พริกกะเกลือ
ตอนที่ 1
โบราณเขาว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ที่อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้นี่ต้องเป็นเสือตัวผู้ทั้งคู่ หรือเสือตัวเมียทั้งคู่นะ ถ้าอย่างละตัวต้องอยู่ถ้ำเดียวกัน ที่ว่านี่คือเสือ แต่นี่จะเปรียบเป็นคนก็คือ นักเลงใหญ่จะอยู่ถิ่นเดียวกันไม่ได้ใหญ่ต่อใหญ่ใครก็อยากจะเหนือกว่า แต่ตำบลมะขามหักมีเจ้าพ่อสองคนอยู่ในตำบลเดียวกันใหญ่ด้วยกัน ทั้งคู่แสบด้วยกันทั้งคู่ที่อยู่ด้วยกันได้เพราะอดีตเคยเป็น เพื่อนรักกันกินด้วยกันเที่ยวด้วยกันสุดท้ายลงเอยที่รักผู้หญิงคนเดียวกัน ปัญหาเกิดขึ้นตรงที่ว่า ผู้หญิงน่ะเขารักแค่คนเดียวมันจึงมีผู้ชนะและผู้แพ้เกิดขึ้นผู้ชนะคือเจ้าพ่อชินได้คนงามนามแก้วตา ไปครอบครองผู้แพ้คือเจ้าพ่อเสริมหรือเสริมศักดิ์ในภายหลังต้องอกหักร้องเพลงผู้แพ้รักอยู่คนเดียวความเป็นเพื่อนรักเริ่มมีรอยร้าวลึกๆเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เสริมเมื่อแพ้ชายชาตินักเลงก็ยอมเป็นผู้แพ้แต่มีข้อแม้ว่าลูกสาวของชินไม่ว่าจะเป็นลำดับที่เท่าไหร่คนหนึ่งต้องแต่งงานกับลูกชายของเขา ในวันข้างหน้าแต่ถ้าเขาไม่มีลูกชายก็แล้วกันไป สำหรับชินรู้ว่าเพื่อนเสียใจมากที่เป็นผู้แพ้เขาจึง ยอมตกลงให้คำมั่นสัญญากับเพื่อนตามที่เพื่อนขอโดยไม่คิดว่าวันข้างหน้าปัญหามันจะมีมากแค่ ไหน เสริมเมื่อพลาดรักจากแก้วตาเขาก็ไปสู่ขอคุณครูสาวที่มาสอนในโรงเรียนใกล้บ้านชื่อว่าครู “กัลยา” วันเวลาผ่านไปชินกับแก้วตาได้ลูกชายคนแรกตั้งชื่อให้ว่า “นุดล” ส่วนเสริมก็ได้ลูกชายคนแรกเช่นกันชื่อว่า “เหมรุจน์” หลังจากที่กัลยาคลอดลูกชายได้ไม่นานเธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่าเสริมจึงกลายเป็นพ่อหม้ายนับตั้งแต่บัดนั้น สำหรับชินอีก
3 ปีต่อมา เขาก็ได้ลูกสาวอีกหนึ่งคนชื่อว่า “นันดา” หน้าตาน่ารักสะสวยเหมือนแม่ ชินเริ่มหวงลูกสาว เมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนเมื่อหลายปีเขาจึงส่งนันดาไปอยู่ที่กรุงเทพ
เมื่อเด็กหญิงอายุได้แปดขวบ แม้จะอยู่ตำบลเดียวกันแต่ทั้งชินและเสริมต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหา กินจึงแทบไม่มีโอกาสได้พบปะหรือไปมาหาสู่กันเท่าไหร่ชินร่ำรวยจากการเป็นพ่อค้าขายส่งสุรา และข้าวสารเป็นเศรษฐีร่ำรวยติดอันดับคนรวยของอำเภอ ส่วนเสริมที่เปลี่ยนชื่อเป็นเสริมศักดิ์ ร่ำรวยจากเป็นเจ้ามือหวยเถื่อนและมีกิจการรถโดยสารวิ่งระหว่างอำเภอหลายสิบคันเสริมมีลูกชาย คนเดียวจึงตามใจสุดๆเขาส่งเหมรุจน์ไปเรียนที่กรุงเทพฯ ในระดับมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับนุดลที่ ไปเรียนในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ นุดลเรียนเป็นหมอฟันหรือทันตแพทย์ในขณะที่เหมรุจน์เรียน เกษตรแม้เสริมจะไม่ชอบที่เหมรุจน์เรียนเกษตรแต่เพราะรักและตามใจจึงไม่ว่าอะไรลูกอยากเรียน อะไรก็เรียนไปนิสัยเหมรุจน์ออกจะนักเลงและเจ้าชู้ชายหนุ่มควงผู้หญิงกลับมาเยี่ยมบ้านไม่เคยซ้ำ หน้าแต่ละอนงค์นางสวยระดับนางงามทั้งนั้นผิดกับนุดลที่เงียบๆเรียบร้อยเวลาปิดเทอมและกลับมาบ้านเขาจะช่วยพ่อแม่ค้าขายไม่เที่ยวเตร่ไปไหนทั้งสิ้น นุดลกับเหมรุจน์รู้จักกันแต่ไม่ได้คบกันเป็น เพื่อนเหมรุจน์ไม่ค่อยชอบคบคนคงแก่เรียนสำหรับนันดายิ่งโตเธอก็ยิ่งสะสวยเหลือเกิน นันดามีนิสัยนิ่งๆคล้ายนุดล วันเวลาผ่านไปทั้งเหมรุจน์และนุดลต่างก็เรียนจบและกลับมาอยู่บ้าน นุดลเปิดคลินิกรับทำฟัน ส่วนเหมรุจน์เสริมยกที่ดินสองร้อยไร่ให้ลูกชายปลูกส้มเขียวหวานและ องุ่นไวน์โดยใช้วิชาเกษตรที่เขาร่ำเรียนมาจัดการกับที่ดินของเขา เหมรุจน์พาผู้หญิงจากกรุงเทพมาอยู่กินเป็นผัวเมียด้วยหนึ่งคนโดยไม่จัดพิธีแต่งงานแต่อย่างใดเมียของเหมรุจน์ชื่อ
“ปาริตา” สวยเซ็กซี่อย่าบอกใครเหมรุจน์มีเมียคนที่ดีใจและโล่งใจที่สุดคือชินเพราะสัญญาของเขากับเสริม จะได้หมดสิ้นกันไปดังนั้นเมื่อปิดเทอมของลูกสาวจึงไปรับนันดากลับมาเที่ยวบ้าน
***ที่บ้านของเสริมศักดิ์เวลาเช้า
เสริม : สำเนียงเธอเป็นแม่บ้านพาสาอะไรห๊ะถึงปล่อยให้โต๊ะรับแขกคลั่กไปด้วยขวดเหล้าแก้วเหล้าแบบนี้
สำเนียง : นายขาเมื่อคืนฉันเข้านอนตอนตีสามเลยนะคะแต่คุณรุจน์เธอยังไม่ยอมขึ้นนอนฉันทนง่วงไม่ไหวเลยขึ้นนอนก่อนว่าจะลุกขึ้นมาเก็บทำตอนเช้ามืดแต่นายก็ตื่นขึ้นมาซะก่อน
เสริม : แล้วเจ้ารุจน์มันเป็นอะไรของมันถึงกินเหล้าจนตีสองตีสาม
สำเนียง : ไม่ทราบค่ะนั่งดื่มอยู่คนเดียวสงสัยจะทะเลาะกับคุณปา
เสริม : ทะเลาะกับเมียอีกแล้วเร๊อะว๊ะสามวันดีสี่วันง้อทำไมมันไม่เลิกๆกันไปซะให้หมดเรื่องว๊ะ
สำเนียง : อ้าวท่านไหงพูดอย่างงั้นล่ะคะคุณปาเธอได้ยินขึ้นมาไม่เสียใจแย่เหรอคะ
เสริม : เสียใจก็มันหง๋องแหง๋งกันมาตลอดแล้วจะมาทนอยู่ด้วยกันทำห่าอะไร
สำเนียง : ก็เมื่อวานคุณรุจน์คุยโทรศัพท์กับสาวไหนก็ไม่รู้เสียงหวานจ๋อย คุณปาเอเข้ามาได้ยินเข้าเธอก็โกรธน่ะสิคะ
เสริม : โกรธทำไมเขาก็คุยกับเพื่อนกับฝูงมั่งหึงไม่เข้าท่าน่ารำคาญ
***เสริมบ่นลูกสะใภ้สำเนียงแม่บ้านถึงกับแอบค้อนที่เสริมเอาแต่เข้าข้างลูกชายตัวเอง
***สำเนียงเก็บกวาดทำความสะอาดห้องที่เหมรุจน์ทำเกลื่อนไว้ปาริตาเดินลงมาจากชั้นบนเธอแต่งตัวเหมือนเตรียมจะออกไปข้างนอก
สำเนียง : คุณปา แต่งตัวสวยแต่เช้าจะไปไหนคะ
ปาริตา : ไปกรุงเทพ ฝากบอกรุจน์ด้วยนะว่าปาจะกลับบ้าน
ปาจะไม่กลับมาเองถ้าเขาไม่ไปรับปา กลับ
สำเสียง : จะดีเหรอคะคุณปา รอบอกคุณรุจน์เธอก่อนดีกว่านะคะ
ปาริตา : ไม่
***ปาริตาเดินออกไปหล่อนมั่นใจว่าเหมรุจน์จะต้องไปตามง้อหล่อน เพราะเขาเป็นคนผิดที่ทะเลาะกันเมื่อวาน
สำเนียงมองตามหญิงสาวไปแล้วถอนใจอย่างกลุ้มแทน
สำเนียง : หาเรื่องแล้วแล้วไหมล่ะคุณปา คุณรุจน์น่ะหรือจะตามไปง้อรับกลับกลัวจะพาคนอื่นเข้ามาอยู่แทนคุณซะน่ะซี่
***คราวนี้เหทรุจน์ตื่นลงมาเกือบเที่ยงเขาไม่ถามหาปาริตาสักคำจนแม่สำเนียงเป็นฝ่ายบอกเอง
สำเนียง : คุณรุจน์คะ
เหมรุจน์ : มีอะไรเหรอป้า
สำเนียง : คุณปาเธอกลับกรุงเทพไปแล้วนะคะ
เหมรุจน์ :
ไปเมื่อไหร่ล่ะ
สำเนียง :
เมื่อเช้านี้ค่ะ เธอบอกว่าให้คุณรุจน์ไปรับเธอด้วย
เหมรุจน์ : เหรอ อืมม์
สำเนียง : แล้วคุณรุจน์จะไปรับเธอเมื่อไหร่ล่ะคะ
เหมรุจน์ : ไม่
เดี๋ยวเขาก็กลับมาเอง ป้า
สำเนียง : ค่ะ
เหมรุจน์ : ช่วยไปบอกไอ้จ้อยเอารถปิคอัพมาจอดให้ที่หน้าตึกด้วยผมจะไปขนปุ๋ยในเมือง
***เหมรุจน์สั่งงานโดยม่าพูดถึงปาริตาอีกสำเนียงได้แต่แอบถอนใจ
***ที่ร้านขายปุ๋ย
สุดาดวงลูกสาวเจ้าของร้านกำลังนั่งขายของอยู่ในร้านรถของเหมรุจน์ขับเข้ามาจอดหน้าร้าน เมื่อเขาเปิดประตูรถลงมาสุดาดวงรีบออกมาต้อนรับ
ลูกค้ารูปหล่อ
สุดาดวง : คุณรุจน์มารับปุ๋ยเองเลยนะคะ ดวงคิดว่าคุณรุจน์จะใช้ลูกน้องมาเอาซะอีก
เหมรุจน์ : ถ้าลูกน้องผมมาคุณดวงจะดีกว่านี้ใช่ไหมล่ะครับ
สุดาดวง : แหม
อะไรจะปานนั้น
*** สุดาดวงค้อนอย่างน่ารัก เหมรุจน์ยิ้มพราย
เขาเริ่มถูกใจแม่ค้าสาวแก้มแดงคนนี้เข้าแล้ว
เห็นทีการค้าขายระหว่างเขากับหล่อนคงจะยาวไกลแน่นอน
***ที่คลินิกทันตแพทย์นุดล
คนไข้คนสุดท้ายออกไปจากร้านแล้วคุณหมอกำลังเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด
นันดา : โอ้ย...ปวดๆๆๆๆ ปวดจะตายอยู่แล้ว
***เสียงร้องครางอยู่ด้านนอก
หมอรีบวางอุปกรณ์และออกมา เพราะคิดว่าคนไข้มาให้ถอนฟัน
แต่พอเปิดประตูออกมานุดลถึงกับฉุน
นุดล : ยายนันที่แท้เธอนี่เอง ฟันเป็นอะไรหืมม์จะถอนหมดปากไหม
นันดา : แหมใจคอจะถอนฟันนันให้หมดปาก แล้วนันจะเคี้ยวข้าวยังไงละคะ
นุดล : ใช้เครื่องปั่นแล้วหยอดทางสายยางเอา
นันดา : แหวะนั้นน่ะคนไข้โคม่าใกล้ตายแล้วนะคะ
นุดล : มาทำไมล่ะเรา
นันดา : แน๊ ก็มาดูคนหมอเอาฟันคนออกจากปากน่ะซี่ ไม่เห็นมีคนไข้เลย
หรือจับถอนจนหมดแล้ว
นุดล : ไม่มีอะไรเพิ่งหมดไปเมื่อครู่นี้เอง
เรามาก็ดีเดี๋ยวไปกินข้าวกับพี่ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงแล้ว
นันดา : ห๊า !!! ตั้งแต่เที่ยง
นี่สี่โมงเย็นแล้วนะคะเดี๋ยวได้เป็นลมตายคาปากคนไข้
นุดล : นั้นนะสิพี่หิวจนแสบท้องแล้ว นันขับรถให้พี่นะเราไปกินกุ้งเผากันดีกว่า
นันดา : พี่ดุลเลี้ยงนะ
นุดล : แน่นอนอยู่แล้ว เค็มอย่างเราพี่ไม่หวังจะได้กินหรอก
นันดา : แหม มาว่านันเค็ม
นันยังไม่มีงานทำจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงพี่ดลล่ะคะ
นุดล : จ่ะ แม่คนจน ไปรีบไปเถอะ พี่น่ะหิวจนกินช้างได้แล้ว
***ที่ร้านอาหารนุลดลกับนันดาเดินเข้ามาในร้าน
สายตาแทบทุกคู่มองหนุ่มสาวอย่างสนใจ
ชายหนุ่มนั้นทุกคนพอจะรู้จักว่าคือคุณหมอนุดล
หมอฟันลูกชายของเสี่ยชิน แต่สาวสวยหุ่นนางงามสิ ทุกคนไม่เคยเห็นจึงคิดว่าเป็นแฟนของหมอนุดลโดยเฉพาะเหมรุจน์กับสุดาดวงนั่งกินอาหารอยู่ก่อนทั้งสองพูดถึงผู้ที่กำลังเดินไปนั่งที่โต๊ะ
สุดาดวง : คุณเหมรุจน์คะวันนี้หมอดลควงแฟนมาทานอาหารเลยนะคะ
***เหมรุจน์หันมอง
สุดาดวง : แฟนหมอดลนี่สวยใช้ได้เลยนะคะ ดูสมกันจัง
เหมรุจน์ : ใช่ครับสวย แต่คนที่นั่งอยู่หน้าผมน่ารักกว่าเยอะ
**เหมรุจน์ปากหวานเล่นเอาสุดาดวงแก้มแดงระเรื่อทำท่าเขินขึ้นมาทันที
สุดาดวง : อะไรกันคะ ชมกันต่อหน้าอย่างนี้ดวงคงกินอะไรไม่ลงแน่
เหมรุจน์ : ก็ผมพูดจริงๆคุณน่ะน่ารักมีเสน่ห์ อยู่ใกล้ๆแล้วรู้สึกดีจัง
สุดาดวง : ดวงเชื่อแล้วหล่ะ ว่าคุณรุจน์น่ะเจ้าชู้ นี่ขนาดมีเมียอยู่ที่บ้านยังมาชมผู้หญิงอื่นว่าน่ารักมีเสน่ห์ได้
ดวงน่ะไม่หลงคารมคุณหรอกค่ะ
เหมรุจน์ : อ้าว ผมพูดจริงๆ
กลับว่าผมเจ้าชู้ใช้คมรมซะนี่แบบนี้ผมไม่พูดความจริงดีกว่า
***เหมรุจน์พูดแล้วทำท่าน้อยใจ
สุดาดวงหัวเราะอย่างชอบใจ
***ที่โต๊ะของนุดลสองพี่น้องเชื่อกันเลือกรายการอาหาร
นันดา : กุ้งเผา...ต้มยำกุ้ง...ยำกุ้งแก้ว...กุ้งอบวุ้นเส้น
นุดล : นี่ยายนันใจคอเราจะกินแต่กุ้งหรือไง หืมม์ ไม่เอาอย่างอื่นมั่งเลยหรือไง
***พี่ชายว่าเพราะน้องสาวเล่นสั่งแต่รายการกุ้ง
นันดา : ก็นันอยากกินนี่คะ
พี่ดลอยากกินอะไรก็สั่งเอาซิคะ
นุดล : สั่งหลายๆอย่างมันจะกินไม่หมดน่ะซิ๊
เรามากินกันแค่สองคนนะ
นันดา : ก็ไหนพี่ดลหิว
หิวก็ต้องสั่งเยอะๆสิคะ
นุดล :
หิวก็จริงแต่ถ้ามันเยอะพี่ก็กินไม่หมดเราสั่งเยอะหลายอย่างรับผิดชอบเองนะถ้าของเหลือ
นันดา : แน่นอนอยู่แล้วน้องขอกุ้งมะนาวเพิ่มอีกที่นะคะ
นุดล : ยายนัน
***นันดายักคิ้วหมอนุดลถึงกับส่ายหน้าหมอมองเลยไปที่โต๊ะของเหมรุจน์
ฝ่ายโน้นยกแก้วเบียร์ชูทักทายเขาจึงยิ้มให้
นันดาเห็นว่าพี่ชายยิ้มให้ใครจึงหันมองแล้วหันมาหาพี่ชาย
นันดา : ใครคะพี่ดล
นุดล : นายรุจน์
นันดา : เพื่อนพี่เหรอ
นุดล : ไม่ถึงกับเป็นเพื่อนหรอกแค่รู้จักกันเท่านั้นลูกชายเสี่ยเสริมไง
นันดา : เสี่ยเสริมเพื่อนของพ่อเราน่ะเหรอ
นุดล : นั่นแหละนันก็จำแม่นนี่
***อาหารเริ่มทยอยออกมาหมอนุดลกับนันดากินอาหารกันแต่ไม่หมดคุณหมอจึงว่าน้องสาว
นุดล : เป็นยังไงเหลือทุกอย่างกุ้งทั้งนั้นกินให้หมดนะของแพง
นันดา : ไม่ไหวแล้วพี่จ๋านันท้องจะแตกเหลือก็ชั่งมันเถอะนะ
นุดล : พูดไม่เหมือนตอนสั่งเลยนะเราจับบิดจมูกซะดีมั้ยนี่
นันดา : ตายสิคะแต่ถ้าพี่ดลใจดำทำน้องผู้น่าสงสารได้ลงคอก็เอาเถอะค่ะนันยอม
***สาวสวยทำตาเศร้าน่าสงสารพี่ชายจึงได้แต่ส่ายหน้าเมื่อเช็คบิลเสร็จทั้งคู่ก็ลุกออกจากโต๊ะนันดากอดแขนพี่ชายประจบ
นันดา : พี่ดลจ๋านี่ยังไม่มืดพานันไปซื้อของในเมืองก่อนนะ นะพี่นะ
นุดล : จะซื้ออะไรบอกมาก่อน
นันดา : หนังสือค่ะนันอยากซื้อนิตยสารมาอ่านเล่นซักสองสามเล่มที่นี่ไม่มีขายมีแต่หนังสือธรรมดา
นุดล : ก็ได้แต่นันขับรถเองนะพี่ล้าๆไม่ค่อยอยากขับรถ
***นันดาเดินกอดแขนพี่ชายมาจนถึงรถเหมรุจน์ยืนรอสุดาดวงที่ไปเข้าห้องน้ำอยู่ที่รถของเขาเห็นหมอนุดลกับสาวสวยเดินกอดแขนกันมาจึงทัก
เหมรุจน์ : จะกลับแล้วเหรอหมอ
นุดล : ครับ
เหมรุจน์ : หมอจะไม่แนะนำให้ผมได้รู้จักแฟนของหมอบ้างเหรอครับ
นุดล : อ๋อไม่ใช่ นั่นน้องสาวของผมเอง
นันดา นันรู้จักกับรุจน์เพื่อนพี่
เหมรุจน์ : ตายจริงผมต้องขอโทษด้วยคิดว่าแฟนหมอ
***นันดายกมือไหว้นึกฉุนในใจมองยังไงว่าเธอเป็นแฟนกับพี่ชาย
นุดล : ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับ
***เหมรุจน์มองนันดาเขายิ้มพลายแต่นันดาหน้าตึงขึ้นมาอย่างไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนี้ สุดาดวงเดินมาถึง นุดลเลยขอตัวกับเหมรุจน์
นุดล : ผมขอตัวก่อนนะครับจะพาน้องไปซื้อของในเมือง
เหมรุจน์ : ครับ
***นุดลกับนันดาจึงเดินไปขึ้นรถ สุดาดวงถามเหมรุจน์เมื่อเธอเดินมาถึง
สุดาดวง : คุยอะไรกับคุณหมอคะ
เหมรุจน์ : เปล่าครับแค่ทักทายกันนิดหน่อย
สุดาดวง : แล้วคุรหมอแนะนำให้รู้จักกับแฟนของเขารึเปล่าคะ
เหมรุจน์ : แนะนำแต่ไม่ใช่แฟนของเขาหรอกนั่นน่ะน้องสาวของเขา
สุดาดวง : อ้อเหรอคะน้องสาวแหมดวงคิดว่าหมอควงแฟนมากินข้าวซะอีก สวยจังนะคะน้องสาวของหมอเธอชื่ออะไรคะ
เหมรุจน์ : นันดา
........................................................................................
ตอนที่2
***ปาริตากลับมาอยู่กรุงเทพฯสามวันแล้วเหมรุจน์ไม่เพียงไม่มารับเธอแม้แต่โทรศัพท์มาง้อเขายังไม่ทำ
หญิงสาวกลัดกลุ้มจนต้องไประบายความในใจกับนาถยาเพื่อนของเธอ
ปาริตา : นาถปาจะเลิกกับรุจน์
นาถยา : อะไรกันยายปาพูดเป็นเล่น
ปาริตา : จริงๆ เขาเจ้าชู้และไม่แคร์ความรู้สึกปาเลย
นี่ปามากรุงเทพฯตั้งสามวันจะโทรมาซักครั้งยังไม่มีเขาทำเหมือนปาไม่มีความรู้สึก
นาถยา : เธองอนเขามาหรือเปล่าล่ะ
ปาริตา : ก็มี
เราทะเลาะกัน
เขาทำท่าไปติดผู้หญิงอื่นปาทนไม่ได้ทั้งๆที่มีเราอยู่ทนโท่เขายังไม่ยอมพอ
พอพูดเขาก็หาว่าปาไม่มีเหตุผลหึงไม่เข้าท่า
ถ้าเป็นนาถนาถจะทนได้ไหมมีเราอยู่ในบ้านยังคบกับคนอื่นไม่หยุดเดี๋ยวคนนั้นมาหาเดี๋ยวคนนี้โทรมาตาม
นาถยา : เธอก็รู้นิสัยของเขาดีอยู่ก่อนแล้วนี่นาคุณรุจน์เจ้าชู้ไม่แคร์ใครไหนเธอว่าเธอเอาเขาอยู่ยังไง
ปาริตา : ทีแรกปาก็คิดว่าเขาจะหยุดที่ปา
เขารักปาแต่พออยู่กันไปจึงได้รู้ว่าเขาไม่คิดจะหยุดไม่คิดจะพอแม่พวกนั้นก็เถอะรู้ทั้งรู้ว่ารุจน์มีเมียมันยังไม่สนใจมาหามาหว่านเสน่ห์
นาถยา : เรื่องแบบนี้ทาใครฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก
ถ้าพ่อเจ้าประคุณของเราไม่ร่านไปหาเขาไปงอแงกับเขาใครเขาจะกล้ามาตอแยด้วยฝ่ายเดียว คุณรุจน์น่ะรูปหล่อ ร่ำรวย
ใครๆก็สนใจสิ
บะหมี่สำเร็จรูปซักซองแล้วปรุงกินได้เลย
ถ้าเออยากจะจับเขาให้อยู่กับเราตลอดสงสัยจะยากผู้ชายนิสัยแบบนี้มันเป็นไปจนตายนั่นแหละ
ปาริตา : ปาว่าจะขอเตี่ยไปเมืองนอกซักพักไปให้รู้ใจของเราเองด้วยว่ายังรักและอยากจะอยู่กับเขาต่อไปไหม ถ้าปาตัดเขาได้ปาอาจจะไม่กลับมา
แต่ถ้ายังอยู่เมืองไทยปาคงทนไม่ได้และต้องเป็นฝ่ายไปง้อเขา
เขาก็ยิ่งจะไม่เห็นคุณค่าปาทำอะไรโดยไม่แคร์ความรู้สึกปาอีก
นาถยา : จะดีเหรอ ถ้าเธอไปเมืองนอกเกิดเขามีใครใหม่ทางนี้ล่ะเธอมิแย่เหรอ อยู่ดีๆจะเปิดทางให้เขาสะดวกโง่นะปา
ปาริตา : ถึงปาอยู่เขาก็มี
ดีสิปาจะได้พิสูจน์ใจของเขาด้วยว่ารักเราจริงแค่ไหน
ถ้าเขากล้ามีคนอื่นออกหน้าออกตาปาจะได้ไม่โง่ปักใจกับเขาอีก
นาถยา : ง่ายดีนะปาเขาเป็นผัวเรานะไม่ใช่แค่แฟน
ปล่อยให้เขามีอิสระแล้วถ้าเขามีคนอื่นเราไม่เปลืองตัวฟรีเหรอ
เธอรู้ว่าเขาเจ้าชู้มันต้องอยู่เฝ้าไม่ใช่ปล่อยทิ้งแบบนี้ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้เขาเอง
เขาจะมีข้ออ้างได้ว่าเราต่างหากที่เป็นฝ่ายทิ้งเขาไปก่อน
ปาริตา : นาถไม่ใช่ปาไม่รู้หรอกถึงอยู่กับเขาปาก็ต้องทนเห็นเขาไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นปาไม่อยากจะทน
นาถยา : งั้นก็เลิกกับเขาไปเลย
ไม่ต้องรอให้โอกาสอะไรทั้งนั้นถามเขาให้รู้เรื่องว่ายังรักยังแคร์เราไหม
เราทนไม่ได้ที่เขาทำตัวเสรีมีผู้หญิงอื่นตลอดเราขอเลิก
***ปาริตาร้องไห้ผู้หญิงซื่อๆและอ่อนแออย่างปาริตานาถยาไม่รู้จะแนะนำอย่างไร
ตอนเริ่มรักกับเหมรุจน์นาถยาก็คิดแล้วว่าปาริตาไม่มีทางทันเหมรุจน์หรือมัดใจเหมรุจน์อยู่
ผู้หญิงที่มีแต่ความสวยแต่อ่อนไหวอ่อนแอผู้ชายอย่างเหมรุจน์คบคนได้ไม่นานผู้ชายนิสัยค่อนข้างเกแถมเจ้าชู้อย่างนั้นผู้หญิงอย่างปาริตาก็แค่เมียชั่วคราวให้เขาลิ้มรสความหวานนานวันไปพอความหวานเริ่มจืดมันก็กลายเป็นความเลี่ยนน่าเบื่อถ้าเหมรุจน์รักปาริตาจริงทำไมเขาไม่ตบแต่งยกย่องให้ถูกต้องนี่เอาไปเลี้ยงเป็นเมียแบบไม่ต้องทำอะไรเลย ง่ายซะไม่มี
นาถยาจึงยุให้ปาริตาเลิกกับเหมรุจน์ซะเลย
***เหมรุจน์เตรียมตัวจะออกไปที่ไร่ส้มของเขา เสริมเดินมาหาลูกชาย
เสริม : จะไปไร่เหรอ
เหมรุจน์ : ครับวันนี้จะให้คนงานฉีดยาส้ม
เสริม : นี่เมียเราเขาไปอยู่ไหนหลายวันแล้วบ้านช่องไม่กลับ
เหมรุจน์ : เขาไปหาพ่อแม่ของเขาแหละครับ
เสริม : ทะเลาะกันไปใช่ไหม
เหมรุจน์ : เปล่าครับ
เสริม : เปล่า ช๊ะ ยังจะมาโกหกพ่อ
ถ้าไม่ทะเลาะกันเขาจะไปทีสามสี่วันอย่างนี้เหรอปกติเห็นเขาติดเราแจไปไหนตามตลอด
เหมรุจน์ : ก็แค่เถียงกันนิดหน่อยเท่านั้นแหละ
เสริม : เถียงกันเรื่องอะไรล่ะ
เหมรุจน์ : เรื่องไม่เป็นเรื่อง
เสริม : เรื่องผู้หญิงของเราล่ะสิท่า
หยุดๆมั่งเถอะว่ะพ่อเห็นแกมีผู้หญิงเยอะแล้วเป็นห่วงว่ะ
เหมรุจน์ : ห่วงอะไรกันพ่อ
ผู้หญิงพวกนั้นน่ะเพื่อนๆผมทั้งนั้น
เสริม : เพื่อนอะไรวะเพื่อนนอนหรือว่าเพื่อนกิน
เห็นแกพาเขามานอนค้างคืนด้วยเพื่อนของแกหรือวะนั่น
นี่แหละเมียเขาถึงทนไม่ได้พ่อว่าไปง้อเขาหน่อยเถอะว่ะไปทีหลายๆวันเขาคงรอให้แกไปง้อเขาอยู่นะ
เหมรุจน์ : เขาไปเองเขาก็ต้องกลับมาเองสิพ่อ
เสริม : แล้วถ้าเขาไม่กลับมาเองล่ะ
เหมรุจน์ : ก็เลิกสิพ่อ
ไม่กลับมาก็ขาดกัน จบ
เสริม : วะ ง่ายดีโว้ยผัวเมียสมัยนี้
นึกจะอยู่ด้วยกันก็พากันมานึกจะเลิกกันก็ต่างคนต่างไป เออดีนะที่แกเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงพ่อคงเอากระบุงครอบหัวเดิน
เหมรุจน์ : พ่อก็อย่าหัวโบราณนักสิครับสมัยนี้เขาไม่ทำอะไรให้มันยุ่งยากเหมือนสมัยพ่อแล้ว
เสริม : ไม่ทำให้ยุ่งยากมันก็ได้แค่บางคนเท่านั้นแหละโว้ย มันไม่เสมอไปทุกคนหรอกแก นี่ถ้าแกไม่เจ้าชู้รีบมีเมียซะก่อนพ่อคงหาเมียให้แกแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว
เหมรุจน์ : โอ้ย
ไม่ต้องเลยพ่อไม่ต้องคิดหาเมียให้ผมเลยอย่างผมถ้าถึงขั้นให้พ่อหาเมียให้มีหวังต้องเหมาปลาทั้งเมืองมาทำน้ำยา
เสริม : เออพ่อก็ไม่คิดจะยุ่งกับแกอีกแล้วเพราะขวานอย่างแกมันบิ่นจนขี้เท่อแล้วโว้ย
เหมรุจน์ : พ่อพูดอะไรขวานอะไรบิ่นขี้เท่อ
เสริม : แกน่ะแหละถ้าเปรียบเป็นขวานก็บิ่นขี้เท่อหมดแล้วโว้ยตัดไม้งามไม่ได้แล้ว
เหมรุจน์ : ไม้งามที่ไหนของพ่อที่จะเอาขวานทองอย่างผมไปตัด
เสริม : ถุย
ขวานทองพูดออกมาได้แล้วนี่แกไม่เคยเห็นไม้งามต้นนั้นเลยหรือไงวะหรือว่ามีตาแต่ไม่มีแววเลยมองไม่เห็นไม้สวยไม้งามมัวแต่เข้าป่าตัดอ้อยตัดซางกินง่ายๆ
เหมรุจน์ : โอย
พ่อพูดอะไรถึงใครผมชักเวียนหัว
เสริม : เออเวียนหัวก็ไปไร่ของแกเถอะ
เหมรุจน์ : เดี๋ยวสิพ่อ
พ่อพูดไม่เคลียร์ผมก็ปวดหัวตาย
พ่อพูดถึงใครที่ว่าไม้งามของพ่อ
เสริม : มีก็แล้วกันแกอย่ารู้เลยไป
ไปไร่ไปสวนเถอะเดี๋ยวพ่อก็จะไปที่คิวรถเหมือนกันต้องไปดูซะหน่อยพักนี้รถเสียถี่เหลือเกินสงสัยต้องขายไอ้รถเก่าๆแล้วเปลี่ยนใหม่ซะที
***นันดาขับรถพาแก้วตาแม่ของเธอเอาข้าวไปถวายพระเพลที่วัดแต่เพราะใกล้เวลาพระจะฉันท์ข้าวแล้วหญิงสาวจึงรีบเพื่อให้ทันพระฉันท์เมื่อถึงทางแยกเป็นจังหวะเดียวกับที่เหมรุจน์จะเลี้ยวรถเข้าซอยพอดีปิกอัพทั้งสองคันจึงเฉี่ยวชนกันอย่างจัง แก้วตาร้องอย่างตกใจเมื่อรถปะทะกันดังสนั่น
***โครม!!!!
แก้วตา : ว้าย ตายแล้วยายนัน
***นันดาหน้าโขกกับพวกมาลัยรถเพราะเธอไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยรถของเหมรุจน์ถูกชนจนหน้ารถด้านข้างยุบกระจกแตกกระจายกว่าเขาจะออกมาจากรถได้นันดากับแก้วตาก็ออกมายืนหน้าซีดเผือดอยู่ข้างรถแล้ว
เหมรุจน์ : คุณขับรถประสาอะไร
หา
***เหมรุจน์ว๊ากเมื่อลงมาจากรถได้
รถของเขาเสียหายพอๆกับรถของนันดาที่หน้ารถยุบหม้อน้ำแตกกระจกหน้าแตกเช่นกัน
นันดา : ฉันรีบไม่คิดว่าจะมีรถเลี้ยวเข้ามา
เหมรุจน์ : รีบนี่คุณคงไม่ได้บอกผมหรอกนะว่าจะรีบไปตาย
นันดา : คุณน่ะสิตายฉันจะไปวัดจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณจะพรวดพราดมาตอนนี้
เหมรุจน์ : ใครพรวดพราด
นี่ยังจะมาว่าผมอีกคุณผิดอยู่เห็นๆชนรถผมจนข้างยุบ
แก้วตา : พ่อคุณเราผิดเองจ้ะแต่เรารีบไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดขึ้นเลย
เหมรุจน์ : อ้าวคุณอาหรอกหรือ
***เหมรุจน์เห็นแก้วตาเขาเสียงอ่อนลง
แก้วตา : อย่าว่าน้องเลยนะคะเรารีบกันไปหน่อยเสียหายเท่าไหร่อาจะซ่อมให้นะจ้ะ
เหมรุจน์ : ไม่เป็นไรครับเรากันเองแต่คุณต่อไปขับรถให้ดูรถดูราหน่อยชนแหลกแบบนี้ถึงตายได้นะผมจะเตือน
นันดา : คุณก็ด้วยขับไม่ระวังจะตายได้เหมือนกันนั่นแหละ
เหมรุจน์ : เอ๊ะ
นันดา : ทำไม
แก้วตา : พอๆลูกรถของรุจน์มีประกันหรือเปล่าจ๊ะ
เหมรุจน์ : ไม่มีครับต้องซ่อมเอง
แก้วตา : น้องผิดอาจะรับผิดชอบซ่อมให้ก็แล้วกันนะจ๊ะ
นันดา : แม่เขาบอกเขาจะซ่อมเองก็ชั่งเขาปะไรเราก็ต้องซ่อมรถของเราเหมือนกันนะ
เหมรุจน์ : นี่คุณ
คุณแม่น่ะมีน้ำใจแต่คุณนี่ไม่มีน้ำใจเอาซะเลยนะซ่อมเนี่ยเป็นแสนหรือเปล่าก็ไม่รู้
นันดา : ก็ต่างคนต่างซ่อมก็ดีอยู่แล้ว
***นันดายังไม่วายเค็มเหมรุจน์ชักฉุน
เหมรุจน์ : ซ่อมเองน่ะได้แต่คุณต้องขอโทษผม
นันดา : อ๊ะ
เรื่องอะไรทำไมต้องถึงกับขอโทษด้วยรถชนกันมันอุบัติเหตุไม่ได้แกล้งซะหน่อย
เหมรุจน์ : แต่ผมต้องเสียเงินซ่อมเองไม่ได้อะไรเลยแค่คำขอโทษถ้าให้ไม่ได้คุณก็ซ่อมรถชดใช้ผมก็แล้วกัน
แก้วตา : เอาค่ะๆอาขอโทษนะคะ
เหมรุจน์ : ไม่ครับผมไม่ได้ให้อาขอโทษผมผมให้คนขับโน่นขอโทษ
แก้วตา : นันขอโทษพี่เขาซะนะเราผิดเองที่ชนเขา
***นันดาค้อนเหมรุจน์ตาขาวหล่อนเดินเข้าไปจนใกล้เขาแล้วยกมือไหว้เกือบทิ่มหน้าชายหนุ่ม
นันดา : ขอโทษ
เหมรุจน์ : นี่ขอโทษหรือจะชกหน้าผมกันแน่คุณนันดา
นันดา : นี่จะเอายังไงฉันไหว้ขอโทษคุณแล้วนะหรือจะยักท่ากับฉัน
***หญิงสาวลอยหน้าว่าแล้วจะเดินกลับเหมรุจน์คว้าแขนเธอไว้แล้วพูดเบาๆพอได้ยินแค่สองคน
เหมรุจน์ : นี่ถ้าไม่ติดว่าอาแก้วยืนอยู่ด้วยนะผมจะให้คุณจูบขอโทษผม
นันดา : ไอบ้า
***นันดาด่าแล้วสะบัดมือตบผั๊วะเข้าเต็มแก้มของเหมรุจน์แก้วตาถึงกับตาค้าง
แก้วตา : ยายนัน
ตายแล้ว
***เหมรุจน์เอามือลูบแก้มมองนันดาอย่างคาดไม่ถึง
นันดา : จำเอาไว้นะฉันนันดาจะไม่ให้ใครมาปากเสียสามหาวกับฉัน
***หญิงสาวตวาดรอดไรฟันแก้วตารีบเข้ามาคว้าแขนลูกสาว
แก้วตา : ยายนันเรื่องอะไรไปตบพี่เขา เรานะเรา
เหมรุจน์ : ไม่เป็นอะไรหรอกครับอา คุณนันเขาจะสานความสัมพันธ์กับผม
แก้วตา : สานอะไรถึงกับตบหน้ากัน อาขอโทษแทนน้องด้วยนะคะยายนันทำอย่างงี้ได้ยังไงแม่ไม่ชอบเลยนะเราผิดขับรถชนรถเขาจนเสียหายแล้วยังไปทำร้ายเขาอีก
นันดา : ก็เขาอยากปาก
เหมรุจน์ : ปากอะไร
***เหมรุจน์ถามตาวาว
นันดา : ปากหมาน่ะสิ
แก้วตา : ยายนัน
เอ๊ะ
นี่แม่โมโหแล้วนะทำไมนิสัยแบบนี้
นันดา : แม่คะแม่ตกลงกับเขาเองนะคะ
***นันดาพูดแล้วหันหลังเดินชิ่งกลับบ้านแก้วตารีบเข้ามาขอโทษเหมรุจน์อย่างรู้สึกผิดแทนลูกสาว
........................................................................................
ตอนที่ 3
***เหมรุจน์กลับถึงบ้าน
เสริมรีบเข้ามาถามลูกชายขับรถไปชนกับรถของแก้วตา
เสริม : รุจน์เป็นยังไงบ้างล่ะ
แก้วตาเขาเป็นอะไรมั่งหรือเปล่า
เหมรุจน์ : พ่อ
นี่พ่อห่วงผมหรือห่วงอาแก้วตากันแน่
เสริม : ก็แกพ่อเห็นอยู่นี่ว่าไม่ได้เป็นอะไร
ว่าไงเค้าเป็นอะไรมั่งหรือเปล่าบาดเจ็บกันไหม
เหมรุจน์ : คนน่ะไม่มีใครเจ็บหรอกแต่รถพังทั้งคู่ ของเราน่าจะมากกว่าของเขา
เสริม : แกขับยังไงไปปาดหน้าเขาหรือเปล่า
เหมรุจน์ : อ้าวพ่อทำไมถามอย่างนั้นล่ะ ผมเนี่ยนะจะขับรถปาดหน้าเขา เขาขับเรือยังกะจะเหาะมาไม่ดูซ้ายดูขวาทั้งสิ้น ชนลูกเดียว
เสริม : แล้วใครเป็นคนขับ
เห็นว่าเขามากันแค่สองแม่ลูก
เหมรุจน์ : ครับลูกสาวเขาขับ
เสริม : แล้วนั้นหน้าแกทำไมมันแดงเป็นผื่นยังงั้นวะ หรือว่าโดนกระแทก
***เสริมถามลูกชายเพราะที่แก้มของเหมรุจน์ยังแดงเพราะฤทธิ์มือของนันดา เหมรุจน์ผิดขาวมันจึงแดงได้เห็นถนัดตาแม้จะผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม
ชายหนุ่มถึงกับตาวาวอย่างเจ็บใจที่ถูกนันดาตบหน้า
เหมรุจน์ : ถูกตบ
เสริม : ห๊ะ นี่พ่อไม่มีอารมณ์มาพูดเล่นกะแกนะ
รถก็พังหน้าตาก็แดงมา
ยังจะมามีอารมณ์พูดเล่น
ไม่ได้คาดเค็มขัดนิรภัยหรือไง
หน้าถึงกระแทกเอาได้
แต่มันแดงที่แก้มกระแทกยังไงวะ
เหมรุจน์ : พ่อ
ผมจะไปอาบน้ำอย่าสงสัยอะไรนักเลย
อ้อแล้วผมขอยืมรถของพ่อใช้ก่อนนะระหว่างที่รถผมเข้าอู่ซ่อม
เสริม : เอ้อ แล้วพ่อจะใช้อะไรล่ะ
เหมรุจน์ : พ่อก็ใช้รถเก๋งไปก่อนซิ
ผมน่ะใช้ไม่ได้หรอกรถเก๋งจะบรรทุกข้าวของยังไง ช่วงนี้ต้องขนของไปสวนแทบทุกวัน
เสริม : เออก็ได้
แต่แกห้ามขับรถของพ่อไปชนกับใครอีกนะโว้ยรถไม่มีประกันซ่อมตาย ว่าแต่ที่อู่เขาตีราคาค่าซ่อมไอ้คันนี้เท่าไหร่
เหมรุจน์ : แปดหมื่นกว่าบาท
เสริม : แปดหมื่นเลยเรอะ แล้วใครจ่ายล่ะ
เหมรุจน์ : ผมซิ ใครจะมาจ่ายให้ล่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกพ่อ
แล้วผมจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกนันดาต้องจ่ายให้ผมจนคุ้มเลยเชียวละคอยดู
เสริม : แกพูดยังไงวะ ฟังทะแม่งๆ หูชอบกล
เหมรุจน์ : ก็พูดอย่างที่พ่อได้ยินนั้นแหละ
***เหมรุจน์เดินขึ้นบันไดจะกลับห้อง สวนกับแม่สำเนียง แม่บ้านรีบบอกเรื่องบางอย่างให้เหมรุจน์รู้
สำเนียง : คุณรุจน์คะ
คุณปาโทรมาบอกว่าเธอจะไปอเมริกามะรืนนี้ค่ะ
เหมรุจน์ : เหรอ
***เหมรุจน์รับรู้แล้วเดินขึ้นข้างบน
เขารู้สึกหงุดหงิดที่สุดที่ปาริตาสร้างเรื่องจะให้เขาไปง้อ
เหมรุจน์ : ผู้หญิงนี่เจ้าปัญหาทุกคนรึเปล่านะ เรายุ่งจะตายจะให้ไปง้อถึงไหน
***เหมรุจน์บ่นแล้วเข้าห้องคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ เขายืนถอดเสื้อที่หน้ากระจกในห้องน้ำ มองใบหน้าของตัวเองผื่นแดงยังเป็นรอยเห็นถนัด เอามือลูปแก้มแล้วพูดกับตัวเองอย่างเจ็บใจ
เหมรุจน์ : นันดา
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครมาตบหน้าผม
แล้วคุณจะรู้ว่าผมจะเอาคืนกับคุณแบบไหนถึงจะสาสมที่คุณกล้าทำกับผมคอยดู
***เสี่ยชินนั่งฟังแก้วตาอบรมลูกสาวที่วันนี้ไปตบหน้าเหมรุจน์
แก้วตา : นัน
ลูกไปเอานิสัยนักเลงก้าวร้าวมากจากใคร
หืมม์
ชิน
: นี่คุณแก้วไม่ต้องมามองทางผมเลยนะไม่ใช่แน่ ลูกไม่ได้ติดนิสัยแบบนี้ไปจากผม
แก้วตา : คุณไม่ต้องมากินปูนร้อนท้องเลย ว่าไงบอกแม่มาซิ ทำไมถึงได้นักเลงนัก
นันดา : แม่คะ นันแค่สั่งสอนคนปากเสียเท่านั้น
แก้วตา : แม่ไม่เห็นเขาว่าอะไรลูก เห็นแต่ลูกตบหน้าเขา
เหมรุจน์น่ะเขาเป็นผู้ชายนะแล้วลูกไปตบหน้าเขาแบบนี้ เขาจะคิดยังไง
นันดา : เขาจะคิดยังไง ก็ได้คิดขึ้นมามั่งน่ะซิคะ
ว่าต่อไปคิดจะพูดอะไรกับใครต้องดูคนด้วยไม่ใช่ปากพร่อยพูดไม่คิด
แก้วตา : เขาพูดอะไรไหนบอกแม่มาซิ ลูกถึงต้องตบหน้าเขา
นันดา : เขา...
***นันดาไม่กล้าบอกแม่
นันดา : ก็เขาให้นันขอโทษ
แก้วตา : แค่เนี้ย
เราผิดจริงๆขอโทษเขาแล้วมันจะเป็นอะไร
รถเขาก็ซ่อมเองไม่เรียกร้องอะไรเราซักบาท
แล้วนันก็ยังทำนักเลงใส่เขา แม่น่ะอายเขาจริงๆที่มีลูกสาวเป็นนักเลง
***นันดาหน้าบึ้งหันมองหน้าพ่อ
ชิน : เอาน่ามันแล้วกันไปแล้ว จบๆ
ไปเถอะ
แก้วตา : คุณน่ะพูดง่ายจบ
ถ้าไม่สอนกันมั่งต่อไปฉันกลัวจะไม่แค่ตบเขา จะเอาปืนไปไล่ยิงเขาแล้วจะว่าไง
นันดา : แม่คะ
ถ้าเขาไม่มาหาเรื่องนัน
นันไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด
แก้วตา : เขาจะมาเรื่องอะไรเรา
นี่เขาก็คงกลับไปนั่งเจ็บใจที่ถูกผู้หญิงตบหน้าทั้งๆที่รถก็ถูกชน
***งานแข่งเรือประจำปีของคลองมะขามหัก เสี่ยชินส่งเรือยาวลงแข่งขันด้วย
ในขณะที่เสี่ยเสริมศักดิ์ก็ส่งเรือของตนลงแข่งเหมือนกัน ตอนเย็นๆนันดาจะไปดูฝีพายที่จะลงแข่งซ้อมพายเรือกันที่ท่าน้ำหน้าวัด
และบังเอิญวันนี้เหมรุจน์ก็ไปดูฝีพายของตนซ้อมเช่นกัน ทั้งคู่จึงเจอกันอีกที่ท่าน้ำหน้าวัด นันดาเห็นเหมรุจน์เดินมาที่ศาลาที่เธอนั่งอยู่จึงลุกขึ้นจะกลับ เหมรุจน์เห็นเธอเข้าจึงแขวะ
เหมรุจน์ : ไม่ยักจะรู้ว่านักเลงแห่งคลองมะขามหักก็มาดูเขาซ้อมพายเรือเหมือนกัน
นันดา : แล้วมันหนักที่สวมหมวกของใครไม่ทราบ
***เหมรุจน์มองนันดาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยักไหล่
เหมรุจน์ : แมงป่อง
ระวังเถอะ หางจะด้วน
นันดา : นายว่าใคร
เหมรุจน์ : ว่าคนเก่ง ทำก๋าเป็นแมงป่อง จะบอกให้นะดอกเบี้ยน่ะมันงอกทุกวันทำอะไรไว้ระวังดอกจะท่วมตัว
นันดา : อ๋อ
นายคิดจะเอาดอกกับฉันจะขอเตือนนะคนอย่างฉันไม่มีดอกจะให้ใคร มีแต่ถอนรากถอนโคนไอ้พวกที่คิดจะกินดอกกับฉัน
เหมรุจน์ : เหรอ
ผมกลัวแต่ว่าคุณจะเอาดอกใส่พานแล้วคลานเข้าไปวางให้แทบเท้าผม
นันดา : ฝันไปเถอะ
เหมรุจน์ : ทำไมต้องฝัน
นันดา : เพราไม่ว่าชาติไหนๆ ถ้านายยังตื่น
นายก็จะได้แต่รอให้ฝันยังไงล่ะ ถุย
***นันดาว่าแล้วถุยน้ำลายลงพื้นก่อนจะเดินเฉียดเขาไปอย่างไม่กลัว เหมรุจน์คว้าแขนเธอไว้อย่างรวดเร็ว เขากระชากเธอเข้ามาจนชิดอก นันดาข่วนแควกเข้ามาที่ใบหน้าเขาเต็มเหนี่ยว
เล็บยาวๆของเธอขูดเนื้อของเหมรุจน์จนถลอกเป็นทาง เหมรุจน์เอามือลูบหน้าทั้งแสบแปลบ มองตามนันดาที่วิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปอย่างเร็ว ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
เหมรุจน์ : นันดา
สองครั้งแล้วนะ ที่เธอทำกับฉัน
***และคนที่ถามตอกย้ำความเจ็บใจให้กับเขาก็คือนายเสริมพ่อของเขา
เสริม : รุจน์นั้นหน้าแกไปโดนอะไรมายังกะแมวข่วน
เหมรุจน์ : แมวที่ไหนมันจะมาข่วนหน้าผมล่ะพ่อ
เสริม : อ้าว
ก็เป็นทางยาวสามสี่ทางไม่ใช่แมวแล้วอะไรล่ะ หรือไปโดนเล็บใครข่วนมา สาวคนไหนกล้าข่วนหน้าแกวะ
เหมรุจน์ : ไม่มีใครข่วนหน้าผมทั้งนั้นแหละ
เสริม : แล้วแกไปโดนอะไรมาหน้าลายยังกะหน้าหมา
เหมรุจน์ : กิ่งส้มมันข่วน
***เขาโกหกพ่อแต่ในใจเดือดเป็นที่สุด นันดาทำกับถึงสองครั้งสองครา แค้นนี้ไม่ชำระก็ไม่ใช่ เหมรุจน์แล้ว
เสริม : เดินยังไงให้กิ่งส้มมันข่วนเอาได้
เดี๋ยวก็ได้ตาหูบอดระวังหน่อยสิลูกเอ้ย
ต้นไม้มันมีหนาม
เหมรุจน์ : ครับ
คราวนี้ผมจะระวังส้มต้นนี้ประมาทไม่ได้
เสริม : เอ้อ แม่สำเนียงเขาบอกว่าวันนี้เมียแกเขาจะบินไปอเมริกาแกรู้รึเปล่า
เหมรุจน์ : รู้ครับ
เสริม : อ้าวรู้แล้วทำไมไม่ไปส่งเขาล่ะ
แล้วเขาไปนานหรือเปล่า
เห็นว่าญาติๆของเขาอยู่ที่โน่นหลายคนนี่
เหมรุจน์ : ทำไมต้องไปส่งผมว่างซะที่ไหนช่วงนี้ เขาอยากจะไปไหนทำอะไรช่างเขาเถอะ
เสริม : แกพูดเหมือนไม่รักไม่ห่วงเขา
หรือว่าคิดจะเลิกกันอีก
เหมรุจน์ : มันก็คงจะเป็นแบบนั้นแหละพ่อ
กับคนที่ไม่มีเหตุผลพูดไม่รู้เรื่องคงทนอยู่กันไปไม่ได้
เสริม : แกไม่รักเขาเลยใช่ไหมล่ะ
เหมรุจน์ : ผมชอบเขานะตอนแรก
เสริม : แค่ชอบ แล้วเอาเขามาเป็นเมีย ตอนนี้เลิกชอบเลยคิดเลิกกัน
เหมรุจน์ : พ่อก็ดูสิ อยู่ๆ หนีไปกรุงเทพ แล้วก็ไปอเมริกาอีก พ่อจะให้ผมตามไปง้อเขาถึงอเมริกาหรือไง
เสริม : ก็ถ้าแกรักเขา เขาไปถึงไหนแกก็ต้องตามเขาไปได้
เหมรุจน์ : ผมไม่ตามและไม่คิดจะตาม
เสริม : เออว่ะ
นิสัยแกแบบนี้พ่อล่ะโล่งอกที่ไม่ไปขอเมียให้แก
ไม่เช่นนั้นป่านี้พ่อคงถูกไอเจ้าชินมาตามมาเชือดถึงบ้าน
เหมรุจน์ : อาชิน
เกี่ยวอะไรกับอาชินด้วยละพ่อ
เสริม : เกี่ยวสิวะ ก็พ่อเคยตกลงกับเจ้าชินไว้ว่า
“เมื่อแกโตลูกสาวเขาโตจะให้แกกับลูกสาวเขาแต่งงานกัน”
เหมรุจน์ : จริงหรือพ่อ
เสริม : ก็จริงน่ะสิ สัญญาเนี่ย
เราทำกันสามคน มีพ่อมีเจ้าชินและแม่แก้วตาตกลงกันไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ
เหมรุจน์ : แล้วงพ่อไปยกเลิกสัญญากับเขาหรือยัง
เสริม : ยัง แกถามทำไม ไม่ต้องหาทางปฏิเสธหรอก พ่อไม่กล้าไม่ทวงสัญญาเขาแล้วแกมันมีเมียคากะเอวอยู่แบบนี้
ขืนพ่อไปพูดไอ้เจ้าชินมันได้เอาปืนไล่ยิงวิ่งไม่ทัน
เหมรุจน์ : แล้วถ้าผมไม่มีเมียพ่อจะกล้าไปขอเขาไหม
เสริม : ก็กล้าซิ๊
แล้วมันก็ไม่กล้าปฏิเสธด้วย สัญญาลูกผู้ชายมันมีความหลังคาใจกันอยู่ ยังไงมันก็ต้องให้
***เหมรุจน์เงียบเขากำลังคิดว่ามันจะคุ้มไหมถ้าจะเอาชนะผู้หญิงอย่างนันดา
***และแล้ววันแข่งเรือก็มาถึง
ผู้คนจากต่างตำบลมาดูการแข่งเรือกันจนสองฝั่งคลองครึกครื้น
เรือยาวจากหลาย
หมู่บ้านลงมาแข่งกันชนิดคนดูเฮได้ไม่หยุด และก็มาถึงเรือคู่สำคัญระหว่างเรือของเสี่ยชินกับเรือของเสี่ยเสริมศักดิ์
นันดายืนเชียร์เรือของเธออยู่กับกลุ่มของหมอนุดลและเสี่ยชิน
ส่วนเหมรุจน์อยู่ในกลุ่มของเสี่ยเสริมโดยมีสุดาดวงมาช่วยเชียร์ด้วย
พอเรือเริ่มออกจากเส้นเสียงโห่เชียร์กันดังลั่นทั่วสองฝั่งคลอง นันดาตะโกนเชียร์สุดใจ
ในขณะที่สุดาดวงก็เชียร์เรือฝ่ายเหมรุจน์เต็มที่ผลออกมารอบแรกเรือของเสี่ยชินถึงเส้นชัยก่อน นันดามองเหมรุจน์อย่างเยาะเย้ย
เหมรุจน์ลงไปบอกฝีพายของเขาว่าครั้งที่สองนี้แพ้ไม่ได้แล้วเพราะถ้าแพ้ก็แพ้เลยเสียแชมป์
เหมรุจน์ : เต็มที่นะพวกเอ็ง
ฝีพาย : ครับนายเต็มที่
***เรือเริ่มที่จุดออกเรือใหม่ พอธงสะบัดเรือทั้งสองลำก็พุ่งออกไปข้างหน้าเต็มเหยียดและนันดากับพวกฝ่ายของเสี่ยชินก็กระโดดกันจนตัวลอยเมื่อเรือของเธอเข้าเส้นชัยก่อนคว้าแชมป์ของปีนี้ไปครองสมใจ ลูกน้องของเสี่ยชินรำกันอย่างสนุกสนานหน้าบาน เหมรุจน์พาสุดาดวงเดินมาที่กลุ่มของเสี่ยชิน
เหมรุจน์ : ยินดีด้วยนะครับอาที่ปีนี้ฝ่ายอาได้แชมป์
ชิน : แหมมันมีฝีมือว่ะไอ้หลาน
หวังเอาไว้อยู่แล้วว่าปีนี้จะคว้าแชมป์มันสมความคาดหมายดีจริงๆ
***เสี่ยชินโม้ เหมรุจน์มองนันดา
เหมรุจน์ : คงได้แม่ย่านางเชียร์ดีปีนี้ฝีพายเลยฮึกเหิมเอาชนะได้
***เหมรุจน์พูดนันดาจึงพูดสอน
นันดา : คนเชียร์ดี ฝีพายเยี่ยม ยังไงก็ชนะ
ฉันบอกแล้วไงสำหรับฉันไม่มีแพ้
โดยเฉพาะกับนายแพ้ไม่เป็น
แก้วตา : นันพูดอะไรน่าเกลียด
***แก้วตาปรามลูกสาว
เหมรุจน์ : ไม่เป็นไรครับอาให้คุณนันเขาแสดงความดีใจให้เต็มที่ แต่อย่างลืมนะครับคนที่ชนะทีหลังน่ะ หัวเราะได้นานกว่า
***เหมรุจน์เดินกลับไปยังกลุ่มของเขา นันดาเบ้ปากใส่อย่างไม่แคร์และร่วมยินดีกับกลุ่มของเธออย่างเต็มที่
........................................................................................
ตอนที่ 4
***เหมรุจน์ขับรถไปส่งสุดาดวงระหว่างทางเขานั่งเงียบเพราะคิดแค้นนันดาจนสุดาดวงถาม
สุดาดวง : คุณรุจน์คะ เป็นอะไรหรือเปล่า
เหมรุจน์ : เปล่านิ ทำไมคิดว่าผมเป็นอะไรล่ะ
สุดาดวง : ก็ดวงเห็นคุณรุจน์นิ่งเงียบและดูสีหน้าเครียดๆคงไม่ได้เครียดเพราะเรือของเราแพ้หรอกนะคะ
เหมรุจน์ : เปล่า โถ่กีฬามันก็ต้องมีแพ้มีชนะฝ่ายโน้นเขาเก่งกว่าเขาชนะก็ไม่เห็นเป็นไรผมไม่ติดใจเลยด้วยซ้ำ
สุดาดวง : ดวงเห็นคุณเหมือนมีอะไรในใจ
เหมรุจน์ : ผมกำลังเหงา ดวงไปดื่มกับผมหน่อยได้ไหม ผมสัญญาว่าจะพาคุณกลับไปส่งบ้านไม่ดึก
สุดาดวง : ก็ได้ค่ะ แต่ขอดวงโทรบอกแม่ก่อน เพราะวันนี้ดวงออกมาตั้งแต่เช้าแล้ว
***เหมรุจน์หยิบโทรศัพท์ของเขาส่งให้สุดาดวงโทรบอกทางบ้านแล้วทั้งคู่จึงมุ่งหน้าออกนอกเมืองเพื่อไปหาร้านอาหารบรรยากาศดีๆดื่มกินกัน เหมรุจน์บอกกับสุดาดวงว่าจะไม่พาเธอไปส่งบ้านดึก เมื่อใกล้สามทุ่มทั้งคู่ควงกันออกจากร้านอาหารและขึ้นรถมุ่งหน้าเข้าตัวจังหวัด อีกไม่ถึงสามกิโลเมตรก็จะถึงบ้านของสุดาดวงแต่ก่อนถึงมันผ่านโรงแรมขนาดกลางซะก่อนเหมรุจน์กับสุดาดวงแวะเข้าไปเปิดห้องพักและอยู่ด้วยกันจนเกือบตีสาม
เหมรุจน์ : จะกลับบ้านไหม
***เหมรุจน์ถามทั้งที่ยังนอนกอดกันเปลือยกายทั้งคู่
สุดาดวง : กลับดีกว่าค่ะ ไม่งั้นแม่ถามดวงไม่รู้จะตอบยังไง
***เหมรุจน์จูบหญิงสาวที่หน้าผากแล้วบอกให้เธอแต่งตัว สุดาดวงลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำเหมรุจน์ลุกขึ้นนั่งยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
เหมรุจน์ : ทำไมเวลามันเดินเร็วจังนะจะตีสามแล้ว
***กว่าเขาจะส่งสุดาดวงและกลับมาถึงบ้านก็เกือบจะตีห้าไม่อยากลงจากรถไปเรียกแม่บ้านให้เปิดประตูรับจึงปรับเบาะรถแล้วนอนหลับมันต่ออยู่ในรถไปเลยจนสว่างโล่ เสริมเคาะกระจกเรียกลูกชายที่นอนหลับสนิทอยู่ในรถ
เสริม : รุจน์...รุจน์ นี่แกนอนหลับอยู่ในรถนี้ได้ยังไงวะบ้านช่องมีไม่ขึ้นไปนอน เจ้ารุจน์
***เสริมเคาะรถเรียก เหมรุจน์งัวเงียตื่นเห็นพ่อยืนตาเขียวอยู่ข้างรถเขาจึงเปิดประตูให้
เหมรุจน์ : พ่อ...
เสริม : นี่แกจะบ้าหรือไง ถึงนอนมันในรถนี่ ทำไมไม่ขึ้นไปนอนให้มันเป็นที่เป็นทาง แล้วนี่กลับมาถึงบ้านกี่ทุ่มกี่ยามเมื่อคืนเที่ยงคืนกว่าแล้วแกยังไม่เข้าบ้าน
เหมรุจน์ : เกือบตีห้า
เสริม : เกือบตีห้า ทำไมไม่ให้มันสว่างไปซะเลยล่ะวะอุตส่าห์ตะกายกลับมาทำไม หนอยพอเมียไม่อยู่ทำตัวเต็มที่เลยนะแก
เหมรุจน์ : เมียอะไรล่ะพ่อ ผมเป็นโสดแล้ว เป็นโสดชัวร์
***เหมรุจน์บอกแล้วลงจากรถเดินงัวเงียเข้าบ้านไป นายเสริมได้แต่ยืนเกาหัวแกร๊กๆ
เสริม : ฮึ...เป็นโสดอีกแล้วเรอะ ตกลงเลิกแน่กับเมีย ดีเขาจะได้หมดเวรหมดกรรมกะแกซะที
***หมอนุดลกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เพราะคนไข้ไม่ค่อยมีจนกระทั่งเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านท่าทางของเธอดูหวาดๆไม่ค่อยกล้าหมอรีบถาม
นุดล : มาตรวจฟันเหรอครับ
หญิงสาว : เปล่าค่ะ
***เธอตอบแผ่วเบา
นุดล : แล้วมีอะไรให้ผมรับใช้
หญิงสาว : คือ...เอ่อ
***หญิงสาวอึกอักไม่กล้าพูด หมอนุดลขมวดคิ้วอย่างสงสัยกับท่าทางของเธอ
นุดล : ไม่ทราบคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
***น้ำเสียงที่สุภาพกับท่าทีอ่อนโยนของหมอหญิงสาวถึงกับน้ำตาร่วงพรู หมอนุดลเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ
นุดล : คุณครับ คุณคงมีปัญหา ใจเย็นๆนะครับแล้วมานั่งก่อน
***หมอเอามือแตะข้อศอกของหญิงสาวเบาๆพามานั่งที่เก้าอี้ เธอยิ่งร้องไห้หนักสะอื้นจนตัวโยน หมอได้แต่นั่งมองให้เธอร้องไห้ให้คลายความอัดอั้นซะก่อนค่อยสอบถามกันให้รู้เรื่อง พอดีมีคนไข้เข้ามาหมอจึงบอกให้หญิงสาวนั่งรอให้สบายใจก่อน และเขาก็ไปทำฟันให้ลูกค้า เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงลูกค้ากลับไปแล้วแต่หญิงสาวคนนั้นยังนั่งเหม่อซึมอยู่ที่เก้าอี้ หมอเข้ามานั่งตรงหน้าเธอแล้วถาม
นุดล : คุณต้องการให้ผมช่วยอะไรไหม
หญิงสาว : ฉันจะมาของงานคุณทำค่ะ
นุดล : ทำงานเหรอ
หญิงสาว : งานอะไรก็ได้เงินเดือนฉันไม่เอาก็ได้ แต่ขอให้ฉันได้มีที่อยู่ที่กินก็พอ
นุดล : เดี๋ยวก่อน นี่บ้านของคุณอยู่ที่ไหน คุณคงไม่ใช่คนที่นี่
หญิงสาว : เปล่าค่ะ ฉันมาจากนครปฐม
นุดล : นครปฐม คุณมาตามหาญาติที่นี่เหรอ
หญิงสาว : เปล่าค่ะ
นุดล : เปล่าแล้วคุณมาถึงที่นี่ เพื่อที่จะมาหางานทำนี่นะ
หญิงสาว : ฉันไม่ได้ตั้งมาหางานทำหรอก ฉันมาอย่างไร้จุดหมายแต่เงินฉันหมดฉันไม่รู้จะไปที่ไหน
นุดล : นี่ เล่าให้ผมฟังได้ไหม ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง
***หมอถามเพราะเขาก็ชักมึนท่าทางหญิงสาวคนนี้เหมือนคนกำลังมีปัญหาอย่างหนัก
หญิงสาว : ฉันชื่อไลลาค่ะ ฐานะทางบ้านยากจน ฉันไม่ได้เรียนหนังสือจบแค่
ม.3 ก็ออกมาช่วยแม่กับพ่อเลี้ยง เลี้ยงไก่ เมื่อปลายปีแม่ไปกู้เงินเจ้าของโรงสีเอามาลงทุนซ่อมเล้าไก่โรงไก่ใหม่ห้าหมื่นบาทแต่เจ้าของโรงสีเขาจะให้ฉันไปอยู่กับเขาขัดดอกก่อน แต่ฉันไม่ยอมพ่อเลี้ยงก็ซ้อมบังคับ จะทุบตียังไงฉันทนได้แต่พ่อเลี้ยงข่มขืนฉันเพื่อให้ฉันเคยแล้วยอมไปอยู่ขัดดอกกับเถ้าแก่โรงสี ฉันทนไม่ได้ ฉันจึงหนีขึ้นรถไฟมาลงที่หัวลำโพงและซื้อตั๋วจนสุดปลายทางแต่เงินหมด จนมาถึงจังหวัดนี้ แล้วเดินมาเรื่อยๆไม่มีจุดหมายปลายทางฉันกลัวและหิวเหลือเกิน
***หญิงสาวพูดไปน้ำตาหยาดเป็นทางตลอดเวลา หมอนุดลมองเธออย่างเห็นใจ ผู้หญิงสาวหนีออกจากบ้านวัยของไลลาอายุน่าจะไม่ถึงยี่สิบปี น้ำเสียงซื่อๆ เสื้อผ้าราคาถูกที่เธอสวมใส่หมอมองก็รู้ว่าเธอมาจากครอบครัวยากจน ดังนั้นหมอจึงสั่งข้าวขาหมูฝั่งตรงข้ามมาให้เธอกินแก้หิวและโทรศัพท์ตามนันดาน้องสาวให้มาที่ร้าน ไม่นานนันดาก็มาถึงหมอรีบดึงมือน้องสาวเข้ามาในห้องทำฟัน ปล่อยให้ไลลานั่งรออยู่หน้าร้าน
นุดล : นัน เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่หน้าร้านนั้นไหม
นันดา : เห็นค่ะ ทำไมคะ
นุดล : เขาหนีออกจากบ้านมาจากนครปฐม
นันดา : โฮ้...นครปฐม ใกล้ซะที่ไหนล่ะพี่ดล แล้วเขามาที่นี่ทำไม
นุดล : มาทำไม ก็เร่ร่อนมา นี่จะมาของานพี่ทำ
นันดา : พี่ดล ท่าทางยังเด็กอยู่เลยนะ หนีออกจากบ้านมาแบบนี้แล้วพ่อแม่เขาล่ะ
นุดล : นั่นน่ะปัญหาหนึ่งล่ะ แต่เป็นปัญหาใหญ่คือ เขาของานเราทำนี่สิจะว่ายังไง
นันดา : ให้นันคุยกับเขาก่อนดีกว่านะ
นุดล : ดีมาก นันคุยกับเขานะ แล้วเรื่องจะช่วยกันยังไงค่อยว่ากันอีกที
นันดา : ค่ะ
***นันดาออกมาคุยกับไลลาและก็ได้รู้เรื่องอีกครั้งจากปากของเด็กสาวเอง ในที่สุดสองพี่น้องก็ยอมช่วยเหลือไลลา โดยพาเด็กสาวกลับไปอยู่ที่บ้านและให้ช่วยทำงานบ้าน ไลลาก้มกราบสองพี่น้องอย่างขอบคุณ
***นันดาขับรถพาไลลากลับบ้าน เมื่อเข้าทางแยกจะไปบ้านจุดที่เคยเกิดเหตุชนกับเหมรุจน์มันชั่งบังเอิญอีกที่ เหมรุจน์ขับออกจากซอยพอดีนันดาชะลอรถให้เขาออกไปก่อนแต่เหมรุจน์เห็นว่าเป็นนันดาขับรถคันนั้นเขาจึงจอดรถขวางทางหล่อนซะ
***นันดากดแตรไล่
นันดา : บ้าหรือไงจอดรถขวางทาง
***เหมรุจน์เปิดประตูรถลงมายืนพิงรถหน้าตาเฉย นันดาถึงกับฉุดขาด
นันดา : นายเหวนรกนี่อีกแล้วเหรอ
***หญิงสาวว่าแล้วเปิดประตูรถลงไป ไลลานั่งมอง
งงๆ
นันดา : นี่ ถนนสายนี้เขามีไว้สำหรับให้รถวิ่งนะ
เหมรุจน์ : ก็ใช่ ทำไมล่ะ
นันดา : แล้วนายจอดรถขวางทาง นักเลงหรือไง
เหมรุจน์ : อ๊ะ ใครๆเขาก็รู้ผมเป็นนักเลงคุณไม่รู้หรือไง
นันดา : ตกลงนายจะหนีหลีกทางให้ฉันหรือไม่หลีก
เหมรุจน์ : ไม่
นันดา : ได้ ไม่หลีกแน่นะ
เหมรุจน์ : แน่
***นันดากลับมาขึ้นรถ หญิงสาวเข้าเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งวิ่งรถเข้าใส่รถของเหมรุจน์ที่จอดขวาง ไลลาหลับตาปี๋เมื่อรถวิ่งเข้าชนข้างรถของเหมรุจน์เต็มที่ เหมรุจน์ยืนเท้าเอวมองเดือดปุดๆนันดาเปิดรถลงมาอย่างสะใจ
นันดา : นายต้องซ่อมรถให้ฉัน
เหมรุจน์ : นี่ มีมนุษย์โลกไหนตั้งใจขับรถชนคนอื่นแล้วจะให้เขาซ่อมให้อีกบ้าหรือเปล่าเจ๊
นันดา : นายขวางทางรถฉัน อยากลองดีกับฉัน นายคือคนผิด
เหมรุจน์ : แล้วเป็นยังไง สะใจมากไหม รวยล้นฟ้าล่ะสินะถึงมีรถมาขับชนเขาได้บ่อยๆ
นันดา : ฉันขอยืนยันค่าซ่อมครั้งนี้นายต้องเป็นคนจ่าย
เหมรุจน์ : และถ้าผมบอกว่า ไม่มีทางล่ะ
นันดา : ฉันจะขับรถนี่ไปจอดให้พ่อของนายเป็นคนรับผิดชอบ
***นันดาไม่รู้ว่าเหมรุจน์น่ะโกรธจนมือสั่นแล้ว หล่อนเจตนาขับรถชนรถของเขาแล้วยังมาเรียกร้องให้เขาซ่อมให้มันยิ่งกว่าการท้าทายใดๆอีกครั้งนี้เขายอมก็ยิ่งกว่าบ้าแล้ว
เหมรุจน์ : นันดา ผมจะซ่อมรถให้คุณก็ได้ ถ้าคุณคุกเข่าแล้วกราบขอโทษผมเดี๋ยวนี้
***เหมรุจน์พูดเสียงเย็นโกรธจนแทบระงับไม่อยู่
นันดา : คุกเข่าเหรอ คนอย่างฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดคุกเข่าให้ใครฝันไปเถอะ
เหมรุจน์ : นันดา
***เหมรุจน์ผวาเข้าหา นันดาเตรียมตัวอยู่แล้วเธอหลบวูบและจะตบสวน เหมรุจน์คว้าข้อมือของเธอแล้วบิดอย่างแรงก่อนจะกระชากร่างบางๆเข้ามาในวงแขนแล้วจูบหล่อนอย่างสุดแค้น ไลลานั่งมองอยู่ถึงกับตาค้าง นันดาพยายามดิ้นแต่ไม่หลุดได้เหมรุจน์ปล่อยเธอเมื่อเขาสาแก่ใจแล้วหญิงสาวจะตบเขาให้หายแค้นแต่เหมรุจน์คว้าข้อมือไว้แล้วพูดใส่หน้า
เหมรุจน์ : จะบอกให้นะ ถ้าคิดจะทำร้ายผมอีกคุณจะโดนมากยิ่งกว่าเมื่อเดี๋ยวนี้ แล้วรถเชิญคุณทำตามแต่จะคิด แต่ถ้าผมต้องเสียค่าซ่อมรถคันนี้ของคุณแม้แต่บาทเดียวผมจะเอาคืนจากคุณจนคุณคาดไม่ถึงเลยนันดา
***เหมรุจน์พูดแล้วเดินไปขึ้นรถขับรถที่ถูกชนจนข้างยุบออกไปอย่างรวดเร็ว นันดาแค้นจนน้ำตาร่วงเธอเอามือป้ายเช็ดปากที่ถูกจูบจนแสบร้อนแล้วกลับขึ้นรถ ไลลานั่งตัวแข็งตาโตนันดาขับรถกลับถึงบ้าน ชินถึงกับร้องจ๊ากที่เห็นรถเบนซ์คันงามหน้ายุบกลับมา
ชิน : ยายนัน เอารถของพ่อไปทำอะไรมาวะนั่นทำไมมันเป็นแบบนั้นล่ะห๋า
นันดา : นันชนหมามาค่ะพ่อ
ชิน : เฮ้ย ชนหมายังไงมันถึงได้พังไปขนาดนั้นวะ ชนหมากี่ตัว
นันดา : พ่อ นันจะเอานี่ไปให้ลุงเสริมซ่อมให้
ชิน : อ้าว เรื่องอะไรจะไปให้เขาซ่อม เกี่ยวอะไรด้วยหรือว่าไปชนหมาของเขา
นันดา : ใช่ ชนหมาของเขา หมาอันธพาล ไอ้หมาบ้า ไอ้หมาเลว
ชิน : เฮ่ยๆ
หมาอะไร ทำไมทั้งบ้าทั้งเลว
***ชินหน้าเหรอไลลาเปิดประตูลงมายืนจ้องอยู่ข้างรถชินจึงถามลูกสาว
ชิน : แล้วพาใครมาด้วยล่ะหรือว่าคนของเจ้าเสริมมาตามทวงค่าหมาของเขา
นันดา : อ๋อ ไลลาน่ะพ่อ จะให้มาอยู่กับเรา พ่อนันจะเอารถไปให้ลุงเสริมซ่อม เขาต้องรับผิดชอบแทนลูกชายของเขา
ชิน : เดี๋ยวพูดให้เข้าใจ รับผิดชอบแทนลูกก็เราขับรถชนหมาของเขาไม่ใช่เหรอ หมาเขาตายเราก็ซ่อมรถเองก็แล้วกันคนกันเองพ่อไม่อยากเป็นเรื่องป็นราวมากความนะ
นันดา : ไม่ได้ ถ้าลุงเสริมไม่ซ่อมรถให้เรานันไม่หายแค้นนันจะให้เขารับผิดชอบซ่อมรถให้เรา
ชิน : เฮ้ย เอาน่าพ่อรับผิดชอบเอง
นันดา : ไม่ค่ะ นันดาบอกว่าไม่ ไม่เด็ดขาด พ่อกับนันนะไปบ้านลุงเสริม
ชิน : ไม่ดีน่า จบๆไปเถอะนะ
นันดา : ไม่ ถ้าพ่อไม่ไปนันไปคนเดียวก็ได้
........................................................................................
ตอนที่ 5
***ในที่สุดชินก็ต้องไปบ้านของเสริมกับนันดา
เสริมกำลังนั่งคิดเงินคิดบัญชีอยู่ที่ที่นั่งเล่นหน้าบ้าน
เมื่อเห็นเพื่อนเก่ามาหาก็ทั้งดีใจทั้งแปลกใจเพราะนานมากแล้วที่ทั้งคู่ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน
เสริม : ชินลมอะไรวะพัดแกมาถึงบ้านข้าได้
มาๆขึ้นมาบนบ้าน วะ พาลูกสาวมาด้วยขึ้นมาๆ
***เสริมกุลีกุจอเชื้อเชิญเพื่อน
ชิน : สบายดีนะแก กิจการเป็นยังไงมั่ง
เสริม : ก็พออยู่ได้นั่นแหละไม่ร่ำรวยเหมือนแกหรอก
ชิน : เฮ้ยรวยเรยอะไรก็พอกินพอใช้เหมือนกัน
***ชินพูดแล้วมองไปรอบๆอย่างพอใจ
บ้านของเสริมปลูกจัดเอาไว้ซะใหญ่โตน่าอยู่บริเวณบ้านเนื้อที่ไม่ต่ำกว่าสี่ห้าไร่มีสนามหญ้าเขียวขจี
ชิน : แต่งบ้านจัดสนามซะสวยเชียว
เสริม : อ๋อ ฝีมือเจ้าลูกชายเขาน่ะ แต่ก่อนต้นไม้มันรกพอเขากลับมาอยู่บ้านเขาก็จัดก็แต่งซะใหม่หมดมันเลยดูสบายหูสบายตาขึ้นกว่าเก่า นี่หนูนันดาใช่ไหม บ๊ะ
สวยจริงๆนะได้เห็นใกล้ๆเรียนจบหรือยังล่ะ
นันดา : จบแล้วค่ะพึ่งจบ
เสริม : เรอะ จบอะไรล่ะหนู
นันดา : บัญชีค่ะ
เสริม : แหมจบบัญชีอย่างงี้เจ้าชินแกก็สบายสิไม่ต้องจัดหาใครมาทำบัญชี
ชิน : หึ...จ้างแพงกว่าลูกจ้างอีกน่ะซี่
เสริม : เออ เป็นธรรมดาว่ะ อ้อ
แล้วแกมาหาข้าเนี่ยมีธุระอะไรพิเศษหรือเปล่าวะ
นันดา : มีค่ะลุง
เสริม : มีอะไรล่ะว่ามาเลย
ชิน : เฮ้ยไอนันพ่อว่าไม่ต้องหรอกนะ
ช่างมันเถอะ
***ชินบอกลูกสาวเพราะเกรงใจเพื่อนแต่นันดาไม่ยอม
นันดา : ไม่ได้หรอกพ่อ
เสริม : อะไรกันมีอะไรเหรอ
***เสริมถามอย่างแปลกใจ เพราะท่าทางของชินดูไม่อยากจะให้ลูกพูด
ชิน : คือ...เอ่อ...
นันดา : คือยังงี้ค่ะลุง
หนูจะเอารถเบนซ์นั้นมาให้ลุงจ่ายค่าซ่อมให้
เสริม : ฮ้า
มันเกิดอะไรขึ้นหรือหนูไหนบอกลุงมาซิ
***นันดาจะอ้าปากบอกเหมรุจน์ก็ขับรถที่ด้านขวายุบไปแถบเข้ามาพอดี
เสริมหันไปเห็นรถของตัวเองที่ขับเข้ามาถึงกับเหล่
เสริม : เฮ้ยนั่น เจ้ารุจน์ รถของข้าทำไมมันเป็นแบบนั้นวะ
***เสริมครางชินหันมอง
นันดา : มันถูกหนูชนเองน่ะแหละลุง
ชิน : ห๋า
***ชินตาเหลือกเสริมเองก็งงเหมรุจน์จอดรถและลงมาเขายืนเท้าสะเอวมองรถเบนซ์ของนันดาแล้วถึงกับกัดฟันกรอดเดินอาดๆมาหาทั้งสามที่นั่งอยู่บนเฉลียงหน้าบ้าน
***เสริมรีบถามนันดา
เสริม : หนู
หนูว่าอะไรนะเมื่อกี้ลุงได้ยินไม่ถนัด
นันดา : หนูบอกว่าหนูขับรถชนรถคันนั้นเองนะแหละ
เสริม : อ้าว
***ทั้งเสริมและชินร้องพร้อมกัน
เหมรุจน์เดินขึ้นมาถึงเขายกมือไหว้ชินแล้วนั่งลงใกล้ๆกับเสริม
เหมรุจน์ : สวัสดีครับอาชิน
ชิน : สวัสดีลูก นันนี่มันหมายความว่าอะไรพ่องงไปหมดแล้ว
***ชินหันมาถามลูกสาวเสริมก็ตั้งใจฟังส่วนเหมรุจน์เขามองหญิงสาวอย่างสะกดอารมณ์เต็มที่
นันดา : หนูบอกว่าหนูขับรถชนรถคันนั้น
เพราะนายนี่จอดรถขวางทางหนู
เสริม : เฮ้ยเจ้ารุจน์ จริงรึเปล่าวะ แกจอดรถขวางทางน้องเหรอ
เหมรุจน์ : ใช่ ผมจอดรถขวางทางเขา ก็แค่จอดขวางทางแต่เขาเจตนาขับรถชนรถของเรา
นันดา : ก็ฉันให้นายขับหลีกแต่นายไม่ทำฉันก็ชน
เหมรุจน์ : แล้วยังจะมีหน้ามาให้ผมซ่อมรถให้อีกนี่นะ คุณบ้าหรือเปล่า
นันดา : นายอย่ามาปากเสียว่าฉันนะ
นายผิดนายก็ต้องซ่อมรถให้ฉัน
เหมรุจน์ : นันดา
เสริม : พอๆที่แท้เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
เอาๆลุงจะซ่อมให้ก็ได้นะ
***เสริมรีบบอก
ชิน : เฮ้ยไม่ต้องหรอก
ลูกข้ามันก็ขับชนเองไม่เป็นไร
นันดา : เป็นสิพ่อ
ถ้าเขาไม่รับผิดชอบซ่อมให้เราคราวหน้าเขานึกจะทำอะไรเขาก็ทำอีก ถนนน่ะถนนหลวงนะคะไม่ใช่ถนนส่วนบุคคลของเขา นันไม่ยอม
เหมรุจน์ : ไม่ยอมแล้วเธอจะทำไม
***เหมรุจน์เสียงเขียว
นันดา : ก็จ่ายค่าซ่อมมาไง
จ่ายตามความจริงที่อู่ตีราคา
***เพราะนันดาไม่ยอมท่าเดียวในที่สุดเสริมก็ยอมจ่ายค่าซ่อมรถให้ เหมรุจน์โกรธจนต้องรีบขึ้นข้างบน ชินกับเสริมคุยกันอีกซักครู่ชินก็ขอตัวกลับโดยนันดาส่งยิ้มอย่างสะใจที่เธอเอาชนะเหมรุจน์ได้
ชิน : ยายนันนะขับรถชนเขาแล้วยังให้เขาซ่อมรถให้ พ่อว่ามันดูไม่ค่อยดีเลยนะ
นันดา : พ่อคะ
นันบอกแล้วไงว่านายรุจน์น่ะผิด
เขาจอดรถขวางถนนแล้วยัง...เอ่อ
ยังไม่ยอมหลีกนันก็ต้องสั่งสอนคราวหน้าเขาจะได้ไม่กล้าทำแบบนั้นอีก
ชิน : แต่พ่อว่าตารุจน์เขาโกรธจนหน้าเขียวเลยนะผลุนผลันหนีไปแบบนั้น
นันดา : ช่างปะไร
โกรธได้ก็โกรธไปซี่นันไม่สน
ชิน : แต่พ่อก็เกรงใจเจ้าเสริมมัน
นันดา : จบไปเถอะค่ะ
แค่นี้นันก็พอใจที่สุดแล้ว
***นันดาพอใจกระหยิ่มยิ้มย่องที่เอาชนะเหมรุจน์ได้ แต่เสริมต้องแจ้นขึ้นไปถามลูกชายที่ก่อเรื่อง
เสริม : เจ้ารุจน์ เปิดประตูให้พ่อหน่อยซิ เจ้ารุจน์
***เหมรุจน์นอนเอามือก่ายหน้าผากระงับอารมณ์อยู่บนเตียงพ่อมาเคาะประตูเรียก
เขาถึงกับเป่าปากอย่างสุดหงุดหงิดชายหนุ่มลุกเดินมาเปิดประตูให้พ่อแล้วกลับไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
เสริม : เฮ้ยอย่าพึ่งนอนมาคุยกับพ่อก่อน
มันเรื่องอะไรกันวะแกถึงไปจอดรถขวางถนนให้หนูนันเขาขับรถชนเอาไว้หา
เหมรุจน์ : ผมอยากหาเรื่องเขา
เสริม : อ้าวแล้วกัน แกมันอันธพาลแม้กระทั่งกับผู้หญิงเลยหรือวะ
เหมรุจน์ : พ่อ
พ่อยอมจ่ายค่าซ่อมรถทำไม
รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นฝ่ายตั้งใจชนให้พัง
เสริม : อ้าวก็แกรับอยู่ทนโท่ว่าแกตั้งใจหาเรื่องเขา เขาชนเอามันส์ก็ต้องยอมที่เขาเรียกร้องสิ
เหมรุจน์ : ไม่มีใครเขาใจดีบ้าเลือดอย่างพ่อหรอกนะ
แล้วไอ้รถเบนซ์น่ะค่าซ่อมมิเป็นแสนหรือไหนจะซ่อมรถของเราเองอีกข้างยุบไปทั้งแถบ เป็นหมื่นอยู่แล้ว
เสริม : เออ...รู้นะว่าเป็นหมื่นเป็นแสนอีตอนจอดขวางทางเขาทำไมไม่คิดวะ
เหมรุจน์ : ก็บอกแล้วไง
ว่าผมจะหาเรื่องเขา
เสริม : แล้วได้เรื่องไหมล่ะ
เดือนเดียวซ่อมรถสามคันเพราะแกคนเดียว
เหมรุจน์ : พ่อ
พ่อมีสัญญากับอาชินเรื่องให้ลูกแต่งงานกันจริงเหรอ
เสริม : จริง แล้วแกถามทำไม ยังติดใจอะไรอีก
เหมรุจน์ : ผมจะแต่งงาน
เสริม : เรอะ...เอ๊ะ แกว่าอะไรนะ
เหมรุจน์ : ผมจะแต่งงาน
เสริม : กับใคร
เหมรุจน์ : นันดา
เสริม : เฮ่อ พูดเป็นเล่นแก จะแต่งงานกับเขาได้ยังไง
เหมรุจน์ : ทำไมจะไม่ได้พ่อไปขอเขาให้ผมมันก็ได้อยู่แล้ว
เสริม : นี่แกจะเล่นอะไรห๋าเจ้ารุจน์ ล้อเล่นแบบนี้พ่อไม่เอาโว้ยปืนเจ้าชินมันก็มีลูกนะแถมลูกซองแฝดซะด้วย
เหมรุจน์ : ก็ไหนพ่อบอกว่าพ่อมีสัญญากับอาชิน
เสริม : มันมี
แต่...แกไม่ได้รักลูกสาวเขานี่หว่า
เหมรุจน์ : แล้วตอนที่พ่อกับอาชินสัญญากันคิดเหรอว่าผมกับลูกเขาจะรักกัน
เสริม : มันก็...
เหมรุจน์ : ผมต้องการแต่งงานกับนันดา
เสริม : ไม่ได้
แกคิดจะแกล้งเขาพ่อรู้เรื่องแบบนี้เอามาแกล้งกันไม่ได้เด็ดขาด
เหมรุจน์ : ถ้าพ่อไม่ไปขอ
ผมจะไปทวงสัญญากับอาชินเอง
เสริม : แกจะบ้าเรอะ
ไปให้เขายิงกะบาลแกหรือไง
เหมรุจน์ : งั้นพ่อก็ต้องเป็นคนไปพูดให้ผม
เสริม : เจ้ารุจน์ แกฟังนะ
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำกันเล่นๆ
ถ้าแกรักชอบหนูนันจริงพ่อจะไปพูดไปขอให้ได้แต่ที่พ่อเห็นกับตาแกกับเขายังกะขมิ้นกับปูนมันจะเป็นไปได้ยังไงที่แกจะไปเอาเขามาเป็นลูกเป็นเมีย
แถมตัวแกเองก็ยังไม่แน่ว่าเลิกกับหนูปาเขาจริงหรือเปล่า
เกิดวันดีคืนดีเมียแกกลับมาพ่อมิโดนถอนหงอกหัวโกร๋นรึ
เหมรุจน์ : ผมกับปาเราคงเลิกกันแน่นอน ถึงไม่เลิกกันวันนี้วันหน้าก็ต้องเลิก เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมโสด สำหรับนันดาพ่อรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ชอบเขา ผมรักเขาจนอยากจะกลืนเข้าไปแล้ว
เสริม : ไอ้โกหก
ตาแกมันบอกแกจะเอาชนะเขานะซี่
พ่อว่าแกอย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่า
แล้วเรื่องแต่งงานมันก็เป็นเรื่องใหญ่อย่าคิดเอาแต่ง่ายๆชุ่ยๆ
เหมรุจน์ : ได้
ถ้าพ่อไม่ไปขอเขา
ผมจะไปฉุดเอามาเองทีนี้ล่ะพ่อกับอาชินจะมองหน้ากันไม่ได้
เสริม : ไอ้เจ้ารุจน์นี่แก
เหมรุจน์ : ผมพูดจริงๆ
พ่อคงรู้นะว่าถ้าผมตั้งใจจะทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ ผมต้องได้นันดาเป็นเมียไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม
เสริม : อย่านะ พ่อขอห้ามแก
เหมรุจน์ : พ่อห้ามผมไม่ได้หรอก
นอกจากพ่อจะเป็นคนไปสู่ขอให้ผมเองเรื่องยากมันจะได้เป็นเรื่องง่ายเรื่องร้ายมันจะได้เป็นเรื่องดี
***เหมรุจน์พูดอย่างจริงจัง
เสริมรู้ดีว่าเหมรุจน์เอาจริงแบบนี้ก็เป็นเรื่องน่ะซี่ ขืนปล่อยให้เหมรุจน์ไปฉุดลูกสาวเขามาคงได้ฆ่ากันตายล้างบาง เวรแล้วไหมล่ะ
***เหมรุจน์กับสุดาดวงยังคงมีความสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องทั้งคู่ควงกันจนคนทั้งอำเภอรู้ว่าสุดาดวงเป็นแฟนใหม่ของเหมรุจน์
สองทุ่มกว่าแล้วเหมรุจน์พาสุดาดวงมาที่บ้าน เสริมนั่งดูทีวีอยู่เห็นลูกชายพาผู้หญิงมาในบ้านตอนกลางคืนจึงเหล่ลอดแว่น
เหมรุจน์ : พ่อดูข่าวเหรอ
เสริม : เออ แล้วแกไปไหนมา
เหมรุจน์ : กินข้าวพอดีคืนนี้มีบอลเลยชวนดวงเขามาดูด้วย
เสริม : ห๊ะ ดูบอลด้วย ดูที่ไหนวะ
เหมรุจน์ : ห้องผม
ทำไมล่ะ
***เสริมหันมองเห็นสุดาดวงยังไม่ออกจากห้องน้ำจึงถามลูกชายเบาๆแต่น้ำเสียงหงุดหงิด
เสริม : แกจะดูบอลหรือจะเล่นบอลกันแน่วะ
ไอ้บ้าเอ้ยพาเขามาค้างในบ้านพ่อแม่เขารู้ได้หัวแหกหมอไม่รับเย็บ
เหมรุจน์ : ถ้าหัวผมจะแหก
แหกไปนานแล้วล่ะพ่อ
***เสริมได้แต่ทำปากจิ๊จ๊ะเพราะสุดาดวงออกมาจากห้องน้ำ หล่อนยิ้มหวานเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะประจบ
สุดาดวง : คุณพ่อดูทีวีคนเดียวเหรอคะ
เสริม : เอ่อ...จ่ะ
พ่อก็ดูคนเดียวใครมันจะมาดูด้วย
สุดาดวง : ดวงดูเป็นเพื่อนไหมคะ
เสริม : เออดี
เหมรุจน์ : ไม่เอาล่ะดวงขึ้นข้างบนดีกว่าเดี๋ยวพ่อเขาก็เข้านอนแล้วไปเถอะ ไปนะพ่อขึ้นนอนเถอะจะสามทุ่มแล้วเดี๋ยวบอลก็มา
เสริม : เออ แกไปเถอะพ่อไม่ชอบหรอกไอ้ลูกบอลกลมๆน่ะไม่คิดจะดู
***ไลลามาอยู่กับนันดาเธอได้เป็นคนคอยดูแลนันดา เพราะในบ้านหลังนี้มีคนรับใช้หลายคนแล้ว คุณแก้วตาเห็นว่าไลลายังเด็กจึงให้คอยดูแลเฉพาะนันดาเท่านั้น
ไลลาเป็นคนซื่อเธอรักภักดีกับนันดามากเพราะถือว่าเป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือเธอ นันดานอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ไลลายกแก้วนมเข้ามาให้
ไลลา : คุณนันคะ ดื่มนมค่ะ
นันดา : นมเหรอ ฉันยังอิ่มอยู่เลยนะ ไลลาดื่มแทนได้ไหม
ไลลา : ไม่ได้หรอกค่ะ นมนี่สำหรับคุณนัน
นันดา : สำหรับฉันสำหรับใครไลลาก็กินได้
กินเถอะ
ไลลา : ไม่หรอกค่ะคุณนันนั่นแหละดื่มซะ
นะคะ
***นันดาหัวเราะเธอลุกขึ้นมารับแก้วนมจากไลลาและดื่มไปครึ่งแก้ว ไลลานั่งมองตาแป๋ว
นันดา : มองอะไรจ๊ะ
ไลลา : มองคุณนันสวย
นันดา : จริงเหรอ
ไลลา : จริงค่ะ
คุณนันสวยกว่าใครที่ไลลาเคยเห็นสวยกว่าดาราซะอีก
นันดา : นั่นแน่ ยอก็เป็นนะไลลา
ไลลา : ไลลาไม่ได้ยอ คุณนันสวย สวยสมกับแฟนของคุณนันเลย
นันดา : เฮ่ย แฟนที่ไหน
ไลลา : ก็แฟนคุณนันที่วันนั้นจูบคุณนันกลางถนน
นันดา : ว้ายตายแล้วไลลา
ไอ้บ้าไม่ใช่แฟนฉันหรอกนะ
ไลลา : อ้าวถ้าไม่ใช่แฟนทำไม...
นันดา : พอเลยไลลา ไม่ต้องพูดเลย
ฉันขอบอกไลลาเลยนะนายเหวนรกนั่นเป็นศัตรูของฉันไม่ใช่แฟนเข้าใจซะใหม่ ชาตินี้นะมีผู้ชายเหลือคนเดียวในโลกคือนายนั่น ฉันก็จะไม่ขอมีแฟนแล้วไลลาอย่าเอาเรื่องที่เห็นวันนั้นไปพูดให้ใครฟังนะปิดเป็นความลับสุดยอดเลยรู้ไหม
ไลลา : ค่ะ
นันดา : ไลลาไปนอนเถอะนะนี่สามทุ่มกว่าแล้วฉันจะอ่านหนังสืออีกซักเดี๋ยวก็จะนอนแล้ว
ไลลา : ค่ะ
***ไลลากลับออกไปแล้วนันดาหงายท้องลงนอนนึกถึงวันนั้นแล้วเจ็บใจจี๊ดขึ้นมาทันที
อยากจะสาปให้เหมรุจน์เป็นจิ้งจกหรืองูดินให้มันหายจากความเป็นคนไปเลยจริงๆ
........................................................................................
ตอนที่ 6
***บูรฉัตรเพื่อนยสนิทของนันดา เดินทางมาหานันดาถึงบ้าน นันดาดีใจมากที่บูรฉัตรมา
นันดา : บูร นันกำลังคิดถึงบูร ไม่นึกว่าบูรจะมาหานันถึงที่นี่
บูรฉัตร : ผมขอลาพักร้อน
เครียดกับงานมาหลายเดือน
แล้วคิดถึงนันด้วย
นันไม่ยอมไปกรุงเทพเลย
รู้ไหมผมไม่รู้จะไปปรึกษาใครเวลาเหงาหรือมีปัญหา
นันดา : ที่บูรมานี่อย่าบอกนะว่ากำลังมีปัญหา
บูรฉัตร : มี
ผมมีปัญหาด้วย
นันดา : ปัญหาอะไร
บูรฉัตร : พ่อไปขอผู้หญิงให้ผม
นันดา : ห๋า ขอผู้หญิงเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง
บูรฉัตร : ก็จะมีใครเข้าใจผมเท่านั้นแหละ
นันดา : แล้วบูรจะทำยังไง
บูรฉัตร : ไม่รู้
นี่ผมก็เครียดจนปวดหัวติ้วแล้ว นันช่วยผมหน่อยจะได้ไหม
นันดา : จะให้นันช่วยยังไงล่ะ
บูรฉัตร : ช่วยไปอ้างกับพ่อว่านันเป็นแฟนผม
นันดา : เอ่อ...จะดีเหรอ
บูรฉัตร : มันมีอยู่ทางเดียว
ไม่เช่นนั้นผมก็ต้องแต่งงานกับคนที่พ่อหาให้ ซึ้งมันจะเป็นไปได้ยังไงนันก็รู้
นันดา : ขอนันคิดดูก่อนได้ไหม อีกอย่างพ่อของบูรแกจะเชื่อเหรอ ว่าเราเป็นแฟนกัน
บูรฉัตร : คงจะเชื่อนะ
เพราะผมสนิทก็แต่นันคนเดียว
แล้วจู่ๆนันก็หายไปพ่อก็เลยหาคนอื่นให้ผม
***นันดาถึงกับมึน
จะให้เธอไปอ้างกับพ่อของบูรฉัตรว่าเป็นแฟนเขาจะดีเหรอ หรือเธอกังวล บูรฉัตรกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง มีเพียงนันดาที่รู้เพราะภายนอกเขาปฏิบัติตัวเยี่ยงชายชาตรีทั่วไป
บูรฉัตรน่าตาดีตอนเรียนจะมีผู้หญิงเข้ามาติดพันเขา แต่เขาใช้นันดาเป็นไม้กันทุกคนจึงคิดกันว่า บูรฉัตรกับนันดาเป็นคู่รักกัน และก็ดูเหมาะสมเพราะหนุ่มหล่อสาวสวย
***นันดาพาบูรฉัตรมากินข้าวและหาพี่ชายที่คลินิกทำฟัน บูรฉัตรเห็นนุดลก็นึกชอบ เพราะเขามีจิตใจนิยมไม้ป่าเดียวกันอยู่แล้ว
บูรฉัตร : แหมนี่ถ้าผมรู้ว่าพี่ชายของนันเป็นหมอฟัน ผมคงมาให้ทำฟันให้กับผมนานแล้ว
นุดล : ฟันของคุณมีปัญหาอะไรหรือครับ
บูรฉัตร : ฟันกรามมันเสียว
เวลาเคี้ยวของแข็งแล้วเสียวมาก
***บูรฉัตรบอกแต่สายตาจับจ้องใบหน้าคมคายของนุดล นันดามัวแต่จัดของกินใส่จานให้พี่ชายกับเพื่อนด้วย
นุดล : ให้ผมตรวจให้เลยไหมล่ะครับ
เผื่อยังไงผมจะได้อุดให้
บูรฉัตร : ดีครับ
นันดา : บูรจะทำฟันเหรอ
บูรฉัตร : ใช่
ไหนๆก็เจอหมอฟันแล้ว
นันดา : ว๊า แล้วนันจะทำอะไรล่ะ นั่งอยู่ในร้านนี่ เบื่อตาย
บูรฉัตร : เถอะน่า
ไม่นานหรอก
***บูรฉัตรบอกเพื่อน นันดาจึงหันไปบอกพี่ชาย
นันดา : เอายังงี้
พี่ดลทำฟันให้บูรเสร็จแล้ว
ก็ช่วยพาบูรไปส่งบ้านด้วยแล้วกัน
นันจะกลับบ้านก่อนขี้เกียจนั่งรอนะคะ
นุดล : ได้ แล้วพี่จะไปส่งคุณบูรให้ ดีเหมือนกันเมื่อเช้าแม่โทรมาตามอยู่ บอกให้กลับไปบ้านบ้าง
***นันดาจึงออกจากคลินิกขับรถกลับบ้าน เธอแวะเติมน้ำมันรถที่ปั้ม เห็นคนขายตุ๊กตาโมบายสวยๆจึงเข้าไปเลือกซื้อ ขณะที่กำลังตั้งใจเลือกอันที่ถูกใจ รู้สึกว่ากำลังมีคนมองเท้าสะเอวอยู่ใกล้ๆจึงเงยหน้ามอง หญิงสาวหน้าตึงขึ้นมาทันที
นันดา : มองอะไร
เหมรุจน์ : มองคนเก่ง
นันดา : มองทำไม
เหมรุจน์ : ก็อยากมอง
ไม่ยักจะรู้ว่ายังชอบเล่นตุ๊กตุ่นตุ๊กตา
***เหมรุจน์ว่านันดาลุกขึ้นยืน
นันดา : แล้วมันหนักหัวใครไม่ทราบ
เหมรุจน์ : อ๋อไม่หนักหัวแต่มันขัดลูกตา ไม่รู้นะคนอื่นเขาอาจจะคิดว่าผู้หญิงสาวสวยสนใจตุ๊กตาน่ารักดี แต่ผมว่ามันขัดหูขัดตา โดยเฉพาะคุณน่าจะเล่นอย่างอื่นมากกว่า
นันดา : นี่นายจะเรื่องฉันใช่ไหม
เหมรุจน์ : ใช่แล้วทำไม
คุณแน่มากที่สามารถให้พ่อผมซ่อมรถให้คุณได้
แต่ผมบอกแล้วยังไงว่า
ผมจะจัดการกับคุณให้สาสมอย่างคาดไม่ถึงเชียว
นันดา : อย่างนายทำอะไรฉันได้
นี่คงเพิ่งตื่นจากฝันมาใหม่ๆซิท่า
กลับไปนอนฝันต่อเถอะไป
***นันดาพักอกเหมรุจน์อย่างแรงแล้วเดินลิ่วไปที่รถ เหมรุจน์มองตามกัดริมฝีปาก แม่ค้าโมบายบ่นเบาๆ
แม่ค้า : โธ่เอ้ย
กำลังจะขายของได้ ก็มาไล่ลูกค้าเราซะนี่
***เหมรุจน์หันมองแล้วแล้วถามเสียงเขียว
เหมรุจน์ : นี่
เมื่อกี๊นี่เขาจะซื้ออะไรของป้า
แม่ค้า : ซื้อนี่ค่ะ แล้วก็นี่ด้วย
***แม่ค้ารีบบอกเหมรุจน์ควักเงินจากกระเป๋าเสื้อ ส่งให้แม่ค้า
เหมรุจน์ : เอา
เอาเงินค่าตุ๊กตาติงต๊องนี่ไป แล้วจะเอามันไปให้ใครก็ตามใจนะ หรือจะเอาไว้ขายใหม่ก็ได้
***เหมรุจน์ว่าแล้วเดินไปที่รถของเขาอย่างหงุดหงิดงุ่นหง่าน แม่ค้ารับเงินสองร้อยบาทมาอย่างงงๆ
แม่ค้า : ซื้อของแล้วไม่เอาดีนะพ่อหนุ่ม แล้วยังตังค์ทอนก็ไม่เอา
***เสริมนอนอ่านหนังสือธรรมมะอยู่บนเก้าอี้โยก เหมรุจน์เดินหัวคิ้วย่นหน้ามุ่ยเข้ามาหาพ่อ
เสริม : ว่ะ
วันนี้เข้าบ้านตั้งแต่กะเที่ยง
กลับมานอนเอาแรงหรือไง
เป็นยังไงเมื่อคืนบอลเข้าประตูกี่ลูกว้ะ
เหมรุจน์ : พ่ออ่านหนังสืออะไรอยู่
เสริม : หนังสือธรรมมะทำไมแถจะอ่านหรือไง
เหมรุจน์ : เปล่าพ่อ
อ่านหนังสือธรรมมะแต่ถามผมเรื่องลามกมันไม่เข้ากันเลยนะพ่อ
เสริม : ไอ้...ไอ้เจ้ารุจน์ แหมแกนี่
เออก็มันจริงนี่เห็นหน้าแกธรรมมะมันก็ตะบะแตกโว้ย
เหมรุจน์ : พ่อเรื่องที่คุยกันไว้ว่ายังไง
เสริม : เรื่องอะไร
เหมรุจน์ : เรื่องให้พ่อไปขอนันดา
เสริม : บ๊ะ...นี่แกยังไม่เลิกคิดอีกเหรอ
เพิ่งเอาผู้หญิงไปส่งบ้านมาหยกๆ ยังจะมีหน้าพูดถึงเรื่องขอผู้หญิงอีก
เหมรุจน์ : มันคนละเรื่องกันนะพ่อ
เสริม : คนละเรื่องอะไร
เหมรุจน์ : นันดากับสุดาดวงคนละคนกัน ผมต้องการแต่งงานกับนันดา ไม่ได้คิดจะแต่งงานกับสุดาดวง
เสริม : แล้วแกไปเอาเขามานอนด้วยทำไม
ลูกเขามีพ่อมีแม่
ถ้าพ่อแม่เขารู้เขาจะยอมแกเหรอ
เหมรุจน์ ; มันเป็นความพอใจระหว่างผมกับสุดาดวงพ่อแม่เขาจะมาเกี่ยวอะไรด้วย
เสริม : พูดง่ายแฮะ
หนุ่มสาวสมัยนี้มันอะไรกันวะ
นึกจะนอนด้วยกันก็นอนหรือไง
ไม่ต้องแคร์ใครไม่ต้องสนใจพ่อแม่
เหมรุจน์ : พ่ออย่าถามนอกเรื่อง
ผมอยากรู้ว่าพ่อจะจัดการให้ผมไหม
เสริม : ไม่เอาโว้ย
เหมรุจน์ : ดี
ยังงั้นผมจัดการของผมเอง
เสริม : เฮ้ยๆๆ
ไอ้เจ้ารุจน์แกอย่าไปทำอะไรบ้าๆกับอาชินเขานา
เหมรุจน์ : ผมไม่ได้ทำอะไรอาชิน
คนที่ผมทำนะลูกสาวของเขา
เสริม : มานี่ มานี่ก่อนไอ้เจ้ารุจน์ มานี่
มาคุยกันก่อนโว้ย
เหมรุจน์ : มีอะไรจะต้องคุยกันอีก พ่อไม่ช่วยมันก็จบแค่นั้น
เสริม : จบแกน่ะสิ
ถ้าแกคิดจะทำอะไรบ้าๆมันจะจบได้ยังไง
มันจะเกิดเรื่องนะซิ
เจ้ารุจน์ไหนแกบอกพ่อมาซิแกมีความคิดเอาหนูนันทำเมียตั้งแต่เมื่อไหร่
เหมรุจน์ : พ่อจะรู้ไปทำไม
รู้ต่อว่าผมต้องได้เขาก็พอแล้ว
เสริม : แกรักแกชอบเขาเรอะ
***เหมรุจน์เงียบ ขืนบอกว่าไม่ก็ได้เรื่องน่ะสิ
เสริม : เจ้าชินกับแม่แก้วตาน่ะเขารักเขาหวงลูกสาวของเขายังกะอะไร ถ้าแกไม่ได้รักลูกสาวเขาจริง แกก็อย่าไปยุ่งกะเขาเลยนะ ผู้หญิงอื่นมีถมไป
***เหมรุจน์นั่งเงียบแววตาดื้อดึงของเขามีหรือเสริมจะไม่รู้
เขารู้จักลูกชายของเขาดีว่าลองได้คิดจะทำอะไรแล้วล่ะก็
เขาไม่มีทางล้มเลิกความคิดเด็ดขาด ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุอีกต่างหาก
เสริม : เอายังงี้พ่อจะลองไปพูดกับเขาเลียบเคียงดูซิว่าเขาจะว่ายังไง
เหมรุจน์ : ไม่ต้องเลียบเคียงหรอกพ่อ ขอแล้วก็แต่ง
ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
เหล็กกำลังร้อนมันตีง่าย
เสริม : แกมันพูดง่ายเอาแต่ใจ
เขาไม่ให้ขึ้นมาจะไปบังคับเขาได้ยังไง
เหมรุจน์ : นักเลงหน่ะเขาไม่ลืมสัญญากันหรอก ยิ่งสัญญาที่ทั้งอาแก้วอาชินร่วมกันรับรู้ เขาจะกล้าผิดคำก็ให้มันรู้ไปสิ
เสริม : แกจะให้พ่อเอาสัญญาไปบังคับเขา
จะให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันทั้งหมดหรือไง
เหมรุจน์ : ก็ผมบอกแล้วไง
ถ้าพ่อยุ่งยากใจนักก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ผมจัดการของผมเอง
เสริม : ให้แกจัดการเอง
แล้วฆ่ากันตายทั้งบางหรือไง พ่อรู้นะว่าแกจะทำยังไง ไม่ได้โว้ย
เอาถ้าแกอยากได้เขาพ่อจะจัดการให้
แต่แกต้องสัญญากับพ่อนะว่าจะไม่เอาเขามาทิ้งมาขว้างเหมือนกับที่ผ่านมาของแก
เหมรุจน์ : ได้
ถ้าเขาไม่ทิ้งผมไปเอง
ผมไม่ทิ้งเขาอยู่แล้ว
เสริม : แกพูดอย่างนั้นหมายความว่ายังไงวะ
เหมรุจน์ : ความหมายมันก็ชัดอยู่ในตัวอยู่แล้ว พ่อข้องใจอะไร
เสริม : เออ
สัญญาลูกผู้ชายแกจำใส่กะโหลกของแกเอาไว้
เหมรุจน์ : แล้วพ่อจะไปพูดเมื่อไหร่
เสริม : เอาไว้ให้พ่อตั้งหลักได้ซะก่อนซิวะ
เหมรุจน์ : เมื่อไหร่
เสริม : ไม่รู้โว้ย
เหมรุจน์ : พรุ่งนี้
เสริม : มะแหงกแน่ะ พรุ่งนี้ไปขอลูกหมาเขา พ่อยังไม่กล้าไปเร็วขนาดนั้นเลย
เหมรุจน์ : ก็นี่ไปขอลูกคน
ไม่ได้ไปขอลูกหมา
เสริม : นั้นแหละมันต้องใช้เวลาเตรียมตัว
เหมรุจน์ : พ่อจะเตรียมอะไรนักหนา
เสริม : ก็เตรียมแม่น้ำทั้งห้า
เอาไปยกให้เขาฟังน่ะสิ
เหมรุจน์ : สมัยนี้เขาไม่ฟังกันแล้วแม่น้ำทั้งห้าน่ะ สินสอดทองมั่นทั้งนั้น
เสริม : เออ แกยอมจ่ายให้เขาแค่ไหน
เหมรุจน์ : พ่อยอมแค่ไหนก็แค่นั้น
เสริม : ว่ะ...เอาเงินแกสิ
เรื่องอะไรมาเอาเงินพ่อ
เหมรุจน์ : ขอเมียนะ
พ่อต้องจ่ายไม่ใช่ผมจ่าย
ผมไม่จ่ายหรอกบาทหนึ่งก็ไม่ให้
เสริม : ไอ้บ้า
แกจะเอาทั้งขึ้นทั้งล่อง
งั้นสมบัติที่พ่อจะยกให้แกพ่อจะให้เป็นค่าสินสอดเขา
เหมรุจน์ : ไม่ได้นะพ่อ
ค่าตัวยายแมงป่องนั่นน่ะ
ถ้าสมบัติของพ่อทั้งหมดล่ะผมจัดการเอง
เสริม : นี่แกยังจะงก
แล้วมันต่างตรงไหนวะ
ให้เขาตอนนี้กับให้เขาในวันข้างหน้า
เขาก็จะเป็นเมียแก
สมบัติแกมันก็ต้องเป็นของเขาด้วย
เหมรุจน์ : นั้นมันเรื่องของวันข้างหน้า แต่วันนี้ไม่ได้
เสริม : ไม่ได้ก็เอาเงินของแกมา
เหมรุจน์ : ผมไม่มี
เอาไปลงทุนในไร่สวนหมดแล้ว
เสริม : แกไม่ต้องมาโกหก
แกเพิ่งเอาบัญชีไปคิดดอกเบี้ยธนาคารมาเมื่อไม่นานนี้
เหมรุจน์ : นั้นมันเงินฝากประจำผมจะเบิกออกมาได้ยังไง
เสริม : ของพ่อก็ฝากประจำโว้ย
เหมรุจน์ : แล้วพ่อคิดจะให้เขาเท่าไหร่
เสริม : ก็ให้สมน้ำสมเนื้อเขาแหละ
เหมรุจน์ : ตัวเท่ามดสามแสนก็แพงหูฉี่แล้ว
เสริม : ซื้อลูกหมาหรือไงวะสามแสน
แกเอาเงินมาให้พ่อฟ้าแสนที่เหลือพ่อจะเพิ่มให้เอง
เหมรุจน์ : พ่อซื้อช้างหรือไงห้าแสน
เสริม : เออซื้อช้างให้แกขี่จะจ่ายหรือไม่จ่าย
เหมรุจน์ : ไม่
เสริม : งั้นก็ตามใจแก
เหมรุจน์ : ถ้าผมจัดการเองบาทเดียวก็ไม่ต้องเสีย
เสริม : พ่อจะเอาสมบัติส่วนของแกไปขอเขาให้มันรู้ไปว่าแกจะยอมเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย
***เหมรุจน์ยักไหล่เขาคิดว่าพ่อของเขาไม่กล้าทำแบบนั้นแน่
เหมรุจน์ : ตามสบายเถอะพ่อ
ขอแค่พ่อจัดการให้ผมก็แล้วกัน
........................................................................................
ตอนที่ 7
***บูรฉัตรยังไม่อยากกลับกรุงเทพเพราะติดใจนุดล
ส่วนนุดลเองก็ไม่รู้ว่าเพื่อนของน้องสาวเป็นผู้ชายนะยะ ทั้งคู่คุยกันถูกคอ เมื่อคลินิกปิดคุณหมอจะพาเพื่อนน้องไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ วันนี้วันอาทิตย์ นุดลพาบูรฉัตรไปที่บ่อตกปลา เพราคุณหมอแอบมาติดใจลูกสาวเจ้าของ ฟิชชิ่งปาร์คแห่งนี้เธอชื่อว่า ทรงวาด เมื่อหมอพาบูรฉัตรมาถึงทรงวาดออกมาต้อนรับ
ทรงวาด : วันนี้จะตกปลาไหมคะ
หรือทานอาหารอย่างเดียว
นุดล : ตกปลาด้วยครับ วันนี้พาเพื่อนมาด้วย ผมขอแนะนำให้รู้จักนี่คุณทรงวาด
บูรฉัตร : สวัสดีครับ
นุดล : แล้วนี่คุณบูรฉัตรมาจากกรุงเทพ
ทรงวาด : สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ นั่งที่ซุ้มริมบ่อเลยนะคะ
บูรฉัตร : บรรยากาศที่นี่ดีจังเลยนะครับ
***บูรฉัตรชมอย่างจริงใจ เพราะบ่อตกปลาแห่งนี้เป็นท้องน้ำเวิ้งว้างเนื้อที่กว่าสองร้อยไร่ มีซุ้มแบบเรือนไทยชายน้ำให้นั่งกินอาหารและมีระเบียงยื่นออกไปในน้ำสำหรับให้ตกปลา
นุดล : คุณจะพายเรือเล่นก็ได้นะครับ
บูรฉัตร : ไม่ดีกว่าครับ
ผมกลัวตกน้ำ
นุดล : คุณว่ายน้ำไม่เป็นเหรอ
บูรฉัตร : เป็นครับแต่ที่กว้างๆแบบนี้ไม่เอาดีกว่า
นุดล : เสียดายที่ยายนันไม่มาด้วยรายนั้นเขาชอบพายเรือเล่น พายออกไปถึงฝั่งด้านโน่น พายไปพายกลับสนุกเขาเลย คุณจะทานอะไรดีที่นี่อาหารเขาอร่อยมาก มีทุกอย่างอาหารจีนก็มี
บูรฉัตร : มาบ่อตกปลาอย่างนี้ขอเป็นพวกปลาดีกว่า
นุดล : ครับ อย่างนั้นคุณเลือกเลย
**นุดลส่งเมนูอาหารให้บูรฉัตรแล้วหันมองทรงวาด เห็นเธอเดินต้อนรับลูกค้าอยู่ซุ้มถัดไป ทรงวาดหันมายิ้มให้หมออย่างมีไมตรี บูรฉัตรเหลือบตามอง
ทรงวาดให้แขกนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาที่ซุ้มของหมอนุดล
ทรงวาด : วันนี้ทำไมคุณนันไม่มาด้วยล่ะคะ
นุดล : เขาพาแม่ไปวัดน่ะครับ เอาข้าวไปถวายพระเพล
ทรงวาด : แหมดีจังนะคะ
คุณนันพาคุณแม่ไปวัด คุณหมอพาเพื่อนมาตกปลา
นุดล : โธ่...วันนี้ไม่ใช่วันพระนี่ครับ
***หมอรีบแก้ตัวทรงวาดยิ้มละไม แต่บูรฉัตรชักหงุดหงิดไม่ชอบใจ เขาดูออกว่าสองคนนี้มีใจให้กัน เพราะสายตาของหมอและทรงวาดมองกันหวานเยิ้ม
***เหมรุจน์ยืนดูลูกน้องทำร้านให้องุ่นอยู่กลางไร่ สุดาดวงเดินลัดร่องสวนเข้าไปหาเขา
ลูกน้องหลายคนของเหมรุจน์หันมองกันเป็นตาเดียวเพราะท่าเดินที่กลัวจะล้มของเจ้าหล่อนมันค่อนข้างจะคล้ายตัวตลกในสายตาของบรรดาคนงาน เหมรุจน์ยืนเท้าสะเอวมอง กึ่งขำกึ่งขัดลูกนัยน์ตา จนกระทั่งสุดาดวงเดินมาจนถึง
เหมรุจน์ : คุณจะเข้ามาทำไมในไร่ในสวน
สุดาดวง : ก็มาดูรุจน์ทำงานน่ะสิคะ แต่มันร้อนจังเลยร่มเงาอะไรก็ไม่มี
เหมรุจน์ : คุณน่ะ
หาเรื่องลำบากเอง
ก็รู้อยู่ที่นี่กลางไร่กลางสวนมันจะเย็นสบายอย่างกับอยู่ในออฟฟิตได้ยังไง
สุดาดวง : ก็รุจน์หายหน้าไปสองวันไม่ไปหาดวง ดวงอยากรู้ว่ากำลังยุ่งอะไรก็เลยมาดู
เหมรุจน์ : คิดจะตามคุมผมเหรอ
สุดาดวง : แล้วรุจน์อยากให้ดวงตามคุมหรือเปล่าล่ะ
เหมรุจน์ : ถ้าคุณคิดแบบนั้นคุณก็คิดผิดตั้งแต่แรกแล้ว
สุดาดวง : ดวงก็แค่ถามรุจน์ดูเท่านั้น เผื่ออยากให้มีคนตามคุม
เหมรุจน์ : แดดมันร้อนผมว่าคุณไปรอผมที่บ้านดีกว่านะ
สุดาดาดวง : ไม่เอา
ดวงรอไปพร้อมกับรุจน์ดีกว่า
เหมรุจน์ : อีกเป็นชั่วโมงนะคุณจะไหวเหรอ เชื่อผมเหอะกลับไปรอผมที่บ้าน ผิวขาวๆของคุณจะได้ไม่โดนแดดเผาเอาด้วย
สุดาดวง : อย่างนั้นก็ได้ค่ะ
งั้นดวงไปก่อนนะ
***สุดาดวงพูดแล้วยื่นหน้ามาหอมแก้มเขาฟอด
คนงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลถึงกับคอย่นกันเป็นแถว
มีเจ้านายรูปหล่อเนื้อหอมก็ได้เห็นของอะไรดีๆอย่างนี้แหละ
สุดาดวงมาที่บ้านของเหมรุจน์หล่อนถือวิสาสะเข้าครัวเพื่อจะทำอาหารให้
เขากิน แม่สำเนียงบอก
สำเนียง : อาหารกลางวันอิฉันเตรียมเอาไว้เสร็จแล้วล่ะค่ะ
สุดาดวง : มีอะไรมั่ง
สำเนียง : ต้มซี่โครงหมูกับมะระ แกงคั่วผักบุ้งกับปลาแห้งค่ะ
สุดาดวง : แหมมีแต่แกงกับต้มทำยำแซ่บๆเพิ่มอีกซักอย่างเถอะ
สำเนียง : คุณจะยำอะไรล่ะคะ
สุดาดวง : มีอะไรที่พอจะยำได้มั่งล่ะ ฉันจะยำให้รุจน์กิน
สำเนียง : มีกุ้งแห้งค่ะและก็กุนเชียง
สุดาดวง : นี่
กุ้งแห้งกับกุนเชียงน่ะเขาเอาไว้ยำกินกับข้าวต้มเท่านั้นที่ฉันจะยำเนี่ย
ยำกินเล่นๆนะพวกหมูยอไส้กรอกแฮมหรือว่ากุ้งสดๆน่ะไม่มีหรือ
สำเนียง : ไม่มีหรอกค่ะ
สุดาดวง : ไม่มีก็ไปซื้อได้ไหมไปซื้อที่ตลาดมา
สำเนียง : แต่กว่าจะไปจะกลับคุณรุจน์เธอคงกลับมากินข้าวแล้ว
สุดาดวง : ก็รีบไปรีบกลับมาซี่จะได้ทัน
***สุดาดวงใช้
แม่สำเนียงจึงต้องเตรียมไปตลาดเพื่อซื้อของพอดีกับเสริมกลับเข้ามาพอดี
เสริม : จะไปไหนสำเนียง
สำเนียง : ไปซื้อของที่ตลาดค่ะ
เสริม : อ้าวแล้วไปยังไง เจ้าจรมันก็ไปกับรุจน์ไม่ใช่เหรอใครจะขับรถให้
สำเนียง : เดินไปขึ้นรถสองแถวปากทางค่ะ
เสริม : แล้วทำไมต้องรีบซื้อเอาแต่ป่านนี้เล่า
รอให้เจ้าจรมันมาก่อนแล้วค่อยไปแดดร้อนเปรี้ยงออกอย่างนี้
***เสริมว่า สุดาดวงเดินออกมา
สุดาดวง : ตายนี่ยังไม่ไปอีกเหรอ เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดีรุจน์กลับมาซะก่อน
***สุดาดวงว่าสำเนียงเสริมหันมอง
เสริม : จะใช้ให้สำเนียงไปซื้ออะไรเหรอ
สุดาดวง : คุณพ่อ...ดวงจะทำยำให้รุจน์กินค่ะเลยให้ป้าสำเนียงไปซื้อของที่ตลาด
เสริม : อ้าวแล้วแม่สำเนียงไม่ได้ทำกับข้าวมื้อกลางวันไว้เรอะ
สำเนียง : ทำค่ะ
***แม่สำเนียงบอก
สุดาดวง : ทำค่ะแต่มีแค่แกงจืดกับแกงคั่ว ดวงอยากทำยำให้รุจน์กิน
เสริม : โอ้ยกับข้าวสองอย่างก็เยอะแยะแล้ว
ยำเยิมเอาไว้วันหลังเถอะ
กว่าสำเนียงเขาจะไปจะกลับคงสามโมงเย็นเพราะต้องไปรถสองแถวร้อนตายแดดแบบนี้
***เสริมพูดอย่างไม่เกรงใจสุดาดวงเพราะเจ้าหล่อนอยากมาทำเป็นเจ้ากี้เจ้าการก่อน สุดาดวงจึงหน้าม้านไปเท่านั้น
***เสริมเห็นเมื่อเหมรุจน์กลับมาบ้านสุดาดวงคอยพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจทำตัวเป็นแม่บ้านชั้นเยี่ยมจึงเดินไปนั่งดูวีดีโอในห้องนั่งเล่น
ปล่อยให้ลูกชายจี๋จ๋ากับผู้หญิงของเขาไปตามสบาย กว่าสุดาดวงจะกลับไปก็เย็นหลังอาหารมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว เหมรุจน์นอนเอกเขนกบนเก้าอี้โยก เสริมเดินเหล่เข้ามา
เสริม : ไง
ไอ้ขุนแผนนางลาวทองเอาอกเอาใจยังงี้แล้วแกยังคิดจะไปฉุดนางพิมอีกหรือไง
เหมรุจน์ : พ่อนางพิมน่ะมันอดีตเมียของขุนแผนนะแต่กรณีของผมน่ะไม่ใช่
เสริม : ความจริงน่ะนะแม่สุดาดวงของแกนี่เขาก็เอาอกเอาใจหลงแกยังกะอะไรดี แกยังจะดิ้นรนไปอีกทำไมวะ
เหมรุจน์ : พ่อไม่ต้องมาชักแม่น้ำให้ผมฟังเลย พ่อไปพูดกับอาชินเขาหรือยัง
เสริม : ยัง
เหมรุจน์ : แล้วเมื่อไหร่ล่ะ
เสริม : อีกวันสองวันเถอะ
เหมรุจน์ : วันสองวันของพ่อน่ะเมื่อไหร่กันแน่
เสริม : ก็บอกแล้วไงว่าอีกวันสองวัน
เหมรุจน์ : พ่อไม่กล้าไปใช่ไหมล่ะ
เสริม : ทำไมถึงจะไม่กล้าวะ
เหมรุจน์ : ก็เห็นพ่อยังไม่ไปซักที
เสริม : ก็บอกแล้วไงล่ะ
ว่าอีกวันสองวัน
แกไม่ต้องใจร้อนใจเร็ว
มีเวลาไตร่ตรองซะให้รอบคอบด้วยจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง ว่าไม่น่าวู่วามใจร้อน
***เสริมกับเหมรุจน์กำลังยืนดูจรอาบน้ำให้หมาที่สนาม
เด็กจากอู่ซ่อมรถเอาบิลมาแจ้งค่าซ่อมรถสองคันที่ชนกันไว้
เด็กอู่ซ่อม : ผมเอาบิลมาส่งครับ
เสริม : เรอะไหนมาดูซิเท่าไหร่
เด็กอู่ซ่อม : สองแสนกับสามหมื่นบาทครับ
เสริม : ห๋า สองแสนกว่าเลยเรอะทำไมมันแพงนักวะ
เด็กอู่ซ่อม : รถปิกอัพน่ะตกราคาไว้สามหมื่น
แต่รถเบนซ์ทั้งทำสีและเปลี่ยนอะไหล่บางชิ้น รวมทั้งไฟหน้าสี่ดวงก็สองแสนน่ะครับ
เสริม : โอยจะเป็นลมตั้งสองแสนกว่า
***เสริมลมขึ้นในขณะที่เหมรุจน์หน้าหงิก
เหมรุจน์ : หนอย
ยายตัวแสบอยู่ดีๆหาเรื่องให้ต้องเสียเงินสองสามแสน แค้นนี้ไม่เอาคืนก็บ้าเต็มทนแล้ว
เสริม : เฮ้ยเจ้ารุจน์ นั่นแกจะไปไหน
เหมรุจน์ : ไปสงบสติอารมณ์สิพ่อจะไปไหนเล่า
เสริม : แกนะแกอยู่ดีๆหาเรื่องเสียเงิน
เอาพรุ่งนี้จะไปจ่ายให้นะบอกเถ้าแก่ว่ารถให้มั่งซ่อมรถไม่ได้ซื้อรถใหม่
***เสริมบ่นแล้วส่งบิลคืนให้กับเด็กที่มาเก็บเงิน อารมณ์บูดจนแทบไม่อยากกินข้าวเย็น
ขณะที่สองพ่อลูกกำลังหงุดหงิดสุดขีดแต่คนที่หัวเราะหน้าบานคือนันดาวันนี้เธอไปรับรถมาและรู้ราคาค่าซ่อมแสนจะสะใจ
นันดา : ดีสมน้ำหน้านี่ถ้าเป็นนายจ่ายเองฉันจะเปลี่ยอะไหล่ให้หมดทั้งคันเลย
แก้วตา : เป็นอะไรยายนันแม่เห็นเรานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านแล้ว
นันดา : ยิ้มสะใจค่ะแม่
แม่รู้ไหมวันนั้นไปรับรถเบนซ์มา
ค่าซ่อมเขาคิดเท่าไหร่
แก้วตา : เท่าไหร่ล่ะ
นันดา : สองแสนค่ะแม่
แก้วตา : ตายจริง
ทำไมมันแพงขนาดนั้น
รถเสียหายไม่มากซักหน่อย
นันดา : ค่ะเสียหายไม่มาก
แต่นันให้เขาเปลี่ยนอะไหล่ที่มันกระทบกระเทือนหลายชิ้นเลยอ้วก
แก้วตา : ยายนัน
นี่อย่าบอกแม่นะ
ว่าหนูแกล้งรุจน์แกล้งลุงเสริมเขา
นันดา : เปล่าค่ะ
ไม่ได้แกล้งอะไหล่บางชิ้นมันกระทบกระเทือนแรงๆมันก็ต้องเปลี่ยนซะเพื่อความปลอดภัยในการใช้ของเราในวันหน้า
แก้วตา : แต่ตั้งสองแสนแม่ว่ามันเกินไปนะลูก ป่านนี้ลุงเสริมมิลมจับแล้วเหรอ
นันดา : ช่วยไม่ได้อยากมีลูกเป็นอันธพาลเอง
ใครใช้ให้เขามาหาเรื่องนันก่อนล่ะคะนี่แหละเขาเรียกว่าสั่งสอนนักเลงต้องเอาให้เจ็บแสบไปถึงกึ๋น
แก้วตา : ไม่เอาน่ะยายนันแม่ไม่ชอบเลยนะที่ลูกสาวของแม่ทำตัวเป็นคนเก่งแก่นกล้าแบบนี้
นันดา : เก่งสิดีนะคะแม่
ถ้านันอ่อนแอแม่ก็ต้องเป็นห่วงนันอีกกลัวนันเอาตัวไม่รอด
แก้วตา : มันก็ต้องเก่งให้ถูก
เก่งแบบนี้ผู้หลักผู้ใหญ่เขาเดือดร้อนไปด้วย ลุงเสริมเขาเป็นคนจ่ายค่าซ่อมไม่ใช่เหรอ
นันดา : ค่ะ
แก้วตา : ต่อไปอย่าคิดทำแบบนี้อีกนะ มันเสียหาย
นันดา : ค่ะถ้าเขาไม่ทำ
นันก็ไม่ทำอีกแน่นอน
***แก้วตาอ่อนใจ
ลูกสาวของเธอดูภายนอกนึ่งๆแต่เผ็ดยิ่งพริกซะอีกไม่รู้ครูที่โรงเรียนประจำอบรมลูกสาวของเธอมายังไงถึงได้เรียบร้อยอย่างกับมีดพับไว้แบบนี้
***บูรฉัตรเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ นันดาเดินออกมาส่งเพื่อนที่รถ
บูรฉัตร : ว่าไงนันเรื่องที่ผมขอความช่วยเหลือนัน
นันดา : ได้น่ะมันได้อยู่หรอก
แต่นันไม่ค่อยกล้าไปแสดงตัวมันใจคอไม่ดีโกหกผู้ใหญ่
บูรฉัตร : ก็ถือว่าช่วยผมและช่วยฝ่ายเขาด้วย นันรู้ใช่ไหมว่าถ้าเกิดผมจะต้องแต่งงานไปทั้งผมทั้งเขาจะทรมานจะทรมานกันไปตลอด
นันดา : บูรจะแก้ปัญหาโดยวิธีนี้ได้นานเท่าไหร่
พ่อบูรอยากให้บูรมีครอบครัว
แล้วถ้าแกเกิดจะให้บูรแต่งงานกับนันมิแย่เหรอ
บูรฉัตร : เราก็แต่งงานกันสิ
นันดา : จะบ้าเหรอ
บูรฉัตร : ผมว่านะ
ถ้าเราแต่งงานกันเราเข้าใจกันแบบนี้มันก็ดีสินะ
นันดา : ไม่เอาด้วยเด็ดขาด
นันต้องการมีชีวิตที่ไม่ด่างพร้อยกับปัญหาครอบครัว
แต่งกับบูรแล้วนันไปพบกับคนที่นันรักเขาจะคิดกับนันยังไง แม่หม้ายหย่าผัวโอย แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว
บูรฉัตร : ผมรู้ว่ามันเป็นไปอย่างนั้นไม่ได้ก็แค่คิดเล่นๆเท่านั้น นันรู้ไหมผมทรมานมากที่ต้องเป็นแบบนี้
ผมอยากเปิดเผยให้ทุกคนได้รู้ว่าผมต้องการอะไรอยากเป็นอะไร อยากทำในสิ่งที่ใจอยากทำเหลือเกิน
นันดา : บูร
บูรฉัตร : ผมกลับก่อนนะ
ยังไงนันก็ช่วยผมก่อนให้ครั้งนี้รอดไปก่อนครั้งหน้าแล้วค่อยว่ากันผิดนักผมก็จะสารภาพให้พ่อรู้
นันดา : จ่ะ นันจะช่วยบูร อาทิตย์หน้านันจะไปกรุงเทพฯแล้วนันจะโทรไปหานะ
บูรฉัตร : นันจะไปหาคุณดลไหม
เดี๋ยวผมจะแวะไปลาเขาหน่อย
ผมมานี่สนุกมากคุณดลพาเที่ยวซะทั่ว
นันดา : ไปก็ได้
***นันดานั่งรถไปกับบูรฉัตร
ทั้งคู่สวนทางกับเหมรุจน์ตรงทางแยกนันดาไม่ทันเห็นแต่เหมรุจน์เห็นหล่อนนั่งคู่ไปกับชายหนุ่มแปลกหน้า หน้าตาดี
เหมรุจน์ : หน้าบานเชียวนะยายแมงป่อง
คอยดูนะฉันจะเด็ดพิษที่หางของเธอแล้วขยี้ให้สาใจเลยยายตัวแสบ
***เหมรุจน์คิดจะเอาชนะนันดาให้สะใจ
ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงอยาดเอาชนะหล่อนเป็นที่สุด คงเพราะความร้ายกาจของหล่อนที่ไม่ยอมลดลาวาศอกแถมเล่นงานเขาแต่ละครั้งเจ็บแสบไปถึงกึ๋นทุกครา
........................................................................................
ตอนที่ 8
***เหมรุจน์เคี่ยวเข็ญให้พ่อไปทวงสัญญาสู่ขอนันดาให้จนเสริมต้องยอมไปพบกับชินและแก้วตา ชินเห็นเสริมลงจากรถก็รีบออกไปต้อนรับเพื่อนเก่า
ชิน : เสริม ว๊ะ วันนี้มาถึงบ้านข้าได้ มาๆๆ แม่แก้ว
แม่แก้วออกมาดูซิใครมาบ้านเรา
***ชินตะโกนเรียกเมีย แก้วตาออกมาเห็นเสริมก็ดีใจ
แก้วตา : คุณเสริม
เชิญเลยคะ เชิญ เชิญข้างในบ้านนะคะ
เสริม : ไม่ต้องข้างในหรอก
นั่งคุยกันตรงนี้ก็ได้ลมเย็นดี
***เสริมบอกชักเขินๆเหมือนกัน ที่สองผัวเมียต้อนรับอย่างดี
ชิน : แม่แก้วจ๊ะ
ขอไวน์เย็นๆให้เจ้าเสริมมันด้วยนะ
เสริม : โอ๊ะ เลี้ยงไวน์เชียวรึ แหมมันจะมากเกินไปหรือเปล่า
ชิน : มากเมิกอะไร แกชอบไวน์ข้ารู้หรอก
***แก้วตาสั่งให้แม่บ้านจัดไวน์จัดของกินออกมารับรองเพื่อนเก่า เสริมหันมองไปรอบๆ
เสริม : แล้วนี่ลูกๆของแกหายไปไหนกันหมดล่ะ
ชิน : อ๋อ
ลูกชายข้าเขาอยู่ที่คลินิกของเขาในเมืองโน่น ส่วนเจ้านันดาอ่านหนังสือเล่นอยู่ที่สระน้ำหลังบ้านมั้ง ว่าแต่แกเถอะมาหาข้ามีเรื่องอะไร หรือจะมาเก็บค่าซ่อมรถเบนซ์วะ
เสริม : เฮ้ย ไม่ๆๆ ข้าจ่ายเองก็จ่ายเองสิจะมาเก็บเงินแกทำไมอีก ไม่ได้ไปมาหาสู่กันซะนาน ก็อยากมาหามั่ง
***สองเพื่อนที่เคยรักกันนั่งดื่มนั่งคุยกัน เสริมกินอาหารว่างที่แก้วตาเอามาเสริฟ
เสริม : แหมฝีมือกับข้าวของแม่แก้วตานี่อร่อยจริงๆนะ
ชิน : ก็อร่อยน่ะสิ
ข้าถึงไม่เคยไปกินข้าวที่ไหนมาเกือบจะสามสิบปีแล้ว
เสริม : เออนะเผลอแป๊บเดียว เวลาผ่านไปยี่สิบสามสิบปีแล้ว
ชิน : ก็ดูลูกๆของเราซิ
ปีนี้ลูกชายคนโตของข้าอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว
เสริม : เออลูกเอ็งมันแก่กว่าลูกของข้าหนึ่งปี
แล้วลูกสาวเอ็งละวะปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว
ชิน : ปีนี้เรอะ เอ...อายุ ยี่สิบสองจะยี่สิบสามแล้วล่ะ
เสริม : บ๊ะ ก็กำลังซินะ
ชิน : กำลังอะไร
เสริม : ก็กำลังเต็มสาวสพรั่ง
ข้าละเสียดายมีลูกแค่คนเดียว
ไม่มีลูกสาวกะเขา
ชิน : แต่เขาว่าลูกสะไภ้แกก็เป็นโขลงนี่นา
เสริม : มีที่ไหน
ตอนนี้เจ้ารุจน์มันยังเป็นโสดอยู่
***เสริมรีบบอก
ชิน : อ้าวไหนเขาบอกว่าลูกชายแกมีเมียแล้วไง
เสริม : เมียเมออะไร
มาติดพันกันเป็นพักๆ
แล้วก็เลิกกันไปตอนนี้มันเป็นโสดทำสวนทำไร่องุ่น
ชิน : อืมม์
ก็ได้ข่าวอยู่ว่าลูกชายแกทำไร่ส้มไร่องุ่น
แล้วเป็นยังไงดีไหม
เสริม : ยังไม่ได้ผลต้องรออีกสักระยะหนึ่งนั้นแหละ
ชิน : ทุนคงสูงเหมือนกันนะปลูกพืชพวกนี้
เสริม : เห็นมันว่ามากเอาการอยู่นา
มันชอบทางนี้ของมันจะให้มันช่วยดูแลกิจการของข้ามันก็ไม่เอา
ชิน : ปล่อยเขาไปเถอะ
ถ้าเขาทำของเขาได้
เราก็ทำในส่วนที่เคยทำมาไป
***เสริมอยู่คุยกับชินจนกระทั่งเย็นจึงกลับ หลังจากเสริมกลับไปแล้วชินก็นั่งเงียบอยู่คนเดียว จนแก้วตาเข้ามาถามสามี
แก้วตา : มึนไวน์หรือไงคะ
หมดไปตั้งสามขวด
ชิน : มันก็มึนอยู่ แล้วนี่ยายนันล่ะ
แก้วตา : ยังไม่เห็นเลย
แต่ไลลามาเอาขนมไป
สงสัยจะยังอยู่ที่ศาลานั่นแหละ
ชิน : นั่งก่อนสิ คุยกับผมก่อน
แก้วตา : มีอะไรรึเปล่าคะ
***แก้วตามองหน้าสามี
ชิน : มันก็มีน่ะนะ
แก้วตา : มีเรื่องอะไรหรือ
นี่เสริมเขาคงไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเราเฉยๆใช่ไหม
***ชินถอนใจพยักหน้ารับ แก้วตาหน้าเสียขึ้นมาทันที
แก้วตา : เขาคงไม่ได้มาทวงสัญญากับเรานะคะ
ชิน : แม่แก้วยังจำสัญญานั้นได้เหรอ
แก้วตา : จำได้สิคะ
ทำไมจะจำไมได้ ก็ที่ฉันกังวลใจมาตลอดก็เรื่องนี้นี่แหละ
ชิน : เจ้าเสริมมันพูดมาเรื่องนั้นจริงๆ
แก้วตา : ห๋า...แล้วคุณว่ายังไง
ชิน : จะให้ผมว่ายังไงล่ะ
แก้วตา : ก็ ก็ลูกชายเขามีเมียไปแล้วนี่
ชิน : มันบอกว่ายัง
แก้วตา : ยังอะไรใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นตารุจน์พาเมียมาอยู่ด้วยที่บ้าน
ชิน : เสริมมันบอกตอนนี้ไม่มีแล้ว
เลิกร้างกันไปหมดแล้ว
จะไปว่ายังไงล่ะ
แก้วตา : แล้วเขามาพูดยังไง
ชิน : เขาบอกเขาอยากได้ยายนันไปเป็นลูกสะใภ้เขาน่ะสิ
แก้วตา : ยายนันไม่มีทางยอมหรอก เราจะไม่บังคับใจลูกนะคะ
ชิน : แล้วคุณจะทำยังไงสัญญาครั้งนั้นทางเราเป็นฝ่ายเสนอเอาไว้เอง
แก้วตา : ก็เราไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้นี่คะ ตารุจน์น่ะนักเลงจะตาย เจ้าชู้หรือก็ไม่ปาน แถมยายนันก็ไม่กินเส้นกันจะให้เขาแต่งงานกันได้ยังไง
ชิน : คุณจะยอมเสียคำพูดผิดสัญญาไหมล่ะ
แก้วตา : ยอมค่ะ
ฉันยอม
ชิน : แต่ผม
***ชินพูดอย่างอึดอัด
แก้วตา : คุณไม่รักไม่สงสารยายนันเหรอคะ
เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยและมันก็เป็นชีวิตของเขา
เรื่องครอบครัวเขาควรจะมีสิทธิเลือกของเขาเองนะคะ
ชิน : แต่ผมเคยทำให้เจ้าเสริมมันผิดหวังเจ็บปวดมาแล้วครั้งหนึ่ง
แก้วตา : จะพูดยังงั้นได้ยังไง ฉันรักคุณไม่ได้รักคุณเสริม
เรื่องครั้งนั้นกับเรื่องครั้งนี้มันคนละอย่างกัน
ชิน : ผมไม่สบายใจเลยมันเหมือนคนขี้โกงไม่มีสัจจะ
***แก้วตาได้แต่เงียบ
เธอนึกถึงคำมั่นสัญญาที่เธอกับชินให้ไว้แก่เสริมเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
ชิน : เสริมข้ากับแก้วรักกัน
***ชินบอกเพื่อนหลังจากที่ทั้งสามนัดกันมาตัดสินปัญหาหัวใจในสวนสาธารณะ
เสริม : ข้าก็รักแก้ว รักมากที่สุด ข้าไม่เคยรักใคร
แก้วตา : เสริม
แก้วรู้ว่าเสริมดีกับแก้วมาตลอด
แต่ใจของแก้วมอบให้กับชิน
แก้วรักชิน
***แก้วตาตัดใจพูด
เสริมถึงกับหลับตาข่มความรู้สึกเจ็บปวดที่พุ่งจี๊ดเฉียดแทงหัวใจจนเหลือจะทน
ชิน : ข้าจะแต่งงานกับแก้วตา
เราจะแต่งงานกัน
***ชินบอก เสริมทรุดลงนั่งบนขอนไม้ มือสั่นระริก
แก้วตาน้ำตาไหลเพราะสุดจะสงสารเพื่อนที่แสนดีคนนี้
แก้วตา : เสริมเข้าใจแก้วด้วยนะ ถึงแม้เราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไม่ได้ แต่แก้วก็จะนับว่าเสริมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแก้ว
เสริม : ผมมีวาสนาได้เป็นแค่เพื่อนของแก้วเท่านั้นใช่ไหม
***เสริมพูดแผ่วเบา
ชิน : ไม่แค่นั้นหรอกว่ะ เพื่อน
เราสามคนอยากเป็นพี่น้องกันซะด้วยซ้ำ
ถ้าเป็นไปได้
เสริม : แต่มันก็เป็นไปไม่ได้
แก้วตา : เสริมเอาอย่างนี้ไหมถ้าวันข้างหน้าเรามีลูก เราจะให้ลูกของเราสานความสัมพันธ์ต่อกันไปให้ยาวนานตราบชั่วลูกหลานเหลน
เสริม : สานยังไง
***เสริมพูดอย่างเลื่อนลอยจิตใจเจ็บปวด
ชิน : เราจะให้ลูกของเราแต่งงานผูกสายสัมพันธ์กันยังไง
***ชินบอกและแก้วตาก็ช่วยสนับสนุนเห็นดีด้วย
แก้วตา : ใช่ถ้าลูกของแก้วเป็นผู้ชาย แล้วลูกของเสริมเป็นผู้หญิงขอจองขอหมั้นเอาไว้
แต่ถ้าลูกของเสริมเป็นผู้ชายแล้วลูกของแก้วเป็นผู้หญิง
เสริมต้องมาขอและแต่งลูกของแก้วให้ลูกของเสริมนะ
เสริม : มันจะเป็นไปได้เหรอ
ชิน : ต้องเป็นไปได้ซิ ข้าสัญญา สัญญาลูกผู้ชาย สัญญาของเพื่อน
แก้วตา : แก้วขอเป็นพยาน
และนี่เป็นเครื่องเตือนความทรงจำที่แก้วขอมอบไว้ให้กับเสริม
***แก้วตาถอดกำไลข้อมือเงินสลักชื่อมอบให้กับเสริมที่รับไว้ด้วยหัวใจที่ร้าวรานพ่ายแพ้
ชิน : เอาเจ้าเสริมมันฝากเอาไว้ให้คุณ
***ชินวางกำไลข้อมือลงตรงหน้าของแก้วตา นางถึงกับหน้าถอดสี
แก้วตา : นี่เสริมเขายังเก็บกำไลอันนี้เอาไว้อีกหรือคะ
ชิน : เราเป็นผู้ยัดเยียดสัญญาให้กับเขา
แล้วเราจะกล้าผิดคำสัญญาเองเชียวหรือ
***ชินพูด แก้วตาถึงกับอึ้งพูดไม่ออก สองผัวเมียนั่งเครียดคิดอะไรไม่ออก นันดาย่องเข้ามาแล้วกอดคอพ่อหยอกเย้า
นันดา : คุยอะไรกันอยู่คะ
ชิน : ยายนัน พ่อตกใจหมด
นันดา : มีอะไรกันหรือเปล่าถึงทำหน้ากันอย่างนี้
ชิน : ไม่มีหรอกแล้วนี่นันหายไปไหนมา
นันดา : ไปตกปลาที่สระหลังบ้าน
ไม่ได้สักตัวสงสัยปลามันชะตายังไม่ถึงคาด
ชิน : ทำบาปอีกแล้วนะ
จะไปตกมันทำไมทรมานมันเปล่าๆ
นันดา : จะทรมานอะไรล่ะคะ มันก็ไม่มากินเบ็ดนันซักตัว
***นันดาลงนั่งหยิบฝรั่งที่เหลืออยู่ในจานใส่ปากเคี้ยว แก้วตากับชินมองลูกสาวอย่างหนักใจที่สุด
***ที่บ้านของเสริม
เหมรุจน์ : ว่าไงพ่อเรียบร้อยไหม
***เหมรุจน์ถามพ่อขณะนั่งกินข้าวมื้อเย็นด้วยกัน
เสริม : อะไรเรียบร้อย
เหมรุจน์ : ก็วันนี้พ่อไปทำอะไรมาเล่า
เสริม : ไปกินไวน์กับอาชินของแกแล้วก็คุยกันสัพเพเหระ
เหมรุจน์ : แค่นั้นเหรอ
แล้วเรื่องทวงสัญญาล่ะ
พ่อพูดถึงหรือเปล่า
เสริม : พูด
เหมรุจน์ : แล้วอาชินว่ายังไง
คงเบี้ยวตามฟอร์มละซี่ ใช่ไหม
เสริม : ก็ถ้าแกรู้แล้วจะมาถามพ่ออีกทำไม
เหมรุจน์ : ดี
ขอดีๆไม่ให้แล้วจะได้เห็นกัน
เสริม : นี่แกอย่าทำอะไรบ้าๆนะ
เค้ายังไมได้พูดอะไรทั้งนั้น
เหมรุจน์ : อ้าวไหนพ่อบอกว่าเขาปฏิเสธไง
เสริม : แกมันพูดเอาเอง
พ่อยังไม่ได้พูดยังงั้นซักกะหน่อย
เหมรุจน์ : โธ่พ่อ
แล้วมันยังไงกันล่ะ
เสริม : นี่ที่แกเร่งร้อนเนี่ย แกรักเขาจริงหรือเปล่าวะ ท่าทางแกเหมือนจะเอาเขามาขย้ำเล่นยังงั้นแหละ
เหมรุจน์ : พ่อคิดอะไร
เสริม : ก็แกกระเหี้ยนกระหือรือเหลือเกินใจร้อนอยากได้ คนนะโว้ยไม่ใช่ลูกหมาลูกแมว แกจะเอาเขามาร่วมชีวิตด้วย ใจแกมันต้องพร้อม
พ่อถามจริงๆเถอะแกน่ะพร้อมแค่ไหนกับการจะจัดงานแต่งให้คนทั่วไปเขารับรู้ ว่าแกจะมีเมียเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว
เหมรุจน์ : ก็น่าจะพร้อม
เสริม : แน่นะ
เหมรุจน์ : แน่สิพ่อ
เสริม : พ่อจะบอกให้นะเมียแกคนนี้พ่อเป็นคนไปขอไปจัดการจะคุ้มครองเขาเหมือนกับที่คุ้มครองแก ไม่ว่าจะผิดจะถูกพ่อต้องมีส่วนรับรู้ด้วย จะไม่นิ่งดูดายเหมือนเมียที่ผ่านๆมาของแก
เหมรุจน์ : พ่อจะไปคุ้มครองอะไรเขาได้
เสริม : แกก็คอยดูไปก็แล้วกัน
เดี๋ยวจะหาว่าพ่อไม่บอกซะก่อน
***เหมรุจน์นึกในใจให้นันดามาอยู่ในกำมือของเขาซะก่อนเถอะพ่อจะทำอะไรก็ได้
........................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น