บูรฉัตร : นี่
ผมจะถูกกระทืบไหมหืมม์ นัน
นันดา : บ้าใครจะมากระทืบบูร
บูรฉัตร : ก็ที่นั่งตาเป็นฤาษีจ้องเราอยู่ไง ผมเสียวจะโดนตีนจัง
นันดา : เขาไม่กล้าหรอก
***นันดากระซิบบอกพอพ้นออกจากผับ
นันดาก็เดินตัวปลิวส่วนบูรฉัตรก็คอยเดินหันหลังมองว่ามีใครตามมาอัดเขา
ไหม ส่วนหมอนุดลรีบเดินคว้าแขนน้องสาว ถามอย่างไม่พอใจ
นุดล : ยายนันเราทำอย่างนั้นทำไม
รู้ไหมรุจน์จ้องเธอตาแทบไม่กระพริบแล้วยังพวกเพื่อนๆเขาอีก
นันดา : รู้สิก็เพราะเขาจ้องนันถึงได้ทำ
นุดล : นี่เราเจตนาทำให้เขาเห็นหรือไง
นันดา : ใช่สิคะ นันน่ะคอยโอกาสนี้มาหลายวันแล้ว
เพิ่งจะสำเร็จก็คืนนี้
นุดล : เราทำยังงี้ทำไม
เขาจะคิดยังไงที่เราแสดงพฤติกรรมเช่นนี้กับบูรมันไม่ดีเลยนะ
เราน่ะจะแต่งงานอยู่วันสองวันแล้วมาทำแบบนี้ให้เขาเห็น ดีนักหรือไง
นันดา : ดีสิคะ ดีมากด้วย
นุดล : ยายนัน
นันดา : นันเล่าให้คุณดลเขาฟังเถอะ
คุณดลน่าจะโกรธใหญ่แล้ว
***บูรฉัตรบอกเพื่อน
นุดล : เล่าอะไร
***นุดลเสียงเขียว
นันดา : พี่ดลอย่างเพิ่งโกรธนันซิคะ
นันเป็นน้องพี่ดลนะ
ทรงวาด : คุณดลใจเย็นๆสิคะ
***ทรงวาดช่วยพูดแต่นุดลโมโหแล้ว
นุดล : พี่น่ะอายคนอายรุจน์เขานะเราจี๋จ๋ากับบูรต่อหน้าพี่
เขาจะคิดยังไงคิดว่าพี่รู้เห็นกับการกระทำของเธอด้วย
นันดา : พี่ดลนันตั้งใจให้เขาเห็นเพราะนันต้องการให้เขารังเกียจนันไม่คิดมาแตะต้องนัน พี่ดลเข้าใจไหม
นุดล : บ้าน่ะสิ คิดอะไรบ้าๆ
นันดา : ไม่บ้า
อีกไม่กี่วันนันก็ต้องแต่งงานกับเขา
นันไม่ต้องการเป็นเมียเขานันเกลียดเขา เกลียดๆ
***นันดาเสียงดังนุดลจ้องน้องสาว
นุดล : ก็เลยวางแผนโง่ๆนี่ขึ้นมากลับบูรใช่ไหม
บูรฉัตร : คุณดลคือนันเขา...
***บูรฉัตรพูดอึกอัก
นันดา : ใช่นันวางแผนจะทำให้เขาเห็นยิ่งกว่านี้อีก
นุดล : โง่จริงๆทำให้เขารังเกียจเราแล้วมันเป็นผลดีหรือไง พี่จะบอกให้นะผู้ชายน่ะเขามีศักดิ์ศรี ผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยคือคนที่เขาเลือกและตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต
นันดา : แต่กรณีของเขากับนันมันไม่ใช่พี่ดลก็รู้
เราถูกจับให้แต่งงานเราเขาก็ต้องการเอาชนะนัน
นุดล : ยายนันฟังพี่ก่อนได้ไหม
นันดา : พี่ดลไม่เข้าใจนัน ไม่เข้าใจนัน
***นันดาตะโกนใส่หน้านุดลแล้ววิ่งไปที่รถของเธอ ทรงวาดจะวิ่งตามแต่นุดลเรียกเอาไว้ มี่แต่บูรฉัตรที่วิ่งตามไป
นุดล : คุณวาดไม่ต้องตามเขาไป
ทรงวาด : คุณดลคะ คุณนันเธอท่าทางโกรธและเสียใจนะคะ
นุดล : โกรธเหรอทำอะไรโง่ๆไม่คิดให้รอบคอบ
จะไม่แต่งก็ไม่แต่งบอกปฏิเสธไปเสียแต่แรก
ไม่ใช่มาทำแบบนี้ ผมไม่เห็นด้วย
***นุดลพูดอย่างหัวเสีย ไม่แค่นุดลที่โกรธนันดา เหมรุจน์ทั้งแค้นทั้งอายเพื่อนอย่างบอกไม่ถูก
***คุณแก้วตามองชุดแต่งงานที่นันดาสั่งให้ช่างตัดออกมาอย่างอึดอัด
นันดาลองใส่และหมุนดูตัวเองที่หน้ากระจกอย่างสะใจ
แก้วตา : นันแม่ว่ามันโป๊จังเลยนะลูก ข้างหลังไม่มีเลยลึกลงไปจนเกือบถึงเอว
นันดา : อย่างนี้แหละค่ะดี
โชว์คนเขาให้เห็นทั้งงานไปเลย
แก้วตา : แม่ว่ามันไม่ไหว
แม่เห็นยังใจหายใจคว่ำแล้ว
แล้วแขกเหรื่อเขาจะมิยิ่งกว่าแม่เหรอโดยเฉพาะเจ้าบ่าว เขาคงไม่ชอบใจแน่แม่ว่า
นันดา : นันจะใส่ชุดนี้นันชอบ
ถ้าไม่เอาชุดนี้นันก็ไม่ใส่
จะใส่กางเกงยีนส์เลยคอยดู
***นันดายืนยันจะใส่ชุดที่เธอสั่งตัด แก้วตาถอนใจ
เพราะชุดผ้าไหมอย่างดีที่ออกแบบเป็นชุดราตรียาวเข้ารูป เน้นสะโพกด้านหน้าคว้านลึก จนเห็นอกอวบอึ่ม ส่วนด้านหลังมีเพียงเชือกเส้นเล็กไขว้จากด้านหลังเป็นสายเดี่ยวด้านหน้าไว้เท่านั้นโชว์แผ่นหลังเปลือยเปล่าจนถึงเอว
ชุดแบบนี้เรียกว่าเซ็กซี่จนแขกต้องฮือฮากันไปทั้งงานแน่นอน ไลลาที่นั่งพับเพียบมองถูกใจจนตาไม่กระพริบ
นันดา : เป็นยังไงไลลาฉันสวยไหมใส่ชุดนี้แล้ว
ไลลา
: สวยค่ะสวยมาก
ถึงจะโป๊ก็สวยนะคะ
แก้วตา : น่ะเห็นไหมไลลายังว่าโป๊เลย แม่ว่ามันโป๊จริงๆนะลูก
***แก้วตารีบพูด
นันดา : โป๊ที่ไหนอย่างนี้แหละเขาเรียกว่าเซ็กซี่
เซ็กซี่สะใจไปเลยค่ะแม่
ไลลา : ชุดเจ้าสวยแบบนี้นะคะ ไลลาเพิ่งเคยเห็น
แก้วตา : ใช่สิ
จะไม่เพิ่งเคยเห็นได้ยังไง ฉันเองก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกันนะ
***แก้วตาพูดแล้วสะบัดออกไปจากห้องอย่างไม่สบอารมณ์ นันดามองตัวเองในกระจกแล้วกลืนน้ำลาย เธอเองก็เสียวไส้เหมือนกัน
***ไลลาพูดอย่างซื่อๆ
ไลลา : รับรองเลยค่ะคืนส่งตัวคุณนันช้ำไปทั้งตัวแน่ๆ
นันดา : อะไรไลลา
***นันดาตาโต
ไลลา : ก็คุณนันขาวจั๊วสวยอย่างเนี้ย
ขนาดไลลาเป็นผู้หญิง
ยังอยากกอดเลย
แล้วคุณรุจน์จะปล่อยคุณนันไว้เหรอคะ
อื๋อพูดแล้วใจสั่น
นันดา : ไลลา
***นันดาหน้าเสีย
แล้ววาบหนึ่งเธอก็คิดอะไรออกเรียกไลลาเข้ามาสใกล้ๆทั้งๆที่อยุ่กันแค่สองคนในห้อง ไลลาถึงกับตาพองเมื่อฟังนันดาพูดจบ
ไลลา : จะดีเหรอคะ เกิดใครจับได้ไลลาตายแน่ๆ
นันดา : ใครจะจับได้
ถ้าไลลาทำอย่างระมัดระวังที่สุด
ไลลาต้องช่วยฉันไม่อย่างนั้นฉันตายแน่ๆ
ไลลา : ค่ะ
นันดา : ดีมากไลลา
อย่างนี้แหละถึงจะสมกับที่ฉันไว้ใจเธอ
***สุดาดวงที่มานอนค้างคืนกับเหมรุจน์แอบเข้าไปในห้องหอที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เธอเดินดูข้าวของเครื่องใช้ที่เตรียมเอาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ อย่างสุดอิจฉาและแค้นใจ ห้องนี้เธอน่าจะเป็นผู้ได้ใช้ได้ครอบครองอยู่กับเหมรุจน์ แต่กับเป็นคนอื่น
เตียงนอนขนาดหกฟุตที่เข้าชุดกับโต๊ะเครื่องแป้งและตู้วางของ ยังคลุมผ้าเอาไว้เพื่อกันฝุ่นและรอการเปิดใช้
ห้องน้ำกว้างพร้อมอ่างอาบน้ำทำด้วยหินอ่อนสีเทาอมฟ้า
ในห้องนี้ใช้โทนสีเดียวกันหมดแม้แต่ผนังห้องที่ติดวอลเปเปอร์สีเทาอมฟ้าอ่อนๆ สุดาดวงเปิดตู้เสื้อผ้าที่เป็นแบบบานสไลด์ ภายในมีชุดนอนที่ยังไม่ได้ใช้ ทั้งของผู้หญิงและของผู้ชาย อย่างละสามชุด ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว
เสื้อคลุมจัดวางเอาไว้พร้อมสรรพ
เพราะมันใกล้ถึงวันงานเต็มที่แล้ว
เหลือเวลาอีกเพียงห้าวันเท่านั้น
สุดาดวงปิดกระแทกบานประตูตู้อย่างแรง
เพราะระงับอารมณ์พลุ่งพล่านไม่ไหว
เธอวิ่งไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้นอารมณ์แค้นและเสียดาย ความหึงหวงแทบจะจุกอกตาย ทีแรกก็ว่าทนได้ทำใจได้
แต่เมื่อใกล้ถึงวันที่เหมรุจน์จะแต่งงานจริงๆสุดาดวงก็แทบจะคลั่ง
แม่สำเนียงเปิดห้องเข้ามาดูเพราะได้ยินเสียงโครมเมื่อคู่
ถึงกับตกใจที่เห็นสุดาดวงนอนร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนเตียง
สำเนียง : ตายแล้วคุณดวงทำไมขึ้นไปนอนร้องไห้บนเตียงนั้นคะ รู้ไหมคะว่าโยราณเขาถือ
เตียงยังไม่ได้ใช้แล้วขึ้นไปนอนร้องไห้ซะก่อนมันไม่ดี
สุดาดวง : ไม่ดีสิดี
ฉันอยากให้มีใครตายบนเตียงนี้ซะด้วยซ้ำ
สำเนียง : ว้าย
พูดอะไรอย่างนั้นไม่เอานะคะ
คุณกลับออกไปซะเถอะนะคะห้องนี้
คุณไม่ควรเข้ามาเลย
สุดาดวง : ทำไม
ทำไมฉันจะเข้าไม่ได้
ห้องนี้ก็เป็นห้องของรุจน์เหมือนกัน
สำเนียง : ค่ะ
ห้องของคุณรุจน์
แต่จะเอาไว้ใช้เป็นห้องหอกับคุณนันเท่านั้น คนอื่นไม่เกี่ยวนะคะ
สุดาดวง : นี่
ป้าสำเนียง ป้าก็เป็นขี้ข้าของเขาเท่านั้น จะมาทำเป็นหวงก้างเสนอหน้าทำไม หรือว่าเตจรียมประจบนังนันดาเจ้านายคนใหม่
สำเนียง : ค่ะ คุณนันจะมาเป็นเจ้านายคนใหม่ของที่นี่
อิฉันต้องต้อนรับและดูแลเธอให้เสมอกับคุณรุจน์หรือนายท่าน
สุดาดวง : แล้วชั้นล่ะ
สำเนียง : คุณเหรอคะ ก็เป็นเพื่อนคุณรุจน์ไงคะ อิฉันก็ปฏิบัติกับคุณในฐานะเพื่อนของคุณรุจน์
สุดาดวง : ฉันก็เป็นเมียของรุจน์เหมือนกันนะ เป็นเมียได้ยินไหม
สำเนียง : ค่ะๆ
เป็นเมียแต่ตอนนี้เชิญคุณออกไปจากห้องนี้ก่อนนะคะ
***เพราะเสียงเอะอะดังลั่นเหมรุจน์จึงเข้ามาดู
เหมรุจน์ : ดวงคุณเป็นอะไร
***เหมรุจน์ถามอย่างตกใจที่เห็นสุดาดวงน้ำตาเต็มหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง
สุดาดวง : รุจน์
***สุดาดวงโผเข้ากอดเขาไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น สำเนียงยืนมองไม่รู้จะทำยังไง
เหมรุจน์ : เกิดอะไรขึ้นคุณร้องไห้ทำไม
สุดาดวง : ดวงรักรุจน์
ไม่อยากให้รุจน์แต่งงาน
สำเนียง : คุณดวงเธอเข้ามานอนร้องไห้อยู่ในห้องนี้ค่ะ
เหมรุจน์ : ดวงไหนเราพูดกันแล้วไง แล้วคุณเข้ามาในนี้ทำไม
สุดาดวง : รุจน์หวงเหรอคะ
หวงห้องหอของรุจน์กับอีนันดาใช่ไหม
เหมรุจน์ : ดวงคุณพูดไม่น่าฟังเลยนะ มานี่กลับไปคุยกันที่ห้องโน้น
สุดาดวง : ไม่ค่ะ คืนนี้ดวงจะอยู่ห้องนี้ จะนอนห้องนี้
เหมรุจน์ : คุณกำลังขาดสตินะดวง
ใช้เหตุผลหน่อยสิ
สุดาดวง : เหตุผลดวงก็เป็นเมียของรุจน์คนหนึ่ง ห้องนี้ดวงก็มีสิทธิจะใช้จะนอน
เหมรุจน์ : ได้ถ้าคุณจะใช้ห้องนี้นอนในคืนนี้ แต่มันจะแค่ครั้งเดียวและเราจะเลิกคบกัน คุณกับผมทางใครทางมันคุณจะเอาไหม
***สุดาดวงร้องไห้โฮ
สุดาดวง : รุจน์ รุจน์ใจร้ายกับดวงมากเลยนะ รุจน์จะทิ้งดวงใช่ไหม
เหมรุจน์ : ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง
ถ้าคุณยืนยันจะอยู่ห้องนี้จะนอนห้องนี้เราก็ต้องจบกัน
ผมจะไม่ยอมให้คุณมาก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวในบ้านหลังนี้
สุดาดวง : รุจน์
รุจน์ขาดวงขอโทษ ดวงขอโทษ อย่าโกรธดวงเลยนะต่อไปดวงจะไม่ทำให้คุณหนักใจนะคะ
ตอนที่ 15
***และก็ถึงวันแต่งงานของเหมรุจน์กับนันดา
เหมรุจน์มาที่บ้านของนันดาแต่เช้าเพื่อตักบาตรตามประเพณี
เพื่อนๆของเหมรุจน์มากันแต่เช้ามืดด้วยเช่นเดียวกับเพื่อนสนิทของนันที่มาจากต่างจังหวัด
เพื่อนๆของทั้งสองปองดองคุยหยอกเย้ากันดี
แต่สองคนกลับดูห่างเหินเหมือนไม่ใช่คู่บ่าวสาว
เวลาตักบาตรต่างฝ่ายต่างจะเอาชนะกันจึงไม่มีใครจับด้ามทัพพีก่อน
เพื่อน : เฮ้ยรุจน์
วันนี้พระจะได้ฉันท์ข้าวไหมจ๊ะ
มัวแต่ยืนมองทัพพีกันอยู่นั้นอย่างนั้น
***เหมรุจน์มองหน้านันดา
เหมรุจน์ : ผมให้คุณเป็นคนตัก
ผมถือขันข้าวเองชัวร์กว่า
เพื่อน : เฮ้ย
แบบนี้ไม่มีเขาต้องช่วยกันตัก
***เจ้าเพื่อนรีบบอก
นันดา : คุณยุ่งนักตักซะเองดีไหม
***นันดาว่าอย่างไม่เกรงใจ
เพื่อน : แน่ แน้ แน๊
เจ้าสาวโมโหแล้ว เดี๋ยวมีรายการขันข้าวบินว่ะ หลายคนช่วยกันแหย่ จนผู้ใหญ่ต้องเข้ามาเตือน
ผู้ใหญ่ : อย่าเล่นกันสิคะ
บาปนะคะ เล่นกันหน้าบาตรพระ ตักบาตรเลยค่ะ
เจ้าบ่าวเจ้าสาว
***เหมรุจน์จับทัพพีด้านล่างเพราะเกรงใจผู้ใหญ่ นันดาจับมือเขาตักข้าวก็จริง
แต่กดเล็บจิกบนลงบนเล็บของเหมรุจน์จนเป็นรอยบุ๋มกว่าจะครบเก้าบาตรเหมรุจน์ต้องทนเล็บของนันดาที่เจ็บอย่าบอกใครแต่ไม่ปริปากซักน้อย ขั้นตอนตามประเพณีผ่านไปเรื่องตั้งแต่ตักบาตรถวายข้าวพระสงฆ์
รับน้ำมนต์และพรจากพระสงฆ์รับไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายหลังน้ำพระพุทธมนต์
หรือน้ำสังข์และจดทะเบียนสมรสต่อหน้านายอำเภอที่มาเป็นผู้จดทะเบียนให้และร่วมกินข้าวสำรับเดียวกันเพียงลำพังตามประเพณี
ไข่ต้มหนึ่งฟองที่ผ่าซีกนันดาตัดเอาแต่ไข่แดงไว้ทั้งสองซีก
แล้วก็กินหน้าตาเฉยทั้งๆที่ผู้จะต้องกินไข่แดงต้องเป็นเจ้าบ่าวเท่านั้น
นันดา : ฉันไม่เหลือไข่แดงให้นายกินแล้ว
***นันดาพูดเบาๆเหมรุจน์มองหล่อนตาวาวและตักน้ำเชื่อมที่จะใช้กับวุ้นกินจนหมด
เหมรุจน์ : ผมก็ไม่มีความหวานเอาไว้ให้คุณกินเหมือนกัน
นันดา : ฉันเกลียดนาย
เหมรุจน์ : ดี
เกลียดกันทำอะไรจะได้ไม่ต้องเกรงใจกัน
***เหมรุจน์วางช้อนลงนันดารีบคว้าแก้วน้ำ แล้วพูดอย่างชิงชัง
นันดา : ฉันจะไม่เหลือน้ำใจให้นายเลยแม้แต่หยดเดียว
***นันดาพูดจบก็เทน้ำในแก้วในจานข้าวจนหมดและวางแก้วเปล่าลงตรงหน้าเขา
***งานเลี้ยงจัดที่โรงแรมหรูของจังหวัดและทุกคนก็ได้ฮือฮาเมื่อเจ้าสาวแต่งตัวเซ็กซี่สุดๆ เพื่อนๆของเหมรุจน์ถึงกับแอบมากระซิบ
เพื่อน : รุจน์มึงทำบุญด้วยได้อะไรวะ เจ้าสาวของมึงถึงได้เซ็กซี่งามตาอย่างนี้ ผิวยังกับเต้าหู้ไข่เลยมึงถนอมหน่อยนะโว้ย อย่าให้ช้ำมือตั้งแต่คืนแรก
***แก้วตาคอยมายืนกันด้านหลังให้ลูกสาวเพราะสายตาของแขกหยุดอยู่แค่เจ้าสาวคนเดียว
เหมรุจน์มองหาบูรฉัตรเห็นเขายืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆของนันดา ท่าทางของบูรฉัตรไม่ได้ซึมเศร้าอะไรเลยกับที่แฟนแต่งงานกับชายอื่น ยังยิ้มแย้ม
หน้าระรื่นดีและเมื่อได้เวลาขึ้นไปตัดเค้กและขอบคุณแขกของบ่าวสาว นันดาเดินเหมือนเซนิดๆเพราะเธอดื่มเข้าไปหลายแก้ว เรียกว่ารับทุกโต๊ะที่ส่งให้ เหมรุจน์เองซะอีกที่ไม่ค่อยดื่มมากนัก เมื่อจับมัดตัดเค้กเหมรุจน์จับมือของนันดาเอาไว้ซะแน่นป้องกันเล็บยาวๆที่คอยจะหยิกและข่วนเอาเสมอ เมื่อมือเขาถูกมือของหล่อนในแต่ละครั้ง
นันดา : ฉันเจ็บนะ
***นันดาพูดเบาๆรอดไรฟัน
เหมรุจน์ : เจ็บเป็นเหมือนกันเหรอ แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า
***เขาตอบหล่อนด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน
พิธีกร : กระซิบอะไรกันครับเจ้าบ่าวเจ้าสาว บอกให้แขกได้ยินกันมั่งสิครับ หรือว่านัดกันไปกินน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ไหน
***พิธีกรแซวเพราะเห็นทั้งคู่พูดกันเบาๆ
***เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปและแขกเริ่มถยอยกลับ นันดาก็ลากบูรฉัตรมาที่มุมลับในงาน
นันดา : บูร เดี๋ยวขอให้คุณช่วยนันอีกครั้งนะ
บูรฉัตร : ช่วยอะไร
นันดา : ก็ช่วยแสดงละครฉากสุดท้ายน่ะซิ
***บูรฉัตรยืนงงนันดาชี้มาที่ปากของเธอ
นันดา : จูบน่ะ จูบฉันน่ะ เข้าใจไหม
บูรฉัตร : เฮ้ย
ต้องจูบด้วยเหรอนันไม่ดีมั้ง
นันดา : ไหนบอกจะช่วยนันเล่นละคร
บูรฉัตร : ก็ช่วยแล้วไง
นันดา : ก็อีกครั้งเดียว
***นันดาหันไปเห็นเหมรุจน์กำลังมองหาเธอ
หญิงสาวรีบคว้าคอของบูรฉัตรและจูบปากกับเขา บูรฉัตรตกตลึง
แต่ก็ยอมจูบปากกับนันดา
จนเหมรุจน์เดินเข้ามาหา
เหมรุจน์ : จูบมากันตรงนี้เองเหรอมันจะไม่โจ่งแจ้งไปหน่อยหรือไง
***เหมรุจน์พูดน้ำเสียงเยาะหยันชิงชัง นันดาเชิดหน้าสะใจแต่บูรฉัตรยืนมึนทำอะไรไม่ถูก
นันดา : บูรคะ
จำเอาไว้นะว่านันรักบูรคนเดียว
รักที่สุดในชีวิต
บูรฉัตร : นันผมขอให้นันมีความสุขนะลาก่อน
***บูรฉัตรพูดแล้วรีบเดินหนีไปจากตรงนั้น เขาไม่ได้เล่นละครเก่งแต่กลัวหมัดของเหมรุจน์จะอัดหน้าเขาต่างหาก ถ้าขืนยังยืนอยู่ตรงนั้น
นันดา : บูร
***นันทำท่าทางอาลัยอาวรณ์เสียใจ เหมรุจน์คว้าแขนเธอไว้ พูดใส่หน้าอย่างสุดแค้นและชิงชัง
เหมรุจน์ : ถ้าอยากจะตามกันไปต้องไม่ใช่คืนนี้
คืนนี้เธอทำหน้าที่เจ้าสาวให้เสร็จสิ้นซะก่อน มานี่
นันดา : โอ้ยเจ็บนะ จะพาฉันไปไหน
เหมรุจน์ : ไปลาบรรดาญาติโกโหติกากันก่อนสิ
***เหมรุจน์ลากแขนนันดามาที่ซุ้มที่บรรดาญาติๆกำลังยืนรอคุยกันอยู่
ญาติ : เจ้าสาวสวยมากเลยนะคะคุณเสริมเข้าใจเลือกลูกสะใภ้
เสริม : ไม่ได้สิมีลูกชายคนเดียว
ก็ต้องหาให้หยาดเยิ้มอย่างนี้แหละ
***เสริมพูดหน้าบาน
แต่ชินกับแก้วตายิ้มไม่ค่อยออกนันดาแต่งตัวชนิดแขกตะลึงทั้งงานอย่างนี้ไม่รู้จะภูมิใจดีหรือว่าอะไร
***นันดาถูกพาตัวมาที่บ้านของเหมรุจน์
เพื่อทำพิธีส่งตัวกันก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะพาเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ ไลลาก็เอาน้ำส้มสองแก้วใส่ถาดมาให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาว
ไลลา : น้ำส้มคั้นเย็นๆค่ะ
เสริม : เฮ้ย เสิร์ฟน้ำอะไรกันตอนนี้
***เสริมว่าแต่บางคนรีบบอก
ป้าเหมรุจน์ : ดีซิเอาน้ำส้มเย็นๆมาให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกินจะได้สดชื่น เวลาเข้าหอ มาๆๆ ส่งมาเลย
***ป้าของเหมรุจน์รับแก้วน้ำส้มคั้นส่งให้นันดากับเหมรุจน์ นันดามองหน้าไลลาเห็นเด็กสาวยักคิ้วให้จึงรีบรับมา
ส่วนเหมรุจน์ก็รีบรับเอาไว้แล้วดื่มรวดเดียวหมดแก้ว นันดาดื่มแค่ครึ่งแก้วแล้วส่งคืน ไลลารีบพาแก้วน้ำส้มหลบออกไป
ทั้งคู่นั่งพับเพียบเรียบร้อยฟังคำสั่งสอนแนะนำในการใช้ชีวิตคู่ เมื่อหมดสิ้นกระบวนการทุกคนก็กลับออกไปและปิดประตูล็อคให้เรียบร้อย นันดารีบลุกขึ้นเหมรุจน์เองก็ลุก เขามองนันดาสายตาดูถูก
เหมรุจน์ : นางนันดา
ศะศิโรจน์
ผมเสียดายนามสกุลของผมจริงๆที่ต้องยอมให้คุณมาร่วมใช้ด้วย
นันดา : ยังกับฉันอยากใช้นามสกุลของนายนักนี่
***นันดาแหว แต่ชักรู้สึกมึนๆหัว ซึ่งเป็นอาการเดียวกับเหมรุจน์ นันดาใจหายคิดว่ากินน้ำส้มผิดแก้ว จะไปที่ประตูห้องเหมรุจน์คว้าแขนของเธอ แล้วดึงเข้ามาชิดอก
เหมรุจน์ : แต่งตัวอย่างนี้จะคอจะยั่วคนทั้งงานรึไง หืมม์
นันดา : ปล่อยฉันนะไอ้บ้า
เหมรุจน์ :
ดูภายนอกผุดผ่องเป็นยองใย
ใครจะรู้ไหมว่าข้างในของเธอน่ะเป็นรังแมงหวี่
นันดา : ไอปากเสีย...โอ้ย....
***นันดาดิ้นจะคตบ เหมรุจน์มึนหัวตึบๆแทบจะทนไม่ไหว เขารั้งนันดาลงนอนบนเตียง
นันดาสะลืมสะลือแต่พยายามดิ้นสุดท้ายฤทธิยานอนหลับอย่างแรงที่ไลลาใส่ในน้ำส้มทั้งสองแก้วก็ออก
ฤทธิเหนือคนกิน หลับสนิทกันไปทั้งคู่ บนเตียงวิวาห์นั่นเอง
***รุ่งเช้านันดาตื่นขึ้นมาก่อนเธอ มองเพดานห้องสมองยังเบลอๆ
เหมรุจน์ยังหลับสนิทแขนพาดอยู่บนตัวของนันดา เขานอนคว่ำหน้าเอียงมาหา ลมหายใจอุ่นๆรดอยู่ข้างขมับของหญิงสาว
นันดาใจหายเมื่อลำดับเหตุการณ์ถูกเธอรีบผลักแขนของคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องออกจากตัวมองดูตัวเองและเหมรุจน์ ใจชิ้นขึ้นมาเป็นกองเพราะทั้งเธอและเขายังอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยเมื่อคืน พวงมาลัยแต่งงานยังอยู่กับคอ ส่วนที่เป็นดอกไม้สดถูกทับซะแบน นัดรีบเผ่นลงจากเตียง หันมองนายตัวดียังหลับไม่รู้ หญิงสาวหันรีหันขวางแล้วรีบไปที่ประตูเปิดออกแล้ววิ่งแน่บ เธอวิ่งลงมาถึงข้างล่าง แม่สำเนียงออกมาเห็นพอดี
สำเนียง : คุณนันคะ
นันดา : อุ๊ย...ป้า
สำเนียง : นั่นคุณนันจะไปไหนคะ
นันดา : นันจะกลับบ้าน
สำเนียง : กลับบ้านไม่ได้นะคะ
วันนี้คุณนันยังกลับไปบ้านไม่ได้
โบราณเขาห้ามต้องอยู่เฝ้าเรือนหอให้ครบสามวันซะก่อน
นันดา : นันไม่ถือนะป้า
สำเนียง : ไม่ถือไม่ได้
แล้วนี่ทำไมยังอยู่ชุดนี้คะนี่
นันดา : ก็นี่ไงนันจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
***นันดารีบอ้าง
สำเนียง : เสื้อผ้าของคุณนันก็อยู่ในตู้ไงคะ
เมื่อวานตอนเย็นไลลากับแม่แจ่มจัดเอามาให้ไว้แล้ว ของใช้ส่วนตัวก็เอามาให้ครบแล้ว
นันดา : เหรอ
***นันดาทำหน้าไม่ออก สำเนียงบอกนันดาที่ทำหน้าเหรอ แล้วเอ็นดู
สำเนียง : คุณนันขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวก่อนนะคะ ป้าเตรียมอาหารเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เสร็จแล้วก็ลงมาทานได้เลย
นันดา : แล้วไลลาล่ะป้า
สำเนียง : ไลลาอยู่ที่เรือนลูกจ้างค่ะ
คุณนันจะเอาอะไรบอกป้าก็ได้ค่ะเดี๋ยวป้าจัดการให้
นันดา : ไม่เอาหรอกค่ะ
งั้นขอนันไปหาไลลาก่อนนะคะ
สำเนียง : คุณนันนั่งรออยู่ที่นี่ดีกว่าเดี๋ยวป้าไปเรียกมาให้นะคะ
นันดา : ไม่ต้องหรอกจ่ะเดี๋ยวนันไปเองดีกว่า
เรือนลูกจ้างไปทางไหนคะ
สำเนียง : ด้านหลังนี่แหละค่ะ
***นันดารีบออกไปหาไลลา สำเนียงมองเจ้านายคนใหม่อย่างถูกใจ นันดาดูน่ารักกว่าบรรดาเมียๆทั้งหลายที่ผ่านมาของเหมรุจน์นางภาวนาให้เหมรุจน์หยุดอยู่แค่นันดานี่เถอะ
***ไลลาตกใจที่เห็นนันดาลงมาหาเธอถึงเรือนคนใช้
ไลลา : คุณนัน มีอะไรจะใช้ไลลาคะ
ไลลาคิดว่าคุณนันยังไม่ตื่นเลยยังไม่ได้ไปที่ตึก
นันดา : มานี่เลยไลลา มานี่
ไลลา : อะไรคะคุณนัน
นันดา : เธอเอายานอนหลับให้ฉันกินด้วยใช่ไหม
ไลลา : ค่ะ
นันดา : จะบ้าเหรอฉันให้เธอเอาให้แค่นายนั่นกินคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ให้ฉันกินด้วย
ไลลา ; โถ่คุณนันคะ
ก็ไลลากลัวใส่ไปแก้วเดียว
แล้วเกิดคุณรุจน์ไม่ได้กินแก้วที่ใส่ยาแต่คุณนันกิน
แล้วจะทำยังไงไลลาเลยใส่ไปทั้งสองแก้วยังไงคุณรุจน์ก็ต้องได้กินแน่นอน
นันดา : มันก็ใช่นะ
แต่ยังไงมันก็เสี่ยงมากดีนะที่ฉันตื่นก่อน
ไลลา : คุรรุจน์นี่กินหมดแก้วเลย ยานี่แรงดีจังเลยนะคะ
นันดา : แรงสิ ก็ฉันซื้ออย่างแรงมานี่นา
ไลลา : แล้วนี่คุณนันยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกหรือคะ ชุดนี้ใส่เดินตอนนี้มันโป๊นะคะ
***นันดาก้มมองตัวเองแล้วถึงกับบ่นเบาๆ
นันดา : ฉันก็ว่ามันเซ็กซี่เกินไปหน่อยนะ..ไปเธอไปกับฉัน
ไลลา : ไปไหนคะ
นันดา : ก็ไปที่ห้องของฉันน่ะซี่
ฉันจะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด
ต่อไปนี้นะเธอจะต้องอยู่กับฉันตลอดเวลาเมื่อฉันอยู่ในห้องนอน ห้ามไปไหน
ไลลา : อะไรกันคะ
ไลลาอยู่กับคุณนันตลอดแล้วคุณรุจน์เธอจะว่ายังไงล่ะคะ
นันดา : เอ๊ะ เธอห่วงฉันหรือเปล่า
ไลลา : ห่วงค่ะ
นันดา : ห่วงก็อยู่ใกล้ๆฉันตลอดเวลา
ไลลา : ทำไมคุณนันถึงกลัวคุณรุจน์นักล่ะคะ
นันดา : ฉันไม่ได้กลัว เขามีอะไรน่ากลัวเล่า
ไลลา : ก็นั่นน่ะสิคะ
คุณรุจน์หน้าตาไม่น่ากลัวเลยซักหน่อย
หล่อดีออก
นันดา : ไลลา
ไลลา : ค่ะ
***ไลลายิ้มแหยๆ นันดากลับขึ้นมาบนตึกอีก เธอกับไลลายืนที่หน้าห้องไม่กล้าเปิดเข้าไป
นันดา : ไลลา
ไลลา : เข้าไปสิคะ
นันดา : ไม่รู้นานนั่นตื่นหรือยัง
***นันดาพูดกับไลลาเบาๆ
โดยไม่รู้ว่าเหมรุจน์ยืนมองเธออยู่ที่หน้าห้องของเขาแล้ว
ไลลา : คุณนันเข้าไปเถอะค่ะ
นันดา : ฉัน
***นันดาอึกอักไม่กล้าเข้าห้อง เหมรุจน์ร้องถามขึ้นมาสองคนถึงกับสะดุ้ง
เหมรุจน์ : นี่ยังใช่ชุดนี้โชว์อีกรอบหรือไง
ไลลา : อุ๊ย..คุณนัน
***ลาลาอุทานตกใจ
นันดาตั้งสติรีบเปิดประตูห้องผลุบเข้าไปและปิดประตูล็อคทันทีไลลาเข้าไม่ทันยืนหน้าเหรออยู่หน้าห้อง
จนเหมรุจน์กลับเข้าห้องของเขาไปไลลาจึงเดินลงมาข้างล่าง บ่นเบาๆ
ไลลา : ทิ้งเราเลยนะคุณนัน
***บูรฉัตรมาหานานันดาที่บ้านของเสริมเพื่อจะลากลับกรุงเทพ เจอเหมรุจน์เข้าก่อน
บูรฉัตร : สวัสดีครับ
***บูรฉัตรไหว้เหมรุจน์ยิ้มไม่ค่อยสนิทนัก
เพราะเขาสร้างวีรกรรมกับศรีภรรยาของเหมรุจน์ไว้เมื่อคืน
เหมรุจน์ : มาหาคุณนันเหรอ
บูรฉัตร : ครับ คือผมจะกลับกรุงเทพแล้วเลยแวะมาบอกเขา
เหมรุจน์ : เชิญ
เขาอยู่ข้างบนเดี๋ยวจะให้เด็กขึ้นไปตาม
บูรฉัตร : ครับ
***เหมรุจน์บอกแล้วเดินออกไปนอกบ้าน
นึกหงุดหงิดที่บูรฉัตรมาหานันดาแต่เช้าจึงขับรถออกไปจากบ้าน
***นันดาออกมาเดินคุยกับบูรฉัตรที่สนาม
นันดา : จะกลับกรุงเทพเลยเหรอ
บูรฉัตร : ใช่ผมมาหลายวันแล้ว
นันดา : แล้วเมื่อไหร่บูรจะมาเยี่ยมนันอีกล่ะ
บูรฉัตร : ก็ถ้าว่างน่ะนะ
ผมกลับไปนี่ก็ต้องกลับไปรับมือกับพ่อใหม่ล่ะเพราะนันแต่งงานแล้วที่เคยอ่างว่าเราเป็นแฟนกันก็จบ
นันดา : จริงสินะ แล้วบูรจะทำยังไง
บูรฉัตร : บางทีนะนัน
บางทีผมจะสารภาพกับพ่อตรงๆ
ว่าผมเป็นยังไง
นันดา : บูรกล้าเหรอ
บูรฉัตร : ถ้าถึงขั้นนี้ผมก็ต้องกล้า
นันดา : ทำไมบูรไม่ลองทำใจให้รักผู้หญิงดู
บูรฉัตร : ไม่ไหวผมรับไม่ได้
รู้ไหมเมื่อคืนที่นันจูบผม
ผมไม่รู้สึกอะไรเลย
นันดา : บ้าอยู่ในภาวะแบบนั้น ใครจะไปมีอารมณ์รู้สึกอะไรขนาดนันเองยังแทบอ้วกเลยด้วยซ้ำ
บูรฉัตร : แล้วกับคุณรุจน์ล่ะ เธอรู้สึกยังไง
นันดา : นี่อย่ามาถามอะไรบ้าๆนะ
นันไม่มีทางยอมเล่นบทพิศวาสกับเขาเด็ดขาด แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว อยากตาย
บูรฉัตร : อย่าบอกผมนะว่าคืนแต่งงานไม่มีอะไรในกอไผ่
นันดา : ไม่ว่าจะคืนไหนวันไหน
นันก็ไม่มีทั้งนั้นแหละรู้เอาไว้ซะด้วย
บูรฉัตร : นี่นันกับเขาจะอยู่ด้วยกันยืดไหมนี่ ถ้าเป็นแบบนี้
นันดา : ไม่ยืดแน่นอน นันน่ะเตรียมตัวเป็นแม่หม้ายตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว
บูรฉัตร : คุณรุจน์หน้าตาดี
สมาร์ท ถ้านันคิดจะรักเขาผมว่าไม่น่าจะยากนะ เขาน่ะดูสมกับนันมาก เพื่อนๆทุกคนยังชมว่าเจ้าบ่าวของนันดูดีมาก
นันดา : ดูแต่เปลือก สันดานของเขาเพื่อนๆยังไม่รู้ พอเถอะอย่าไปพูดถึงนายนั่นอีกเลย ว่าแต่บูรเถอะหมั่นโทรมาหานันมั่งนะ กลับไปแล้วน่ะ
บูรฉัตร : ครับผมจะโทรมาหาทุกวันเลยดีไหม
นันดา : ดีมาก
........................................................................................
ตอนที่ 16
***เย็นสุดาดวงมาหาเหมรุจน์และไม่ยอมกลับบ้านหล่อนอยู่กินอาหารมื้อเย็นร่วมกับครอบครัวเสริมหน้าตาเฉย
คนที่อึดอัดและเดือดร้อนใจที่สุดคือเสริมพ่อของเหมรุจน์เอง เสริมตักข้าวเคี้ยวอย่างฝืดคอ เมื่อสุดาดวงนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยแกมนั่งติดกับเหมรุจน์ซะอีก
แม่สำเนียงก็ไม่ค่อยพอใจยืนมองสุดาดวงตาขุ่นสำหรับเหมรุจน์เขาไม่สนกลับแสดงท่าหวานกับสุดาดวงซะนี่ นันดาเองก็ไม่สนใครจะทำยังไงก็ช่างปะไร
เธอตักของกินเงียบๆนึกดีใจด้วยซ้ำที่สุดาดวงมาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากเหมรุจน์ไปซะได้
สุดาดวง
: รุจน์กินปลานี่นะคะ
ดวงแกะให้
เหมรุจน์
: ดีจ่ะ
ปลาสดเนื้อนุ่มไม่เหม็นคาว
***เหมรุจน์พูดแล้วปรายตามองนันดา แต่เธอตักข้าวกินไม่สนใจมีแต่เสริมที่มองเหล่อยู่หัวโต๊ะ นันดากินข้าวได้ไม่มีมากเพราะเธอเป็นคนกินน้อยอยู่แล้ว เมื่อเธอรวบช้อนและดื่มน้ำ เสริมถึงกับถามอย่างเป็นห่วง
เสริม : อิ่มแล้วเหรอลูกทำไมถึงกินน้อยจัง
นันดา : อิ่มแล้วค่ะ
เสริม : กินผลไม้สิลูกมีเงาะมีมังคุด
สำเนียงเอาผลไม้ให้คุณนันซิ
สำเนียง : ค่ะ
***สำเนียงรีบกุลีกุจอเอาผลไม้มาตั้งให้นายสาวคนใหม่ สุดาดวงมองอย่างหมื่นใส่ หล่อนเบะปากให้กับนันดาเสริมเห็นพอดี
เสริม : เป็นอะไรหนูดวงปวดท้องขี้หรือไง
ถ้าปวดก็ไปเข้าห้องส้วมซะอย่ามาทนนั่งปากเบะปากปลิ้นอยู่
สุดาดวง : เปล่าค่ะคุณพ่อ
ดวงไม่ได้ปวดท้องซะหน่อย
***เหมรุจน์มองพ่อ เสริมมองตอบอย่างไม่พอใจ แต่เขาเฉยทำหน้าไม่สนใจ สุดาดวงตักนั้นตักนี่ให้เอาใจสุดขีด นันดากินผลไม้อีกนิดหน่อยแล้วขอตัวขึ้นข้างบน เสริมเองก็อิ่มและลุกออกจากโต๊ะอีกคน
แม่สำเนียงมองเหมรุจน์กับสุดาดวงที่ยังนั่งกินอาหารต่อ เหมือนไม่สนใจใคร
***นันดาให้ไลลาเอาผ้านวมมาปูนอนที่หน้าเตียงของเธอ
ไลลา : จะดีเหรอคะคุณนัน
คุณรุจน์เข้ามาเห็นเธอจะว่าเอานะคะ
นันดา : เขาไม่เข้ามานอนในห้องนี้หรอก
ไลลา : คุณนันรู้ได้ยังไง
นันดา : ก็ฉันไม่ให้เขาเข้ามา
เขาจะเข้ามาได้ยังไง
ไลลานอนซะกับฉันนี่แหละ
อ้อไปจัดการล็อคประตูให้แน่นหนาด้วย
ไลลา : ค่ะ
***เหมรุจน์ไม่เพียงไม่มานอนที่ห้องหอเขากลับเอาสุดาดวงมาค้างที่ห้องของเขาซะด้วย เสริมรู้เข้าถึงกับเต้น
เสริม : มันทำอย่างนี้ได้ยังไงเพิ่งแต่งงานเมื่อวานแท้ๆ แม่สำเนียงไปตามมันมาหาฉันด่วน
สำเนียง : ค่ะคุณท่าน
***สำเนียงมาเคาะประตูเรียกเหมรุจน์
คนที่มาเปิดประตูให้คือสุดาดวงหล่อนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว คิดว่าเป็นนันดามาเรียกจะยั่วให้ซะใจ
สุดาดวง : มาเรียกทำไม
อ้าวป้ามีอะไรเหรอ
สำเนียง : คุณรุจน์ล่ะคะ
สุดาดวง : รุจน์อยู่ในห้องน้ำ
ป้ามีธุระอะไร
หรือว่าแม่เมียแต่งเขาใช้ป้ามาตามรุจน์
สำเนียง : เปล่าหรอกค่ะ คุณนายท่านให้มาตามคุณรุจน์ไปพบท่านด่วน
สุดาดวง : ตามไปทำไมคุณรุจน์จะนอนแล้ว
สำเนียง : ก็ท่านมีธุระน่ะสิคะ
***สำเนียงยืนรอสุดาดวงหงุดหงิด แต่ทำอะไรไม่ได้จนกระทั่งเหมรุจน์ออกมาจากห้องน้ำ
เหมรุจน์ : อ้าวป้า
เข้ามาทำอะไรครับ
สำเนียง : นายท่านให้มาตามคุณรุจน์ไปพบท่านด่วนเลยค่ะ
เหมรุจน์ : พรุ่งนี้ไม่ได้เหรอป้าผมจะนอนแล้ว
สำเนียง : ไม่ได้ค่ะ
ท่านอารมณ์เสียด้วยถ้าคุณไม่ไปท่านคงมาตามเองแน่ค่ะ
***เหมรุจน์ถอนใจ เขารู้ว่าพ่อจะตามเขาไปหาเรื่องอะไร
เหมรุจน์ : ก็ได้
***ชายหนุ่มเดินตามแม่บ้านออกมาจากห้อง
ป้าสำเนียงไม่พูดไม่จาเดินหน้าเข้ามาจนถึงห้องของ
เสริม
สำเนียง : เชิญค่ะ
ป้าหมดธุระแล้ว
เหมรุจน์ : เดี๋ยวป้า
ป้าเป็นอะไรหน้าตูมเป็นดอกบัวเหี่ยว
ตั้งแต่เย็นมาแล้ว
สำเนียง : เปล่าค่ะ
***สำเนียงพูดแล้วเดินหนีไป
เหมรุจน์เคาะประตูห้องของพ่อแล้วเปิดเข้าไป
เสริมถือไม้พะพดหัวทองเหลืองนั่งรออยู่บนเก้าอี้โยก
เหมรุจน์ : มีอะไรครับพ่อ
เสริม : ยังมีหน้าจะมาถามแกแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่
เหมรุจน์ : เมื่อวาน
ทำไมล่ะ
เสริม : แต่งเมื่อวาน
วันนี้พาผู้หญิงอื่นเข้ามานอนในบ้าน
แกมีหัวคิดมั่งไหมใครเขาทำกันอย่างนี้
เหมรุจน์ : ผู้หญิงอื่นที่ไหนดวงก็เป็นเมียของผมเหมือนกัน
เสริม : เมียเรอะ ถ้าแกคิดว่าเขาเป็นเมียแล้วแกแต่งงานกับหนูนันทำไม ทำไมแกไม่แต่งงานกับแม่ดวงนั่นซะให้หมดเรื่อง
***เสริมพูดแล้วเอาไม้ตะพดเคาะกับพื้นห้องอย่างเดือนดาล
เหมรุจน์ : พ่อเอาไม้ตะพดออกมาทำไม
เสริม : เอามาหวดกระบานแกน่ะสิ
ไอ้คนไม่รู้จักคิด
เหมรุจน์ : ผมน่ะเหรอไม่รู้จักคิด
เสริม : วันข้ามคืนแกก็ออกลายส่อสันดานเดิมแล้ว
แกทำได้ยังไงวะพ่ออยากรู้นัก
เหมรุจน์ : แล้วพ่อจะให้ผมทำยังไง ให้เลิกกับดวงอย่างนั้นเหรอ ผมทำไม่ได้
ผมจะยกย่องดวงเป็นเมียของผมอีกคน
เสริม : นี่แน่ะ ยกย่องเมียอีกคน
***เสริมฟาดไม้ตะพดลงบนท่อนแขนของลูกชายที่ยกขึ้นรับด้วยสัญชาตญาณ
เหมรุจน์ : โอ้ยพ่อ
นี่พ่อตีผมจริงๆเหรอนี่
เสริม : เออซิวะ พ่อขอบอกแกแล้วว่าห้ามแกทำอะไรเล่นๆ แกร่ำร้องจะแต่งงานให้ได้พ่อก็ไปจัดการให้แล้วจะมาทำแบบนี้ มันก็ต้องหวดกระบานสั่งสอนกันมั่งแล้ว
เหมรุจน์ : พ่อตั้งแต่เล็กจนโตพ่อไม่เคยตีผม ทั้งๆที่ผมทำผิดมาสารพัด
แต่พ่อมาตีผมเพราะเรื่องนี้
เสริม : ทำไมแกจะโทษหนูนันหรือไง
อย่านะอย่าคิดแบบนั้นนะแก กับใครถ้าแกเขี้ยวเชิญให้พ่อไปขอแล้วมาทำแบบนี้แกก็โดนทั้งนั้น
เหมรุจน์ : ผมไม่สนใจขอแล้วแต่งแล้ว มันก็จบ
ชีวิตของผม ความสุขของผม ผมจะทำอะไรใครก็มาห้ามผมไม่ได้
เสริม : แกก็ลองดูซิ
เหมรุจน์ : พ่ออย่ามาบังคับผม
เสริม : ไอ้เจ้ารุจน์
***เหมรุจน์หันหลังกลับเขาทั้งโมโหและน้อยใจที่ถูกพ่อตี
เสริมตวาดตามหลังเสียงลั่นแต่เหมรุจน์ไม่ฟังเปิดประตูออกไปแล้วปิดประตูใส่หน้าพ่อเสียงดังสนั่น
***เขากลับมาที่ห้องเดิมของเขาสุดาดวงเข้ามาจะออเซาะเอาใจ เขาผลักหล่อนออกห่างและทิ้งตัวลงนอน เอาหมอนปิดหน้าอย่างระงับอารมณ์สุดขีด ทั้งแค้นใจและน้อยใจ จนอารมณ์พลุ่งพล่าน
***เช้าป้าสำเนียงกำลังรอพระที่มาบิณฑบาตอยู่ที่ประตูใหญ่หน้ารั้วบ้าน รถสองแถววิ่งมาจอด ป้าสำเนียงถึงกับตาโต เมื่อผู้ที่ลงมาจากรถสองแถวคือปาริตา
สำเนียง : คุณปา
ปาริตา : ป้า
ป้าช่วยปาหิ้วกระเป๋าหน่อยซิจ๊ะ
***สำเนียงยืนงงจนปาริตาต้องเรียก
ปาริตา : ทำไมทำท่าทางตกใจอย่างนั้นคะ ปาไปแค่ไม่กี่เดือนเองป้าจำปาไม่ได้หรือไงคะ
สำเนียง : เอ่อ..จำได้ค่ะ
ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะคะ
***สำเนียงช่วยปาริตาหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ แต่ในใจของแกตุ้มๆต่อมๆ โถ่เอ้ยนี่มันจะเกิดอะไรขึ้นนะ
ปาริตา : รุจน์เขาสบายดีใช่ไหมป้า
สำเนียง : เอ่อ...ค่ะสบายดี
ปาริตา : แล้วคุณพ่อล่ะ
สำเนียง : ท่านก็สบายดี
คุณปากลับมาจากเมืองนอกตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
ปาริตา : เมื่อวานซืน
พอหายเหนื่อยก็มานี่เลย
คิดถึงรุจน์คิดถึงป้า
สำเนียง : โถ คุณปา
***แม่สำเนียงแทบน้ำตาหยด ปาริตาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แถมตอนนี้ภายในบ้าน ยังมีผู้หญิงถึงสองคนอยู่ข้างบน คราวนี้เหมรุจน์รับศึกหนักแน่ๆ
ปาริตาวางกระเป๋าใบเล็กที่เธอหิ้วมาลงและรีบขึ้นบันใดจะไปหาสามีที่เธอสุดแสนคิดถึงเขาที่เธอต้องบินกลับมาหาเขาอีกก็ เพราะทนความคิดถึงและความรักที่มีต่อเหมรุจน์ไม่ไหว
สำเนียง : เดี๋ยวค่ะคุณปา
***สำเนียงเรียกหญิงสาวท่าทางอึกอักพูดไม่ออก
ปาริตา : มีอะไรจ๊ะป้า
เดี๋นยวปาลงมานะ ปาขอไปหารุจน์ก่อน
***ปาริตาบอกและรีบวิ่งขึ้นบน สำเนียงถึงกับแขนตกลงข้างลำตัว
สำเนียง : โอย...ตายแล้วงานนี้
ใครจะอยู่ใครจะตายกันล่ะนี่
***ปาริตาเคาะประตูห้องของเหมรุจน์และยืนยิ้ม เธอยืนรอเขาอยู่เดี๋ยวมาประตูห้องก็เปิดออก สุดาดวงยืนหน้ายู่ยี่เพราะยังไม่ตื่นแล้วถูกปลุก ปาริตาหุบยิ้มทันทีเมื่อผู้ที่เปิดประตูเป็นสุดาดวง
ปาริตา : คุณดวงนี่คุณมาทำอะไรที่นี่
สุดาดวง : ปาริตา
***สุดาดวงหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นปาริตา ปาริตาผลักอกของสุดาดวงที่ยังยืนเซ่อตกใจ และเข้ามาในห้องเหมรุจน์ยังหลับอยู่บนเตียง
ปาริตา : นี่หมายความว่ายังไง
***ปาริตายืนกรีดร้องถามแล้วกระชากผ้าห่มออกจากตัวของเหมรุจน์ คนที่กำลังหลับสนิทถึงกับสะดุ้งตื่น
เหมรุจน์ : โอ้ย...อะไร
ปาริตา : กรี๊ด...บอกนะว่านี่มันอะไรกัน....กรี๊ด
***เหมรุจน์ตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นปาริตา เขาถึงกับผุดลุกขึ้นนั่ง
เหมรุจน์ : ปา
ปาริตา : รุจน์เกิดอะไรขึ้น อีนังนี่เข้ามาอยู่ในห้องของเราได้ยังไงรุจน์ บอกมานะ
***ปาริตาโกรธสุดขีด
สุดาดวงรีบคว้าผ้าชุดนอนวิ่งเข้าไปใส่ในห้องน้ำ เหมรุจน์มึนพูดอะไรไม่ถูก ปาริตาอาละวาดลั่นอย่างสุดโมโห
เหมรุจน์ : ปาเดี๋ยวคุณใจเย็นๆก่อน
ปาริตา : ไม่เย็น รุจน์เอาอีนี่เข้ามานอน ในห้องในบ้านหมายความว่าอะไร ปาไม่ยอมไม่ยอม ฮือๆๆ
***ปาริตาร้องไห้ไป
อาละวาดไปเหมรุจน์ต้องเผ่นลงจากเตียงสุดาดวงออกจากห้องน้ำ ปาริตาผลีเข้าหาจะตบ เหมรุจน์เข้าช่วยกันปาริตาจึงจิกทึ้งผมของเขาพัลวัน เสียงเอะอะดังลั่นไปทั้งห้องจนเสริมตกใจรีบเข้ามาดู
เสริม : เฮ้ย....อะไรกันวะ พม่าบุกหรือไง
ทำไมเสียงถึงได้ลั่นกันขนาดนี้...อ้าว
หนูปา
***เสริมตกใจที่เห็นปาริตา
ปาริตา : คุณพ่อ
คุณพ่ออยู่ยังไงปล่อยให้รุจน์เอาอีนังนี่เข้ามานอนในบ้าน ป่าไม่ยอมนะคะ
ไม่ยอม
เสริม : เดี๋ยวๆใจเย็นๆก่อนค่อยๆพูดค่อยๆจากัน
***เสริมไม่รู้จะทำยังไง แต่ปาริตาไม่ยอม จะเข้าตบตีสุดาดวงให้ได้เพราะแค้นสุดฤทธิ์
เหมรุจน์ก็โดนด้วยต้องเผ่นออกมานอกห้องปล่อยให้ปาริตากับสุดาดวงบู๊กัน โดยมีเสริมเป็นกรรมการชั่วคราว แม่สำเนียงขึ้นมายืนหน้าตื่นอยู่ด้วย
สำเนียง : คุณรุจน์คะจะทำยังไงดี
เหมรุจน์ : ไม่รู้ซิ
ปาเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่
สำเนียง : เพิ่งมาถึงค่ะ
มาถึงก็ขึ้นมาหาคุณรุจน์เลย
***เหมรุจน์หันมองไปในห้อง
เสียงคนห้ามกับสองสาวเลี้ยวลั่น
เหมรุจน์ : ป้าเข้าไปช่วยพ่อห้ามสองคนนั้นทีเถอะ
สำเนียง : ค่ะๆ
***เหมรุจน์ยืนทำอะไรไม่ถูก
เขาหันมองไปยังห้องของนันดายังปิดประตูเงียบ จึงลงไปยังชั้นล่างไปนั่งเอามือกุมหัว ช่วงนี้เขาทำไมดวงถึงได้ตกนักนะ โถ่เอ้ย
***ในห้องเสริมตวาดปาริตากับสุดาดวงที่ตบกันไว้หูฟู อย่างสุดโมโห
เสริม : หยุดกันเดี๋ยวนี้นะ หยุดกันทั้งสองคนเลย
ปาริตา : คุณพ่อคะ
อีนี่มันแย่งผัวปา ปาไม่ยอม
สุดาดวง : แย่งอะไร
แกทิ้งเขาไปแล้ว
หน้าด้านกลับมายังจะมาว่าฉัน
ปาริตา : ใครทิ้ง ฉันไม่เคยทิ้งรุจน์นะ
เสริม : พอบอกให้หยุดให้พอ จะบอกให้นะตอนนี้ไอ้เจ้ารุจน์มันเป็นผัวใครไม่ได้ทั้งนั้น มันแต่งงานแล้วเมียของมันมี่แค่คนเดียว คือหนูนันเท่านั้น เข้าใจไหม
***ปาริตายังงงแต่สุดาดวงหน้าคว่ำ
สุดาดวง : คุณพ่อลำเอียงเข้าข้างยายนั่น ดวงก็เป็นเมียของรุจน์ เป็นลูกสะใภ้คุณพ่อเหมือนกันนะคะ
เสริม : โอ้ยฉันยอมรับแต่เฉพาะคนที่ตกแต่งกันเป็นเรื่องเป็นราวเท่านั้น คนอื่นฉันไม่ยอมรับหรอก
ปาริตา : คุณพ่อพูดอะไรปาไม่เข้าใจ
***ปาริตาถามอย่างงงๆเสริมให้แม่สำเนียงเป็นคนบอกปาริตา ส่วนตัวเขาเดินลงมาข้างล่างปวดหัวหนึบ ลงมาเห็นลูกชายนั่งเอามือกุมหัว จึงด่าเข้าให้
เสริม : เป็นยังไงไอ้ขุนแผน
แกจะจัดการยังไง
เหมรุจน์ : จะจัดการยังไงล่ะ
เสริม : งามแน่ละแกคราวนี้ เมียเต็มบ้าน แกจัดการให้เรียบร้อยนะจะบอกให้ อย่ามาให้ล้งเล้งเป็นตลาดนัดอีก ไม่อย่างนั้นได้เห็นดีกัน
***ปาริตาวิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นลงมาหาเหมรุจน์ สุดดาดวงเดินตามลงมาด้วย
ปาริตา : รุจน์จริงเหรอคะที่ป้าสำเนียงบอกว่ารุจน์แต่งงาน
เสริม : ก็จริงน่ะสิ
***เสริมบอกซะเอง
ปาริตา : ได้ยังไง
รุจน์แต่งงานได้ยังไง
แล้วปาล่ะ
รุจน์เอาปาไปไว้ที่ไหน ฮือๆ
เหมรุจน์ : ปา....ผม....
เสริม : ก็เธอหนีเขาไปนานแล้ว จะมาทำพิธีพิไรทำไมอีกล่ะ
***เสริมพูดอย่างสุดจะทน
ปาริตา : ปาไม่ยอม
ปาไม่ยอมเด็ดขาด
ปาเป็นเมียรุจน์
รุจน์จะไปแต่งงานมีคนอื่นได้ยังไง
เสริม : นี่มันสายไปหมดแล้วล่ะแม่คุ๊น
โน่นเมียแต่งนายรุจน์อยู่บนห้องโน่น
***แล้วปาริตาก็อาละวาดอีก เสริมต้องตวาดให้หยุด เหมรุจน์ได้แต่นั่งมึน
***ในห้องรับแขกของบ้าน ปาริตานั่งอยู่มุมหนึ่ง สุดาดวงนั่งอยู่อีกมุม เหมรุจน์นั่งไม่พูดไม่จา หน้าตาเหมือนคนอกจะแตกตาย เสริมยืนถือไม้ตะพดเดินไปเดินมางุ่นง่าน นันดาเดินเข้ามาในห้องเสริมรีบเดินไปหา หนูนันมานี่ลูก หนูในฐานะเจ้าของบ้านหลังนี้พ่อจะให้หนูเป็นคนตัดสินปัญหาเพราะแม่ปาริตา เขายืนยันจะอยู่ในบ้านหลังนี้ให้ได้
***นันดามองทุกคนโดยเฉพาะเหมรุจน์ เธอถึงกับยิ้มหยันเขาอย่างนึกสะใจ
เหมรุจน์เมินหน้าหนีทั้งอายทั้งโกรธที่ปาริตากับสุดาดวงมาก่อเรื่องให้นันดาเยาะเขาได้
นันดา : นันแล้วแต่คุณลุงค่ะ
***นันดายังไม่เรียกเสริมว่าพ่อ
เสริม : ไม่ได้ลูกพ่อให้สิทธิหนูเต็มที่ทั้งในฐานะลูกสะใภ้และฐานะเจ้าของบ้านหลังนี้
***เสริมย้ำให้ทุกคนได้ยิน ปาริตาน้ำตากลบตานั่งสะอื้นออกมาอีก
นันดา : ถ้าแล้วแล้วแต่นัน
นันก็ให้เขาอยู่ได้กินทุกคน นันไม่ห้ามใครหรอกค่ะ
เสริม : หนูนัน
***เสริมตาโตเหมรุจน์ลุกขึ้นและเดินหนีออกไปจากห้องเขารู้สึกเสียหน้าที่สุดเรื่องทุกอย่างของเขาดันไปอยู่ในกำมือของนันดา ส่วนปาริตารีบเช็ดน้ำตา สุดาดวงเมื่อเห็นว่าปาริตาอยู่ที่นี่ได้หล่อนก็จะอยู่ด้วย
สุดาดวง :แล้วชั้นล่ะ
ชั้นก็เมียของรุจน์เหมือนกัน ฉันต้องอยู่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย นันดาว่ายังไงเธอจะยอมให้ฉันอยู่ที่นี่ด้วยไหม
นันดา : เชิญตามสบาย
***นันดาพูดแล้วเดินออกไปจากห้อง
สุดาดวงยิ้มสะใจส่วนปาริตารีบวิ่งออกไปตามหาเหมรุจน์ ทั้งคู่เขจ้ามาเถียงกันในสวนหลังบ้าน
........................................................................................
ตอนที่ 17
เหมรุจน์ : ปาคุณกลับมาทำไม
ปาริตา : รุจน์ นี่รุจน์พูดแบบนี้กับปาได้ยังไง รุจน์ทำให้ปาต้องน้อยใจและหนีรุจน์ไป แต่รุจน์ไม่เคยสนใจจะตามปาเลย
เหมรุจน์ : ผมไม่ได้ว่าง
ถึงจะได้มีเวลาไล่ตามคุณ
ปาริตา : รุจน์ก็เลยมีเมียใหม่ แต่งงานใหม่
รุจน์ทำกับปาได้นะ
รุจน์ไม่ได้รักปาเลยหรือไง
เหมรุจน์ :
ปาคุณกลับมาตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วผมอยากให้คุณกลับไปอยู่กรุงเทพ
ปาริตา : ไม่ค่ะ ปาจะอยู่ที่นี่เป็นเมียของรุจน์เหมือนเดิมใครจะทำไม
เหมรุจน์ : ใช่ไม่มีใครเขาทำไรคุณหรอกก็เอาซี่ ถ้าคุณอยากจะอยู่กับผมคุณทนสภาพแบบนี้ได้ก็เชิญ
***ปาริตาร้องไห้โฮ เหมรุจน์เดินหนีอย่างสุดจะหงุดหงิด
***สุดาดวงเก็บผ้าเก็บผ่อนมาอยู่ในบ้านของเหมรุจน์อีกคน ศึกชิงห้องนอนเกิดขึ้นอีกรอบระหว่างปาริตากับสุดาดวง สำเนียงเป็นคนห้ามทัพและจัดห้องให้อีกห้องให้สุดาดวงอยู่
นันดานอนซะใจอยู่บนเตียงโดยมีไลลาโดยมีไลลานั่งมองเจ้านายสาว
ไลลา : ท่าทางของคุณนันดูมีความสุขจังเลยนะคะ
ทั้งๆที่ผู้หญิงของคุณรุจน์มาแย่งกันทะเลาะกันลั่นบ้าน
นันดา : อ๊ะ
แล้วไลลาจะให้ฉันทุกข์ไปทำไมล่ะ
รู้ไหมฉันน่ะสะใจเป็นที่สุดที่นายนั่นเจอแบบนั้นต่อไปเขจาก็ไม่มีเวลาหรือโอกาสมาตอแยกับฉันอีกได้คนมาช่วยแบบคาดไม่ถึงเลยล่ะคราวนี้
ไลลา : คุณนันจะเป็นตาอยู่ใช่ไหมคะ
นันดา : อะไร
ไลลา : ก็ตาอินกะตานาแย่งปลากันสุดท้ายตาอยู่ได้ปลาไปกิน
นันดา : โอ้ยไม่เอาหรอก
ถ้าฉันจะเป็นตาอยู่ก็เป็นตาอยู่เย็นเป็นสุขไม่ใช่ตอนอยู่ตะกละกินปลาแน่ย่ะ โยเฉพาะปลาตีนอย่างนายเหวนรกนั่น
ไลลา : ตายแล้วคุณนัน
เปรียบคุณรุจน์ซะไลลานึกภาพไม่ออกเลยค่ะ
***วันเวลาผ่านไปเหมรุจน์แทบหาความสงบสุขในชีวิตประจำวันไม่ได้
ปาริตากับสุดาดวงเป็นซะยิ่งกว่าขมิ้นกับปูนส่วนนันดาเธอไปๆมาๆระหว่างบ้านของเธอกับบ้านของเหมรุจน์ แต่ส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่บ้านของเธอซะมากกว่า
***วันนี้เป็นวันครบรอบอายุ60ปีของเสริม จึงจัดงานเลี้ยงกันในหมู่เพื่อนฝูงญาติมิตรที่บ้านหลังงาม
ชินก็มาร่วมอวยพรวันเกิดให้เพื่อนด้วยและในฐานะเกี่ยวดองกันอีกขั้น
เสริม : คนเรามันแก่เร็วแฮะ ดูสิเผลอแป๊บเดียวอายุปาเข้าไป60ปีแล้ว
***เสริมพูด
เพื่อน : เออแก่ง่ายแต่อย่าตายเร็วก็แล้วกันเพื่อนๆอยู่ดูลูกหลานมันเจริญรุ่งเรืองกันไปก่อน
***เพื่อนๆพูด
เสริม : ลูกน่ะเห็นแล้วมีเจริญดีแต่หลานนี่ซิ
ยังไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เห็นวะ
ชิน : เจ้ารุจน์มันมีความสามารถมีเมียทีสามสี่คน แต่มันไม่มีความสามารถทำหลานให้แกซักคนหรือไงวะ
***ชินว่าแขวะเพื่อน เสริมทำหน้าปุเลี่ยนๆตอบอ่อยๆ
เสริม : ไม่รู้มันกับใครก็เงียบจ้อย
เพื่อน : ใช้งานมากกระสุนด้านซะล่ะมั้งวะ
***เพื่อนอีกคนช่วยเสริม
เพื่อน : ข้าบอกให้นะโว้ย
คนมีฝีมือมันต้องมีคุณภาพด้วย
ลูกชายแกสงสัยจะมีแต่ฝีมือไม่มีคุณภาพ
***เพื่อนๆช่วยกันยำเสริมเพราะเริ่มมึนกันแล้ว
เพื่อน : เอ๊ะ
แล้วนี่แล้วสะใภ้ใหญ่ของแกไปไหนวะ
***เพื่อนถามเสริม ชินมองหาลูกสาวยังคุยอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงอยู่อีกมุม ส่วนเหมรุจน์ก็อยู่กับบรรดาเพื่อนๆอีกมุม ปาริตากับสุดาดวงก็อยู่กันคนละโต๊ะ เขาเลยถามลูกสาวว่าทนได้ไหมที่เหมรุจน์มีเมียหลายคนแบบนี้ ถ้าทนไม่ได้ก็ขอให้ลูกกลับมาอยู่กับพ่อกับแม่แต่นันดาก็บอกว่าไม่มีปัญหาเธอขอเวลาอีกสักระยะแล้วคงขอหย่าให้เด็กขาด ชินไม่รู้ว่าลูกสาวจะทำอะไรแต่ก็พร้อมที่จะให้ลูกกลับมาสู่อ้อมอกของพ่อตลอดเวลา
เพราะไม่ต้องการให้ลูกต้องทนอยู่กับผู้ชายเจ้าชู้มากเมียเช่นเหมรุจน์ สำหรับนันดาเธอชะล่าใจคิดว่าเหมรุจน์รังเกียจและไม่สนใจเธออีกแล้วจะอยู่ดูความวุ่นวายในชีวิตของเขาให้สะใจซะก่อนก็แค่อีกไม่นานเท่านั้นงานเลี้ยงเลิกจนสี่ทุ่มกว่า เมื่อแขกกลับกันไปหมดแล้ว
เสริมเข้ามานั่งพักผ่อนเตรียมจะขึ้นข้างบนเหมรุจน์เดินเข้ามาโดยมีสุดาดวงเกาะแขนแจ
เหมรุจน์ : เหนื่อยไหมพ่อ
เสริม : ไม่เท่าไหร่หรอก
แกจะขึ้นนอนแล้วเรอะ
เหมรุจน์ : พ่อมีอะไรหรือเปล่า
เสริม : ไม่มีหรอกก็ว่าจะขึ้นนอนเหมือนกัน
แล้วนี่หนูนันกลับไปบ้านโน่นกับเขาหรือเปล่า
เหมรุจน์ : ไม่รู้สิผมไม่เห็น
เสริม : นี่แกอย่าทำเป็นหูป่าตาเถื่อนกับเมียของแกนัก
สุดาดวง : แหมคุณพ่อคะ
จะให้รุจน์ตามดูเขาทุกวิถีก้าวหรือไงคะ
***สุดาดวงว่า
เสริม : ไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอก
แต่มันก็ต้องมีเวลาให้เขาบ้างยังไงเขาก็เป็นเมียแต่งออกหน้าออกตา
***เสริมว่าแล้วลุกขึ้นเดินหนีอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
สุดาดวง : รุจน์ขาคืนนี้นอนกับดวงนะ
ปาริตา : ไม่ได้
***ปาริตาแหวหล่อนเข้ามายืนโดยที่สุดาดวงไม่ทันเห็น
สุดาดวง : ทำไมจะไม่ได้
เมื่อคืนรุจน์ก็อยู่กับเธอแล้วจะควบทุกคืนโดยไม่แบ่งปันไม่ได้หรอกนะ
ปาริตา : ที่ไหนเมื่อคืนรุจน์ไม่อยู่กับฉันนะ
เหมรุจน์ : โอ้ย
นี่อย่าเถียงกันได้ไหม
ผมจะบ้าตายอยู่แล้วเลิกทำตัวเป็นตังเมซะที
เบื่อ เบื่อที่สุดในโลก
***เหมรุจน์ว๊ากแล้วเดินหนี แต่สุดาดวงไม่ยอมหล่อนวิ่งตามเขาตื้อจะให้เขาไปนอนด้วย ปาริตาหรือจะยอมแล้วทั้งคู่ก็เถียงกันลั่นอีก เหมรุจน์ตวาดอย่างเหลืออด
เหมรุจน์ : นี่ไปเลยนะ จะไปไหนก็ไปกันเลย ผมไม่ไปนอนกับใครทั้งนั้นได้ยินไหมไปให้พ้น
***สุดาดวงกับปาริตาหันมาค้อนตาเขียงใส่กัน เหมรุจน์ขึ้นมาชั้นบนเจอกับนันดา
เธอยิ้มเยาะใส่เขาอย่างสะใจแล้วเดินเข้าห้องของเธอเหมรุจน์เดือดปุดๆแต่ทำอะไรไมได้
***เพราสุดแสนจะรำคาญปาริตากับสุดาดวง เหมรุจน์จึงลงมานอนที่โซฟายาวในห้องนั่งเล่นข้างล่างดึกแล้วไลลาลงมาเอานมสดไปให้นันดา
ไลลา : ว๊ายตาเถร
เหมรุจน์ : ฉันเองตาเถรที่ไหน
***เหมรุจน์บอกเพราะไลลาตกใจ
ไลลา : คุณรุจน์ทำไมยังไม่ขึ้นนอนอีกคะ
นี่ดึกแล้วนะคะ
เหมรุจน์ : แล้วเธอล่ะลงมาทำอะไรดึกๆดื่นๆไม่ยอมหลับยอมนอน
ไลลา : ไลลามาเอานมไปให้คุณนันค่ะ
เหมรุจน์ : ดึกป่านี้เขายังจะกินนมอีกหรือ
ไลลา : คุณนันเธออ่านหนังสือค่ะ
เลยอยู่ดึกทุกคืน
เหมรุจน์ : เหรอ
ไลลา : ไลลาไปเอานมก่อนนะคะ
***เหมรุจน์มองตามแม่สุนัขแสนซื่อเฝ้าเจ้านายแจ เมื่อไลลาถือแก้วนมจะขึ้นบนเหมรุจน์จึงเรียก
เหมรุจน์ : ไลลา
ไลลา : ค่ะ คุณรุจน์จะเอานมเหมือนกันเหรอคะ
เหมรุจน์ : เปล่าแต่แก้วนมนั้นน่ะ เอามาให้ฉันฉันจะเอาขึ้นไปให้เจ้านายของไลลาเอง
ไลลา : เอ่อ...
***ไลลาอึกอัก
เหมรุจน์ : ส่งมาซี่แล้วเธอก็ไปหาที่นอนเอานะ จะไปนอนกับป้าสำเนียงก็ได้
ไลลา : ไม่ได้หรอกค่ะ
คุณนันเธอให้ไลลานอนเป็นเพื่อนเธอ
เหมรุจน์ : จะไม่ได้ได้ยังไง
ฉันจะเข้าไปนอนในห้องนั้นแล้ว
เธอจะนอนด้วยได้ยังไง
เอาแก้วนมมานี่
ไลลา : ไลลาขอไปบอกคุณนันก่อนนะคะ
เหมรุจน์ : ไม่ต้อง
***ไลลาหน้าเสียจำต้องส่งแก้วนมให้เหมรุจน์ ในใจนึกเป็นห่วงนันดาแต่ไม่รู้จะทำยังไง
***เหมรุจน์เอาแก้วนมสดวางบนโต๊ะหน้าบันได
เมื่อขึ้นมาข้างบนเขาเดินไปที่ห้องหอที่ม่าเคยได้นอนอีกเลยตั้งแต่คืนวันส่งตัวประตูห้องไม่ได้ล็อคเพราะไลลาออกไปเอานำสด เขาเปิดประตูเข้าไปแล้วปิดเบาๆ
นันดานอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่บนเตียงแต่ยังไม่วายร้องสั่งเพราะคิดว่าไลลา เข้ามา
นันดา : ล็อคประตูซะด้วยนะไลลา อย่าลืม
***เสียงดังกริกของกลอนล็อคทำงาน เหมรุจน์เดินมายืนข้างเตียง นันดายังอ่านหนังสืออย่างติดมันและไม่ได้เฉลียวใจว่าผู้ที่อยู่ข้างเตียงเธอไม่ใช่ไลลา
นันดา : เธอน่ะนอนได้แล้ว
แก้วนมก็วางบนโต๊ะน่ะแหละฉันจะนอนแล้วค่อยกิน
***ปากก็สั่งตาก็จับจ้องอยู่กับตัวหนังสือ
เหมรุจน์ลงนั่งที่เตียงกลิ่นหอมแปลกๆโชยเข้าจมูก
นันดาจึงหันมองอย่างแปลกใจแล้วก็ถึงกับสะดุ้งพรอดลุกขึ้นนั่ง เหมรุจน์คว้าไหล่ทั้งสองข้างของเธอจับกดลงนอน
นันดา : ว๊าย นายเข้ามาทำไม ออกไปนะ
ไลลาไลลา
เหมรุจน์ : จะเรียกทำไมไลลาเขาไปนอนแล้ว
***นันดาดิ้นสุดแรงเหมรุจน์ก้มลงจูบที่ปากของเธอ
นันดา : อย่านะ ออกไป ออกไปให้พ้น
เหมรุจน์ : เหมรุจน์จะให้ผมออกไปไหน
คุณทำให้ผมต้องไม่มีห้องจะนอนสะใจมากใช่ไหม คืนนี้ผมจะนอนกับคุณ
นันดา : ไม่นะไม่
***นันดาดิ้นรนสุดฤทธิ์
แต่เหมรุจน์กอดมัดเธอไม่ยอมปล่อยนันดาตัวเล็กบอบบางจะสู้แรงของเหมรุจน์ได้อย่างไร
ในไม่ช้าเธอก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดแทบขาดใจ เพราะตกเป็นของเหมรุจน์อย่างสุดจะพัดทานแรงของเขาได้ เวลาผ่านไปเหมรุจน์สุขสมเต็มที่และตื่นเต้นอย่างเหลือล้น
เมื่อรู้ว่าที่แท้นันดายังบริสุทธ์ผุดผ่องเขานึกเจ็บใจตัวเองที่โง่ให้นันดาหลอกมาตั้งนานเขากอดกระชับเธอแนบอกกระซิบข้างหูของเธออย่างอิ่มเอมและภูมิใจ
เหมรุจน์ : คุณโกหกผมคุณนัน
***นันดากัดฟันน้ำตาไหลเป็นทางลงเปียกหมอน เหมรุจน์จูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ
เหมรุจน์ : ร้องไห้ทำไมคนเก่งเขาไม่ร้องกันหรอกรู้ไหม
***นันดาพักอกเขาให้ปล่อยเธอ
แต่เหมรุจน์ไม่ยอมปล่อยกลับกระชับแขนให้แน่นขึ้น
นันดา : คนเลวปล่อยฉันนะ
สมใจนายแล้วก็ไปให้พ้น
เหมรุจน์ : จะไล่ผมไปไหนเราเป็นผัวเมียกันนะ ผัวเมียเขาต้องอยู่ด้วยกันนอนด้วยกันสิ แล้วก็ทำแบบนี้กัน
***นันดาน้ำมูกน้ำตาไหลร้องไห้อย่างสุดแค้นที่เสียท่าให้เขาจนได้ เหมรุจน์ตื่นนอนตอนเช้าไม่เห็นนันดาแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งกระหยิ่มยิ้มย่องสุขใจ ฮัมเพลงเบาๆเข้าไปอาบน้ำอย่างสุขสมอุรากลับออกมาจัดการแต่งตัว หนังสือของนันดาหล่นอยู่ข้างเตียง เขาเดินหยิบเปิดออกดูสามสี่หน้าแล้ววางไว้บนโต๊ะเล็กหัวเตียงบนเตียงผ้าปูที่นอนสีขาวเปื้อนเลือดเป็นวงขนาดใหญ่ เลือดสาวของนันดา เหมรุจน์นึกถึงเมื่อคืนอย่างภูมิใจ กว่าจะรู้ว่าน้ำผึ้งยังบริสุทธ์ก็เสียเวลาไปซะเป็นเดือน เขานี่โง่จริงๆเลยเหมรุจน์ลงมาข้างล่างเจอแต่สุดาดวงกับปาริตาที่หน้าเง้าหน้างอกันอยู่
เหมรุจน์ : ป้าสำเนียงคุณนันล่ะ
***เขาถามแม่บ้าน
สำเนียง : คุณนันเธอไปบ้านของเธอแต่เช้าแล้วค่ะ
สุดาดวง : รุจน์ถามหาเขาทำไมคะ
เขาก็กลับไปบ้านเขาอยู่บ่อยๆ
***สุดาดวงว่า
เหมรุจน์ : ป้ามีอะไรกินมั่งเช้านี้ผมหิวจัง
สำเนียง : มีข้าวต้มหมูค่ะ
เหมรุจน์ : ตักมาเลย ผมหิวขอกินก่อนเลย
ปาริตา : รุจน์คะเมื่อเมื่อคืนรุจน์นอนที่ไหน
***ปาริตาถามเพราะดึกแล้วเธอลงมาข้างล่างไม่เห็นเขา
เหมรุจน์ : นอนในห้องน่ะสิ
ปาริตา : ห้องไหน
สุดาดวง : ไม่ใช่ห้องฉันนะ
***สุดาดวงรีบบอก
ปาริตา : รุจน์นอนห้องไหนกันแน่
เหมรุจน์ : ห้องคุณนันมีอะไรไหม
ปาริตา : รุจน์
***ทั้งสุดาดวงและปาริตาตาโตแต่คนที่ตาโตกว่าคือป้าสำเนียง จะเป็นไปได้ยังไงนางรู้ว่าเหมรุจน์ไม่เคยไปนอนที่หอของนันดาเลยตั้งแต่แต่งงาน นันดาเอาไลลาเข้าไปนอนเฝ้าด้วยตลอด
........................................................................................
ตอนที่ 18
***สำหรับนันดาเธอกลับมานอนระทมทรวงอยู่ที่บ้านของเธอ แก้วตาเข้ามาหาลูกสาว เพราะนันดากลับมาบ้านก็ขลุกอยู่แต่ในห้องของเธอ
แก้วตา : นันเป็นอะไรลูกมาบ้านก็ไม่ยอมพูดจาอะไรกับใคร อยู่แต่บนห้องนี่ทะเลาะกับรุจน์มาใช่ไหม
นันดา : แม่คะนันจะหย่ากับเขา
จะไม่กลับไปอยู่บ้านโน่นอีก
แก้วตา : ทะเลาะอะไรกันหรือบอกแม่ซิ แม่จะไปจัดการให้
นันดา : เขารังแกนันค่ะแม่นันเกลียดเขา
แก้วตา : นี่เขากล้าดียังไงถึงมารังแกลูกของแม่แบบนี้ต้องไปพูดกันให้แตกหักแล้ว
หนอยเอาเมียน้อยเมียเก็บมาอยู่รอบบ้านยังไม่พอยังกล้ามารังแกลูกของแม่อีก ไปไปกับแม่
แม่จะไปจัดการให้รู้เรื่องไปเลย
นันดา : ไม่เอาค่ะแม่ แค่นันหย่ากับเขาก็พอแล้ว
แก้วตา : หย่าก็หย่า ไม่ต้องไปทนเลยพอกันที แม่มีปัญญาเลี้ยงลูกของแม่ได้
***แก้วตาโกรธเพราะไม่รู้ความจริง
แต่นันดาห้ามไว้และขออนุญาตหย่ากับเหมรุจน์ซึ่งแก้วตาก็ยอม
แก้วตาเอาเรื่องที่นันดาขอหย่ากับเหมรุจน์ไปบอกชิน
ชิน : จะหย่าเรอะ
แก้วตา : ค่ะหย่าไปเถอะ
ถึงอยู่ด้วยกันไปยายนันไม่มีความสุขแน่
เขาเอาเมียเก่าเมียเก็บเข้ามาอยู่ในบ้านสองคนสามคน ยายนันจะต้องทนขมขื่นไปจนตายถ้าอยู่กับเขาต่อไป
ชิน : ตามใจจะหย่าก็หย่า
ผมไม่ห้ามอยู่แล้ว
แล้วจะไปหย่ากันเมื่อไหร่
แก้วตา : ฉันจะบอกเขาให้ไปเจอกันที่อำเภอ จะพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ได้
***ตกเย็นฝนตกลงมาอย่างหนักนันดาไม่ยอมกลับมาบ้านเหมรุจน์คอยเธอจนถึงมืด สุดาดวงเข้ามาออดอ้อนเง้างอด
สุดาดวง : รุจน์
พักนี้ดวงไม่มีความสุขเลย
เหมรุจน์ : ไม่มึวามสุขแล้วคุณจะให้ผมทำยังไง
สุดาดวง : ดวงอยากไปเที่ยวตามลำพังกับรุจน์ คืนนี้เราไปเที่ยวกันไหมคะ
เหมรุจน์ : ฝนตกหนักอย่างนี้เนี่ยนะ
คุณนี่ไม่ดูฤดูกาลเอาซะเลยนะฝนตกยังกับฟ้ารั่วยังคิดจะไปเที่ยวอีก
***เหมรุจน์พูดอย่างเซ็งๆ
สุดาดวง : งั้นเราขึ้นไปนอนคุยกันก็ได้นะคะ ไปคะ
เดี๋ยวดวงจะบีบนวดให้
เหมรุจน์ : ดวงคุณขึ้นไปก่อนนะ
ผมอยากนั่งอยู่ตรงนี้สักเดี๋ยว
สุดาดวง : แล้วรุจน์ตามดวงขึ้นไปนะคะ
***เหมรุจน์นั่งถอนใจ
สุดาดวงหอมแก้มเขาแล้วรีบขึ้นข้างบนเพื่อไปรอเขา
เสริม : นั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้วะเจ้ารุจน์
เหมรุจน์ : นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะพ่อ
เสริม : วันนี้สงสัยหนูนันนอนที่บ้านโน่น
ตั้งแต่เช้าแล้วพ่อไม่เห็นหน้าเลย
เขาไปบ้านเขาตอนไหนแกรู้ไหม
เหมรุจน์ : คงตั้งแต่เช้านั่นแหละ
เสริม : พ่อละเสียวไอชินมันจะเอาลูกสาวของมันกลับนัก
เหมรุจน์ : เขาจะเอากลับไปได้ยังไง นันดาแต่งงานแล้วมีครอบครัวแล้ว
เสริม : เฮอะ
ถ้าแกมีลูกสาวแล้วมีลูกเขยแย่มาก
แกจะเอาลูกสาวกลับไหมวะ
เหมรุจน์ : ผมไม่ยอมหรอกพ่อ
เสริม : แกไม่ยอมจะรั้งเขาไว้ทำไม
เมียเมียของแกอีกตั้งสองคนยังไม่พออีกเหรอวะ
เหมรุจน์ :
แต่นันดาเป็นเมียแต่งจดทะเบียนของผม
เสริม : แกเลยจะเอาเขามาเก็บใส่ตู้เอาไว้
แล้วนอนกับเมียเก็บเมียน้อยไปใช่ไหม
เหมรุจน์ : พ่อพูดเหมือนอยากให้ผมเลิกกับนันดา
เสริม : ก็ถ้าเขาจะขอเลิก
แล้วพ่อจะไปทำยังไง
ไปพูดไปเอะอะไรได้
ตอนก่อนแต่งก็ตกลงกันไว้
ถ้าลูกสาวของเขาไม่มีความสุขเขามีสิทธิจะเอาลูกของเขาคืน
เหมรุจน์ : แล้วพ่อไปตกลงกับเขาอย่างนั้นได้ยังไง นันดาเป็นเมียผม ผมจะให้หรือไม่ให้ก็ขึ้นอยู่กับผมไม่ใช่พ่อ
เสริม : วะ ไอ้นี่มันว่าพ่อ
ก็เขาคาดคั้นเอาแบบนั้นจะไม่ยอมตกลงกับเขาได้ยังไง แกก็ทำตัวให้มันดีๆสิ ถ้ากลัวเขาจะมาเอาเมียคืนก็ อ้าวเห้ยแล้วนั่นแกจะไปไหน
เหมรุจน์ : ไปรับนันดากลับบ้าน
หรือไม่ก็นอนค้างที่โน่นพ่อปิดบ้านเลยนะไม่ต้องห่วงผม
***เหมรุจน์พูดแล้วเดินลิ่วออกไป
เสริม : แกจะไปยังไงวะ
ฝนตกหนักออกอย่างนี้ เจ้ารุจน์
***ฝนตกหนักมาแก้วตาบ่นกับชิน
แก้วตา : ตกหนักแบบนี้พรุ่งนี้มีสิทธิน้ำท่วมถนนอีกนะคะ ถนนหน้าบ้านของเรามันต่ำ ฉันว่าจ้างคนมาทำซะดีไหม
ชิน : ก็เอาซี่ แต่ว่าทำตอนฝนตก มันจะเละนะ
รถเข้าออกก็ลำบาก
แก้วตา : แล้วปล่อยให้น้ำท่วมขังไม่ลำบากกว่าหรือคะ
***แสงไฟรถส่องอยู่ที่ประตูรั้วบ้าน แก้วตาชะเง้อมองอย่างแปลกใจ
แก้วตา : คุณคะ
สงสัยตาดลจะกลับมานอนบ้านนะคะนั่น
ชิน : เรอะ แล้วทำไมมาเอาดึกเลยฝนก็ตกอย่างนี้ อกไปรับลูกหน่อยไป
แก้วตา : ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ
ตาหนุนออกไปเปิดประตูให้แล้ว
เอ๊ะไม่ใช่รถของตาดลนี่
ชิน : อ้าวแล้วรถใครล่ะ มาเอาป่านนี้
แก้วตา : อ๋อ
รถของพ่อลูกเขยตัวดีของคุณน่ะซี่คะ
ดีเลยมาก็ดีเลยจะได้พูดกันซะให้รู้เรื่องรู้ราวไป
ชิน : เอ่อ..แม่แก้วใจเย็นๆ ก่อนน่า
ดูเขาไปก่อนว่าเขามาทำไม
***สองผัวเมียรีบออกไปรับหน้าลูกเขย เหมรุจน์จอดรถแล้ววิ่งผ่าฝนเข้ามาในบ้าน
เหมรุจน์ : คุณพ่อคุณแม่
ชิน : ทำไมมาตอนนี้หืมม์ ฝนก็ตกแล้วมันก็ดึกแล้วสี่ทุ่มแล้วเนี่ย
***ชินพูดแบบตำหนิเขาไปด้วย แก้วตาน่ะหน้างอตั้งท่าเลยเชียว
เหมรุจน์ : ผมจะมารับคุณนัน
รอให้ฝนซาก็ไม่ซาซักที
เลยมาเอาดึกไปหน่อย
แก้วตา : จะมารับเขาทำไมกัน
***แก้วตาแหว แต่ชินสะกิดเมีย
ชิน : มันดึกแล้ว
เอาไว้พรุ่งนี้เถอะนะ
ฝนฟ้ามันก็ตกจะตากฝนกลับไปได้ยังไง
***ชินบอก
แก้วตา : ฉันไม่ให้ลูกของฉันกลับไปแล้วล่ะ
เธอมาก็ดีเราจะได้พูดกันซะให้มันรู้เรื่องไปเลย ฉันต้องให้ยายนันหย่ากับเธอให้มันจบๆไป
เหมรุจน์ : คุณแม่เรื่องอะไรจะให้ผมหย่ากับนัน
แก้วตา : อยู่ด้วยกันแล้วมันไม่มีความสุขมันก็ต้องหย่ากันสิ ฉันน่ะทนเห็นลูกสาวของฉันทุกข์ทรมานต่อไปไม่ได้แล้วนะ เธอเอาเมียกี่คนมาอยู่ในบ้าน ยังไม่พอยังรังแกลูกของฉันอีก หย่ากันซะลูกของฉันจะได้หมดเวรหมดกรรม
เหมรุจน์ : ผมไม่หย่า
***เหมรุจน์สวนทันที แก้วตาแหว
แก้วตา : จะรั้งลูกฉันไว้ทำไม
ลูกของฉันเขาไม่ทนอยู่กับเธออีกแล้ว
ชิน : แม่แก้วใจเย็นๆ ค่อยๆพูดเถอะเดี๋ยวบ่าวไพร่ มันมาได้ยินไม่ดีนะ
แก้วตา : ค่อยๆพูดเหรอคะ
คุณก็เห็นเขาไม่ยอมหย่าให้ยายนันวันนี้ก็รังแกลูกเรามา จะให้เขาเอาลูกของเราไว้ทารุณหรือไง
เหมรุจน์ : คุณนันบอกคุณแม่เหรอครับว่าผมรังแก
แก้วตา : ใช่แล้วมันจริงหรือเปล่า ยายนันแจ้นกลับบ้านมาแต่เช้า หน้าตานี้อิดโรยมาเลย นี่นะคงถูกทารุณมาอย่างหนัก
***เหมรุจน์ไม่รู้จะพูดยังไง ถูกแก้วตาว่าแจ๋นๆ
แก้วตา : ฉันน่ะอดทนเห็นลูกสาวถูกเธอเอาไปย่ำยีน้ำใจมานานแล้วนะ
หนอยแต่งงานเสร็จแล้วก็เอาเมียน้อยเมียเก็บเข้ามาอยู่ในบ้านเลย ทำอะไรไม่เคยเกรงใจกันทั้งสิ้น เห็นว่าแต่งลูกของฉันไปแล้ว
เหมรุจน์ : คุณแม่ฟังผมก่อน
ที่ผมเอาดวงกับปาเข้ามาอยู่ในบ้าน
ก็คุณนันเป็นคนอนุญาตให้เขาเข้ามาอยู่
ผมกับพ่อไม่ยอมแต่คุณนันเขาถือสิทธิว่าเป็นเจ้าของบ้าน เขาให้อยู่แล้วผมจะทำยังไง
แก้วตา : อะไรนะ
***แก้วตาตาโต
เหมรุจน์ : แล้วที่ว่ารังแกมันก็ไม่จริงเลย เมื่อคืนผมนอนกับเขา
ผมแต่งงานกับเขามาจะสองเดือนแล้วเพิ่งได้นอนด้วยกันก็เมื่อคืน ถ้าผัวเมียนอนด้วยกันแล้วถือว่ารังแกกันคนทั้งโลกมิถูกรังแกหมดเหรอครับ
ชิน : อ้าวแล้วกัน
***ชินร้องตาโตส่วนแก้วตาอ้าปากค้างพูดไม่ออก
แก้วตา : ก็ยายนันบอกว่าเธอรังแกเขา
เหมรุจน์ : คุณแม่เรียกเขามาถามซิครับว่าที่ผมพูดน่ะจริงไหม
ชิน : แม่แก้วผมว่ามันชักจะยังไงๆแล้วนา
แก้วตา : ไม่รู้ล่ะ ก็ยายนันบอกฉันแบบนี้นี่
เหมรุจน์ : ผมขอขึ้นไปหานันดานะครับ
ชิน : เอ่อ..จะรีบกันกลับไปนี่น่ะหรือ
พ่อว่าเอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่านะ
นี่ฝนมันก็ตกแล้วก็ดึกแล้วด้วย
เหมรุจน์ : ไม่รับเขากลับก็ได้แต่ผมขอขึ้นไปพบเขาหน่อย
ชิน : เธอจะนอนค้างที่นี่พ่อก็อนุญาตนะ
เหมรุจน์ : ขอบคุณครับ
แก้วตา : คุณคะ
ชิน : น่าเรื่องระหว่างผัวเมีย เราไปนอนเถอะให้เขาคุยกันเองดีกว่า
เหมรุจน์ : ผมไม่รู้ว่าห้องคุณนันอยู่ตรงไหน
ชิน : มาเดี๋ยวพ่อพาไป
เหมรุจน์ : ขอบคุณครับคุณพ่อ
***เหมรุจน์เดินตามชินขึ้นมายังชั้นบน ชินเคาะประตูเรียกลูกสาว
ชิน : นัน...หลับแล้วหรือยังลูกเปิดประตูให้พ่อหน่อย
***นันดามาเปิดประตูให้พ่อแต่คนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือเหมรุจน์
***เธอตจะปิดประตูแต่ชินรีบบอก
ชิน : เดี๋ยวยายนัน รุจน์เขามาหา
เหมรุจน์ : ขอบคุณครับคุณพ่อ
***เหมรุจน์หันไปขอบคุณพ่อตาแล้วรีบผลักประตูแทรกตัวเข้ามาในห้อง นันดาตาเขียวปัดอย่างเอาเรื่อง
นันดา : นายมาทำไม ที่นี่บ้านของฉันนะ
เหมรุจน์ : ที่โน่นก็บ้านคุณ
นันดา : นี่นายตามาหาเรื่องฉันถึงที่นี่เลยหรือไง
เหมรุจน์ : ไม่เอาน่า
คุณก็รู้ว่าผมตามคุณมาทำไม
ตั้งแต่เมื่อคืนเรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลย
นันดา : ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย
นอกจากเรื่องหย่าฉันขอหย่า
เหมรุจน์ : ไม่
นันดา : นายเหมรุจน์ นายก็ได้สมใจแล้วจะรั้งฉันไว้ทำไม ฉันเกลียดนาย
และจะไม่ทนอยู่กับนายเด็ดขาด
เหมรุจน์ : ก็เพราะผมได้คุณแล้วน่ะสิ
ถึงไม่ยอมหย่าข้าวเพิ่งสุกใหม่ปลายังเนื้อมัน
ถ้าผมหย่าผมก็โง่น่ะซิ ที่ผ่านมาโง่ให้คุณหลอกซะตั้งนาน คุณรู้ไหมผมอยากเขกหัวตัวเองกี่สิบครั้ง คุณน่ะเก่งเก่งมาก
เหมรุจน์เดินเข้าหา
นันดาวิ่งไปคว้าไม้เบสบอลที่มุมห้องร้องตวาดห้าม
นันดา : นายอย่าคิดมาแตะต้องตัวฉันอีกนะ
ฉันฟาดหน้าแหกจริงจริง
เหมรุจน์ : ผมก็รู้ว่าคุณกล้าฟาดผม แต่ผมมันคนแปลก ยิ่งห้ามยิ่งชอบ
***เหมรุจน์พุ่งเข้าหานันดา นันดาจึงฟาดไม้เบสบอลไปที่หัวของเขาอย่างสุดแรง เข้าที่ทัดดอกไม้ของเหมรุจน์อย่างเหมาะเหมง ร่างของเหมรุจน์เซถลาและฟุบลงแน่นิ่งเลือดไหลทะลักจากบาดแผลที่แตกฉกรรจ์ นันดาตกตะลึง
เธอจ้องมองร่างที่นอนนิ่งแล้วโยนไม้เบสบอลทิ้งก่อนจะหันหลังวิ่งไปเปิดประตู แล้ววิ่งไปทุกประตูห้องของพ่อแม่อย่างตกใจ
นันดา : พ่อๆๆ แม่ๆๆ โครมๆๆ
ชิน :อะไรกันยายนัน
***ชินเปิดประตูออกมายายนันโผลกอดพ่อ ร้องไห้ตัวสั่นเทา แก้วตาถามลูกอย่างตกใจ
แก้วตา : ยายนันเป็นอะไรลูก
นายรุจน์เขาทำอะไรลูกหาบอกแม่ซิบอกแม่
นันดา : เขาตายแล้วแม่ เขาตายแล้ว
ชิน : อะไรใครตาย
***ชินตาเหลือกรีบถามลูกสาว
นันดา : นายรุจน์ค่ะพ่อ นายรุจน์ตาย ตายแล้ว
ชิน : ยายนันพูดอะไร
***นันดาร้องไห้โฮตัวสั่นเทา ชินถามแต่นันดาเอาแต่ร้องไห้อย่างขวัญเสีย ชินจึงวิ่งไปที่ห้องของนันดา แก้วตากอดลูกสาวพยายามปลอบ
แก้วตา : นันใจเย็นๆนะ ใจเย็นๆแก้วบอกแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น
***ชินวิ่งกลับมาที่แก้วตาในมือเขาเลือดแดงฉาน แก้วตาตาเหลือก
แก้วตา : ว๊ายตายแล้ว
นั่นมันเลือด
ชิน : ก็เลือดน่ะสิ
นันนายรุจน์เป็นอะไรทำไมถึงได้จมกองเลือดแบบนั้น
แม่แก้วไปตามเจ้าหนุนมาเร็วเอารุจน์ไปส่งโรงพยาบาลก่อน
แก้วตา : รุจน์ทำไมคะคุณ
ชิน : ไม่รู้หัวแตกนอนสลบอยู่
เอาไปส่งโรงพยาบาลก่อนเร็ว
***เหมรุจน์ถูกนำโรงพยาบาลท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำอย่างหนัก นันดาเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว แก้วตาพยายามปลอบถามลูก
แก้วตา : นัน
บอกแม่มาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หนูทำรุจน์เขาใช่ไหม
***นันดาพยักหน้ารับสะอื้นอีก
แก้วตา : หนูเอาอะไรตีเขาถึงได้หลบแน่นิ่งไปอย่างนั้น
นันดา : ไม้เบสบอลค่ะแม่
แก้วตา : ตายแล้ว
หนูเอาไม้นั้นตีเขา รู้ไหมมันถึงตายได้นะ
นันดา : นันไม่รู้ เขาจะเข้ามาหานัน นันเลยฟาดไปเต็มเหนี่ยว
แก้วตา : แปลฉกรรจ์อย่างนั้นไม่รู้จะเป็นยังไงมั่ง โธ่เอ้ยลูก
ไม่น่าเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น