ตอนที่ 19
***แก้วตานั่งรอชินที่พาเหมรุจน์ส่งโรงพยาบาล เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ชินยังไม่โทรกลับมาแจ้งข่าว นันดานั่งหน้าเสียจ๋อยสนิท
ในที่สุดแก้วตาก็ทนรอไม่ไหวต้องโทรไปถามข่าวสามี
แก้วตา : ฮัลโหล
คุณคะรุจน์เป็นยังไงมั่ง
ชิน : ยังไม่ฟื้นเลยนี่ผมก็นั่งรออยู่หน้าห้อง
หมอเขาเอาไปเช็คสมองยังไม่กลับมาเลย
แก้วตา : หมอว่าเป็นยังไงมั่งคะ
ชิน : ยังไม่รู้ต้องรอก่อน
แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือรุจน์ยังไม่ฟื้นนี่สิ
แก้วตา : โธ่เอ๊ย
ชิน : เท่านี้ก่อนนะยังไงแล้วผมจะโทรไปบอก
แก้วตา : ค่ะ
***แก้วตาวางโทรศัพท์เดินมาหานันดาที่มองแม่หน้าเสียอย่างอยากรู้ผล
แก้วตา : นันรุจน์ยังไม่ฟื้นเลย
นันดา : เขาถึงตายเลยใช่ไหมคะ
แก้วตา : ไม่หรอกลูกเขาไม่ตาย
นันทำใจดีๆไว้นะ
***ชินกลับมาบ้านจนสว่าง
สีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเข้ามาในบ้านแก้วตารีบถามสามี
แก้วตา : คุณคะรุจน์
ปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ
ชิน : ปลอดภัยอะไร ยังไม่ฟื้นเลยหมอบอกสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง เขาอาจจะพิการ
แก้วตา : ห๊า...พิการเหรอคะ
***นันดาได้ฟังหน้าถอดสีแก้วตาเองก็ใจสั่น
แก้วตา : รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ
ชิน : จะไม่รุ่งแรงได้ยังไง
เข้าที่ทัดดอกไม้แตกเย็บสิบสองเข็ม
***นันดาวิ่งขึ้นชั้นบนแก้วตากับชินวิ่งตามลูกอย่างเป็นห่วง
***เสริมปาริตามาออกันอยู่ ในห้องพักฟื้นคนไข้ เหมรุจน์เพิ่งฟื้นและถูกพามาที่ห้องพิเศษ เสริมเข้าไปดูลูกชายที่นอนลืมตา
เสริม : รุจน์เป็นยังไงบ้างลูก
สุดาดวง/ปาริตา : รุจน์คะเจ็บมากไหม
***สุดาดวงกับปาริตาถาม แต่เหมรุจน์นอนนิ่งทั้งสามมองเหมรุจน์อย่างแปลกใจ หมอตามเข้ามา
หมอ : อย่าเพิ่งรบกวนคนไข้นะครับ
เสริม : ทำไมมันนอนิ่งลืมตาแป๋วอย่างนี้ล่ะหมอ
เหมือนมันไม่รู้สึกรู้สา
หมอ : สมองคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
ต้องรอดูอาการอีกซักระยะตอนนี้อย่าเพิ่งรบกวนอะไรคนไข้นะครับ
เสริม : หมอมันจะเป็นปกติเมื่อไหร่
ผมไม่สบายใจเลยที่เห็นมันเป็นแบบนี้
นอนิ่งตาลอยๆเหมือน
***เสริมพูดไม่ออก หมอได้แต่หนักใจ ปาริตากับสุดาดวงร้องไห้อย่างสงสารสามี
ปาริตา : โธ่รุจน์ไม่น่าเลย
สุดาดวง : คอยดูนะถ้ารุจน์เป็นอะไรไป ดวงจะไม่ไว้มันเลยอีนันดา
เสริม : เธอจะไปทำอะไรเขา
อย่าสร้างปัญหาให้มันเพิ่มขึ้นมาอีกนะ
***เสริมตวาด
สุดาดวง : ก็มันทำกับรุจน์จนถึงขนาดนี้ คุณพ่อยังจะปกป้องมันอีกหรือคะ
เสริม : ผัวเมียมันทะเลาะกันพรั้งมือกันไป
จะไปโทษกันได้ยังไง
ถ้าไม่มีพวกเธอ
เจ้ารุจน์กับหนูนันมันคงไม่ทะเลาะกันตีกันขนาดนี้หรอก
***เสริมยังเข้าข้างนันดาซะอีก
สุดาดวง : คุณพ่อ
เสริม : ฉันน่ะจะหมดความอดทนหมดความเกรงใจแล้วนะ
ผู้ชายดีๆมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมถึงต้องมาเอาเจ้ารุจน์คนเดียว
แล้วเมื่อไหร่ชีวิตครอบครัวของมันถึงจะสงบสุข
คนนั้นจะเอาอย่างนี้คนนี้จะเอาอย่างงั้นแย่งกันเข้าไป
***เสริมว่ากราดปาริตากับสุดาดวงต้องเงียบและยืนร้องไห้กระซิกๆกัน พยาบาลเข้ามาฉีดยาให้เหมรุจน์ เขานอนิ่งไม่รับรู้ทั้งนั้น
ชินกับแก้วตาเสียใจแทนเพื่อนที่เหมรุจน์เป็นแบบนี้
แก้วตา : แก้วขอโทษแทนยายนันด้วยนะคะเสริม
เสริม : มันเป็นคราวเคราะห์ของเจ้ารุจน์มัน
ฉันไม่โทษหนูนันหรอก
แต่สงสารมันเรื่องเมื่อวานมันนั่งรอหนูนันจนดึกถึงได้ออกไปตามจะรับกลับบ้าน
***แก้วตาน้ำตาซึมชินเองก็พูดอะไรไม่ออก
ชิน : มันต้องมีทางรักษาน่ะเพื่อน
ข้าจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง
***แก้วตากับชินกลับมาบอกนันดาถึงอาการของเหมรุจน์
หญิงสาวถึงกับใจสั่นมือสั่น
นันดา : แม่คะ
นันไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาเป็นแบบนั้น
แก้วตา : แม่รู้
แต่มันเกิดขึ้นแล้ว
หนูควรจะไปเยี่ยมไปดูแลเขาบ้างนะ
นันดา : นันไม่กล้า
นุดล : นันต้องกล้าซิ
เมื่อกล้าทำต้องกล้าที่จะไปดูเขา
***นุดลบอกน้องสาว
แก้วตา : ถ้านันไม่กล้าไปคนเดียว
ก็ให้พี่เขาไปเป็นเพื่อนนะ
คุณเสริมเขาก็ไม่ถือโทษอะไรนัน
เขาโทษคราวเคราะห์ของรุจน์เองด้วยซ้ำ
แม่อยากให้นันไปดูเขานะ
นุดล : ไปนะพี่จะพาไป
นันจะได้เห็นผลงานของตัวเองว่าทำอะไรลงไปแล้วผลมันออกมาอย่างไร
แก้วตา : ดลไม่เอานะลูก
อย่าตำหนิน้อง แค่นี้น้องก็ขวัญหายแล้ว
นุดล : ยายนันขวัญหายแต่รุจน์กลายเป็นคนพิการ
มันเทียบกันได้ไหม
แก้วตา : ก็มันเกิดขึ้นแล้ว
เราก็ต้องไม่โทษกันซิ
ช่วยหันหาทางแก้ไขดีกว่า
***นันดามาเยี่ยมเหมรุจน์กับหมอนุดล ปาริตาเฝ้าเหมรุจน์อยู่ เมื่อเห็นนันดาปาริตาก็แหวทันที
ปาริตา : ยังมีหน้ามาเยี่ยมเขาอีกเหรอ
***นันดามองพี่ชาย
นุดล : เข้าไปสินัน
***นุดลบอกเบาๆ ปาริตาเข้ามาขวางพูดอย่างโกรธแค้น
ปาริตา : เธอใจร้ายมากนะนันดา
รุจน์เป็นผัวเธอนะ
เธอทำกับเขาได้ลงคอ
เธอจะฆ่าเขาให้ตายเลยใช่ไหม
นุดล : นี่คุณ
ผมว่าคุณออกมานี่ดีกว่า จะพูดจะว่าอะไรให้มันพ้นๆเตียงคนไข้พยาบาลเขาไม่แนะนำมารยาทในการเฝ้าไข้บ้างหรือไงว่าไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนคนไข้
***หมอนุดลว่าปาริตา
ปาริตา : นี่คุณอย่ามาว่าฉันนะ ฉันไม่ต้องการให้พวกคุณมายุ่งเกี่ยวกับรุจน์อีก
นุดล : คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้าม
ยายนันเป็นภรรยาของรุจน์ภรรยาจะมาเยี่ยมสามีคุณมีสิทธิ์ห้ามเหรอ
ผมว่าคุณออกไปข้างนอกก่อนดีกว่านะถ้าอยู่ในนี้แล้วเงียบเสียงไม่ได้
***ปาริตาทำอะไรไม่ถูกหมอนุดลปากไม่ใช่ย่อย
ในที่สุดเธอก็ต้องเงียบยืนมองนันดาที่เข้าไปข้างเตียงเหมรุจน์
เหมรุจน์มองนันดานึ่งแววตาของเขาเลื่อนลอยไม่รับรู้อะไร
นันดาถึงกับใจสั่นระริกนี่เธอทำร้ายเขาเสียจนเป็นแบบนี้เลยหรือ
ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของหญิงสาวนอกจากความเสียใจต่อการกระทำของเธอเป็นที่สุด ที่ข้างศีรษะของเขามีผ้าพันแผลมันปิดเอาไว้พ่อของเธอบอกว่าแผลที่แตกเย็บถึงสิบสองเข็มนันดาเห็นกับตาเมื่อตอนที่เขาถลาล้มลงเลือดสดๆไหลออกมาทันที
โอ้พระเจ้านันดาแค่ป้องกันตัวเท่านั้นแต่ทำไมมันถึงร้ายแรงถึงเพียงนี้
***เมื่อรู้ว่าเหมรุจน์กลายเป็นคนพิการทางสมอง ทุกคนก็ต้องยอมรับสภาพโดยเฉพาะนันดา
เธอต้องรับผิดชอบมาดูแลเขาในเมื่อมันเกิดจากการกระทำของเธอ
วันนี้นันดามาเยี่ยมเหมรุจน์เมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นพยาบาลกำลังช่วยกันเช็ดตัวให้เขา นันดาเข้ามายืนมองใกล้ๆเตียงพยาบาลประคองให้เหมรุจน์ลุกขึ้นนั่งและปลดสายเสื้อให้เหมรุจน์
เหมรุจน์ปัดมือของพยาบาลออกอย่างแรงและจับเสื้อเอาไว้แน่น
พยาบาล : ทำไมล่ะคะจะเช็ดตัวให้นะคะ
***พยาบาลบอกอย่างนุ่มนวล
เหมรุจน์ : ไม่
พยาบาล : เช็ดตัวนะคะจะได้สบายตัว
***เหมรุจน์ไม่ยอมท่าเดียว นันดาจึงบอกพยาบาล
นันดา : ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
เดี๋ยวดิฉันจะเช็ดให้เขาเอง
พยาบาล : ลองดูนะคะ
แต่ไม่ยอมให้ใครทำให้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วจะโกนหนวดให้ก็ไม่ยอมปัดซะจนโดนมีดโกนบาดเป็นแผลที่แก้ม
นันดา : ทำไมเขาถึงไม่ยอมล่ะคะ
พยาบาล : ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ผมเผ้าไม่ยอมให้หวีให้ทำ เนี่ย สงสัยกลับไปบ้านจะไม่ยอมอาบน้ำแน่เลย
***พยาบาลบอกนันดาแล้วกลับออกไป
นันดาหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กชุบน้ำในกะละมังบิดจนหมาด
นันดา : คุณรุจน์เช็ดตัวนะคะ
***เหมรุจน์เฉยเขามองนันดาแต่แววตาเลื่อนลอยน่าสงสาร นันดาแกะเชือกที่ผูกแทนกระดุมออกและถอดเสื้อให้
เหมรุจน์นั่งเฉยให้เธอจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ นันดาน้ำตารั่วกลบตาผู้ชายที่เคยองอาจปราดเปรียวกับต้องมานั่งให้คนอื่นดูแลแม้แต่เรื่องความสะอาดของร่างกาย นันดาเช็ดตัวให้จนเสร็จและเอาแป้งฝุ่นทาตัวให้ก่อนจะใส่เสื้อผ้าให้ใหม่
นันดา : หิวไหมคะ
***เธอถาม แต่เหมรุจน์ก็เฉยเหมือนเดิม
หญิงสาวแกะถุงขนมหวานเอาใส่ถ้วยและเอามาส่งให้เหมรุจน์ เหมรุจน์รับเอาไว้แต่นั่งเฉยไม่ตักกิน
นันดา : กินสิคะ บัวลอย
***เหมรุจน์ส่งถ้วยขนมคืนให้เธอแล้วเอามือกุมหัวเหมือนกำลังเจ็บปวด เขาทิ้งตัวลงนอนครางเบาๆ
เหมรุจน์ : โอ้ย...ปวด...ปวด
***นันดาตกใจเธอรีบวิ่งออกไปตามพยาบาลให้มาดู เสริมกับปาริตามาถึงพอดี
ปาริตา : พยาบาลรุจน์เป็นอะไรคะ
***ปาริตาถามเสียงแหลมมองนันดาอย่างไม่ไว้ใจเสริมรีบเข้ามาดูลูกชาย
เสริม : เขาเป็นอะไรน่ะคุณ
พยาบาล : คงปวดหัวน่ะค่ะ
นี่ได้เวลาฉีดยาแล้ว
เสริม : รุจน์เอ้ย ปวดหัวใช่ไหมลูก เดี๋ยวก็หายนะพยาบาลฉีดยาแล้วเดี๋ยวก็หาย
***เสริมปลอบลูกชายแล้วก็หันมาทางนันดา
เสริม : มานานแล้วเหรอลูก
นันดา : พักนึงแล้วค่ะ
เสริม : พ่อฝากดูมันด้วยนะ
นึกว่าเวทนามันเถอะคนเคยดีๆแล้วมาเป็นแบบนี้พ่อล่ะสมเพสมันจริงๆ
***นันดาพูดไม่ออกได้แต่ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด เสริมเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวจึงปลอบ
เสริม : อย่าคิดมากเลยลูกมันคงเป็นเวรเป็นกรรมถึงได้มีอันให้เป็นแบบนี้ พ่อไม่โทษหนูหรอก
ปาริตา : แต่ปาโทษ
ถ้าเขาไม่ทำร้ายรุจน์
รุจน์จะต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้เหรอคะ
เพราะเขา เขาเป็นคนผิด ชดใช้รุจน์เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด
เสริม : พอซะทีเถอะปาริตา
ไม่มีใครมันอยากให้เป็นแบบนี้หรอกเจ้ารุจน์มันก็ผัวหนูนัน ใครอยากจะให้ผัวตัวเองเป็นแบบนี้
ปาริตา : คุณพ่อจะเข้าข้างเขาไปถึงไหนคะรุจน์น่ะลูกของคุณพ่อนะคะ เขาทำร้ายลูกของคุณพ่อนะคะ
เสริม : ฉันบอกให้พอ
***เสริมตวาด เหมรุจน์ตกใจหันมามองเสริมจึงได้สติ
***นันดากลับจากโรงพยาบาลแวะมาหาพี่ชายที่คลินิกทำฟัน
นุลด : หน้าเศร้าจังไปเยี่ยมรุจน์มาใช่ไหม
นันดา : ค่ะ
นุดล : เมื่อวานตอนเย็นพี่ก็ไปเยี่ยมเขามา น่าหนักใจจังนะ
นันดา : พี่ดลคะ นันจะทำยังไงดี นันจะชดใช้พ่อเสริมอย่างไร
นุดล : อย่าคิดแบบนั้นซิ ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนั้น ลุงเสริมเขาก็เข้าใจนัน ว่าแต่ถ้ารุจน์ออกจากโรงพยาบาลแล้วนันจะทำยังไงจะกลับไปอยู่ดูแลเขาหรือเปล่า
นันดา : ค่ะ นันจะไปอยู่ดูแลเขา ชดเชยกับสิ่งที่นันทำ
นุดล : ก็ดีนะพี่เห็นด้วย
ถึงเขาจะพิการนันก็ต้องไม่ทอดทิ้งเขา
นันดา : เขาจะมีวันหายเป็นปกติไหมคะ
นุดล : ต้องหายสิ
รักษากันถูกวิธีค่อยๆฟื้นฟูกันไปพี่เชื่อว่าเขาต้องกลับมาเหมือนเดิมได้
***นันดาได้แต่ภาวนาขอให้เขากลับมาเหมือนเดิมเถอะ หรือไม่แค่ให้เขาสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปรกติทั่วไปก็ยังดี ไม่ใช่เหมือนคนปัญญาอ่อนแบบนั้น
***แล้วหมอก็อนุญาตให้พาเหมรุจน์กลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ เสริมจะจ้างพยาบาลไปคอยดูแลลูกชายโดยเฉพาะ แต่นันดาขอเป็นผู้ดูแลเขาเอง เสริมยังชื่นใจขึ้นมาบ้างที่นันดายังมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของเธอที่ทำกับเหมรุจน์
***ปาริตากับสุดาดวงแรกๆก็ยังอาสาช่วยดูแลเหมรุจน์ แต่เวลาผ่านไปสุดาดวงก็เริ่มถอดใจก่อน เพราะเหมรุจน์เป็นภาระทุกอย่างโดยเฉพาะเขาจะอาละวาดบ่อยๆเวลาที่เกิดจะไม่ยอมอาบน้ำตัดผมหรือแม้แต่จะโกนหนวด คนที่เขาไม่ออกฤทธิ์ด้วยนักคือแม่สำเนียงกับนันดา
นอกนั้นใครจะมาวุ่นวายกับหัวหูเขาไม่ได้ทั้งนั้น นันดาแม้จะดูแลเหมรุจน์แต่เธอก็ต้องไปดูแลไร่องุ่นและสวนส้มของเขาด้วยจึงแทบไม่มีเวลาเหมือนกัน
***วันนี้นันดาพาเหมรุจน์มาที่ไร่องุ่นด้วย เพราะอยากให้เขามีเห็นบรรยากาศเก่าๆและงานของเขาที่เคยทำ
นันดา
: คุณรุจน์จำได้ไหมที่นี่ที่ไหน
***นันดาบอกเมื่อจอดรถที่หน้าเรือนเล็กในสวนส้ม เหมรุจน์นั่งเฉยนันดาพาเขาลงจากรถและพาเดินไปตามร่องสวนปากของเธอก็พูดไปเรื่อยๆ
ถึงเขาจะรับรู้หรือไม่รับรู้เธอก็อยากจะพูดอยากจะบอกเขา
นันดา
: รู้ไหมส้มรุ่นแรกน่ะเริ่มออกดอกแล้วนะคะ
ตอนนี้พวกคนงานกำลังใส่ปุ๋ยเพื่อให้ได้ผลดี
อีกไม่กี่เดือนเราก็จะเก็บส้มลูกโตๆขายได้แล้วนะ นันอยากรู้จังว่ารสชาติของมันจะหวานไหม และนันก็จะเป็นคนเก็บส้มลูกแรกประเดิมด้วยและจะปอกให้คุณกินฐานะเจ้าของสวนส้มนะคะ
***นันดาพูดไปเรื่อยๆมือก็จูงเหมรุจน์ไม่ยอมปล่อย แดดก็ร้อนจัด
นันดาถอดหมวกของเธอใส่หัวให้เขา
เหมรุจน์เบี่ยงหนีไม่เอา
นันดา
: อย่าดื้อสิคะ
แดดมันร้อนใส่เอาไว้คุณน่ะหนวดเครารุงรังแถมผมก็ยาวแจแดดเผานานๆมันจะร้อนมากรู้ไหม วันนี้กลับไปนันจะอาบน้ำสระผมนะห้ามอาละวาดล่ะ
***นันดาพาเหมรุจน์เดินดูจนเกือบทั่วสวน หน้าของเธอแดงกร่ำเพราะแดดร้อน เหมรุจน์เอานิ้วเขี่ยนเหงื่อที่ไรผมของเธอ นันดาหัวเราะ
นันดา
: เหงื่อของนันไงคะ ของคุณก็มี
นี่ไง
***นันดาเช็ดเหงื่อให้เขาเบาๆ เหมรุจน์จับมือของเธอไว้ นันดามองปฏิกิริยาของเขา แต่แววตาของเขาเลื่อนลอยเหมือนเดิม
หญิงสาวสะท้อนใจอย่างขมขื่นและจูงมือพาเขาเดิมกลับไปที่เรือนพัก
***นันดาเอาแซนวิสปลากับน้ำผลไม้มาด้วย เธอแกะออกและส่งให้เขากินเพราะได้เวลาอาหารมื้อเที่ยงแล้ว
นันดา
: กินซะนะคะ
จะเที่ยงแล้ว
เหมรุจน์
: คุณกินสิ
***เหมรุจน์พูดนันดาตาโต ยิ้มอย่างดีใจ
นันดา
: คุณให้นันกินเหรอคะ
ได้ค่ะงั้นเรากินด้วยกันนะ
***นันดากัดแซนวิสกินสายตาของเธอจ้องมองเขา เหมรุจน์กินและหันมองไปรอบๆ
เหมรุจน์
: ผมชอบที่นี่
นันดา
: เหรอคะ
ถ้าชอบมากับนันทุกวันเลยเอาไหม
เหมรุจน์
: ดี มาทุกวัน
***นันดายิ้มวันนี้เหมรุจน์พูดมากขึ้น เขาดูอารมณ์ดีขึ้นด้วย
..........................................................................................
ตอนที่ 20
***นันดากลับมาบ้านสุดาดวงกำลังขนกระเป๋าจะไปจากบ้านนี้พอดี
หล่อนเดินเข้ามาหาเหมรุจน์กับนันดาที่ลงมายืนอยู่ข้างรถกันแล้ว
สุดาดวง
: ฉันจะกลับไปอยู่บ้านฉันแล้ว เธอคงไม่ว่าอะไรฉันนะนันดาที่ไปจากที่นี่ ฉันอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้รังแต่จะเป็นที่ขวางหูขางตาของคนในบ้านนี้เปล่าๆ แล้วฉันจะแวะมาเยี่ยมรุจน์บ่อยๆ
***นันดาไม่พูดอะไรเธอหันมองเหมรุจน์ นึกสงสารเขาจับใจ ยามดีใครๆก็วิ่งเข้ามาซบแทบอก สุดท้ายเธอก็โทษตัวเองที่เป็นผู้ทำลายทุกอย่างในชีวิตของเขา สุดาดวงทิ้งกระเป๋าขึ้นรถขับออกไป ปาริตาเดินออกมาใบหน้าหม่นหมอง เช่นกัน
ปาริตา
: กลับกันมาทันเห็นเขาไปจากที่นี่นะ อีกหน่อยก็คงเป็นฉัน
***ปาริตาพูดกับนันดา
นันดา
: เธอจะทิ้งเขาไปอีกคนเหรอปาริตา อย่าเพิ่งเลยนะฉันขอร้อง
ปาริตา
: ทำไมเธอจะต้องเหนี่ยวรั้งฉัน
ให้อยู่รับกรรมกับเธอทั้งที่กรรมนี้เธอเป็นผู้ก่อเป็นคนทำ
นันดา
: ฉันรู้ว่าฉันต้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่ฉันอยากให้คุณรุจน์มีกำลังใจ เขาได้เห็นหน้าคนที่เขารักเขาอาจจะหายเร็วขึ้น
ปาริตา
: นี่เธอยังหวังว่าเขาจะหายอีกเหรอนันดา คนสมองพิการมีโอกาสหายด้วยเหรอ เธออย่าฝันลมๆแล้งๆไปหน่อยเลย
นันดา
: ปาริตา
ปาริตา
: ฉันเกลียดเธอได้ยินไหมนันดา ฉันไม่ต้องการทนอยู่เห็นหน้าเธอไปนานๆ
เธอทำให้ชีวิตของฉันต้องพบกับความผิดหวังแล้วเธอก็ยังทำให้รุจน์ต้องกลายเป็นคนพิการเธอมันนางปีศาจ ปีศาจที่ชั่วร้าย
***ปาริตาด่านันดาแล้วหันหลังกลับเข้าบ้านไป นันดายืนน้ำตาไหลหันมองเหมรุจน์ เขายืนนิ่งตาลอยไม่รับรู้อะไรหญิงสาวเช็ดน้ำตาแล้วจูงมือเหมรุจน์เข้าบ้าน สำเนียงกับไลลาออกมา
สำเนียง
: กลับมาแล้วเหรอคะคุณนัน พาคุณรุจน์ไปสวนด้วยเป็นยังไงมั่งคะ
นันดา
: ดีค่ะ
พรุ่งนี้นันจะพาเขาไปด้วยอีก
สำเนียง
: คุณนันไปพักผ่อนเถอะค่ะเดี๋ยวป้าดูแลคุณรุจน์เอง
นันดา
: ขอบคุณค่ะป้าฝากคุณรุจน์ด้วยนะคะ
***นันดาเดินขึ้นมาบนห้องไลลาเดินตาม
ไลลา
: คุณนันคะ
คุณดวงน่ะเก็บเสื้อผ้าไปจากบ้านนี้แล้ว
นันดา
: ฉันรู้แล้ว
ไลลา
: คุณปาก็ทำท่าจะไปอีกคน
ไม่มีใครรักคุณรุจน์จริงซักคนเดียวพอคุณรุจน์พิการก็หนีกันไปหมด
นันดา
: อย่าพูดอย่างนี้เลยไลลา
ใครเขาจะไปไหนกันก็ชั่งฉันจะอยู่ดูแลเขาเองชดเชยความผิดที่ฉันทำกับเขา
***เสริมนั่งดูข่าวจากทีวีโดยมีเหมรุจน์นั่งอยู่ด้วย
เสริม
: รุจน์
***เสริมเรียกลูกชายเหมรุจน์หันมอง
เสริม
: วันนี้ไปสวนมาดีไหมลูก
***เหมรุจน์เฉย
เสริมมองลูกชายอย่างสุดจะเวทนาเพราะรู้ว่าสุดาดวงเก็บเสื้อผ้ากลับไปอยู่บ้านของหล่อนแล้ว
เสริม
: แกไม่รับรู้อะไรซะเลยมันก็ดีเหมือนกันนะจะได้ไม่ต้องดีใจเสียใจ คนเราได้เห็นธาตุแท้กันก็ตอนตกอับตกยากนี่แหละลูกเอ้ย
***สำเนียงเข้ามา
สำเนียง
: คุณรุจน์คะได้เวลาอาบน้ำนอนแล้วนะคะ
***สำเนียงที่ดูแลให้เหมรุจน์นอนทุกคืนเข้ามาบอก นันดาเดินเข้ามาพอดี
นันดา
: ป้าคะ
เดี๋ยวนันพาคุณรุจน์ไปอาบน้ำเอง
ต่อไปนี้นันจะเป็นคนดูแลอาบน้ำให้คุณรุจน์และให้เข้านอนที่ ห้องกับนัน
เสริม
: หนูนันจะดีหรือลูกเกิดดึกๆมันลุกขึ้นมาอาละวาดหนูจะแย่นะ
***เสริมบอกอย่างเป็นห่วง
นันดา
: ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
นันจะหัดให้เขาชินเราจะต้องอยู่ด้วยกันไปจนแก่จะให้ป้าสำเนียงเป็นคนนอนเฝ้าไปตลอดไม่ได้
เสริม
: ลองดูก็ได้
แต่ถ้ามันอาละวาดหนูต้องออกมาเรียกกันเข้าไปช่วยนะไม่อย่างนั้นหนูจะเป็นอันตราย
นันดา
: ค่ะ
***นันดาพาเหมรุจน์ขึ้นข้างบน
เธอให้เหมรุจน์เข้าไปรอในห้องน้ำส่วนเธอออกมาเตรียมชุดใส่นอนให้
ไลลาจะเข้ามาช่วยแต่เธอบอกไม่ต้องและให้ไลลาออกไปจากห้อง
นันดา
: ไลลาเธอไม่ต้องห่วงฉันหรอกนะ กลับไปที่ห้องของเธอเถอะ
ไลลา
: คุณนันจะไหวเหรอคะ
คุณรุจน์อาบน้ำทีไรอาละวาดทุกที
นันดา
: ไม่เป็นไรหรอก
ไลลา
: แต่
นันดา
: ฉันบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ ออกไป
***นันดาไล่ไลลาและปิดประตูล็อค เธอจะต้องดูแลเขาเองจะต้องทำให้ดีที่สุดชดเชยกับสิ่งที่เขาสูญเสียไป นันดาคิดเธอเสียใจมาตลอดที่ทำให้เหมรุจน์ต้องเป็นเช่นนี้
***นันดาเข้ามาในห้องน้ำเหมรุจน์ยังยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหนหญิงสาวเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำและหันมาถอดเสื้อผ้าให้เขา เหมรุจน์ยืนนิ่งไม่ออกฤทธิ์เดชอะไร
นันดา
: จะโกนหนวดเคราไหม
เหมรุจน์
: ไม่
นันดา
: สระผมนะฉันจะสระให้
***เหมรุจน์นิ่งนันดาให้เขาลงไปนั่งแช่น้ำในอ่างและเอาฝักบัวเปิดน้ำรดหัวให้จนเปียก
หญิงสาวสระผมให้เขาจนสะอาดและฟอกสบู่ให้อดจะหน้าแดงไม่ได้เมื่อเห็นความเป็นชายของเขาตื่นตัวเต็มที่
เหมรุจน์เอานิ้วเขี่ยที่แก้มของเธอนันดามองเขาแววตาของเหมรุจน์ดูระยับกว่าทุกครั้ง
เธออาบน้ำให้เขาจนเสร็จและเช็ดตัวให้จนแห้งพร้อมกับทาแป้งให้ซะหอมไปทั้งตัวแล้วพาเขามานั่งบนเตียงเอาผ้าเช็ดผมให้เขาปากก็พูดไปเรื่อยๆ
นันดา
: ความจริงคุณก็ไม่ดื้อนี่นาอาบน้ำสระผมแต่โดยดีทำไมกับคุณปาหรือกับดวงถึงอาละวาดซะล่ะ คุณทำอย่างนี้เขาก็เผ่นกันหมดน่ะสิ
และยังเหลืออีกอย่างที่ยังดื้ออยู่คือไม่ยอมโกนหนวด นันไม่ชอบเลยนะคนที่หนวดเครารุงรังมันดูสกปรกและน่ากลัว เอ้า
แห้งดีแล้วทีนี้ก็นอนนะคะ
ต่อไปนี้เราจะนอนด้วยกันในห้องนี้ตลอดไป
ถ้าคุณอาละวาดนันจะลงไปนอนที่พื้น
***นันดาบอกเขาแล้วให้เขานอนเอาผ้าห่มห่มให้และเธอก็ไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำ กลับออกมาเหมรุจน์หลับไปแล้วเธอปิดไฟกลางห้องและเปิดไฟที่โต๊ะหัวเตียงเอาหนังสือขึ้นมาอ่านเพื่อจะให้ง่วงจนดึกจึงลงนอนใกล้ๆกับเหมรุจน์
นันดานอนตะแคงข้างมองใบหน้าของเหมรุจน์ที่หลับพินิจหน้าผากกว้างคิ้วดกดำเข้มและยาวขนตายาวหนาเป็นแผงจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากที่หนวดเคราขึ้นคลุมมองเห็นแต่ริมฝีปากบาง
คางและเหนือริมฝีปากมองไม่เห็นเลยเพราะหนวดเคราปกคลุมทั่วไปเส้นผมเหยียดตรงแต่ยาวปรกลงมาจนถึงแก้ม
เหมรุจน์ลืมตานันดามองตาเขานิ่งทั้งคู่มองจ้องกันลมหายใจรดกันจนอุ่น
เหมรุจน์
: คุณนัน
***เหมรุจน์เรียกเบาๆนันดากระพริบตา แต่ยังมองจ้องเขาดูปฏิกิริยา เหมรุจน์เอานิ้วเกลี่ยที่แก้มของเธอเบาๆนันดานอนนิ่ง เขากระดกหัวขึ้นและจูบที่แก้ม นันดานอนเฉย
เหมรุจน์จูบที่แก้มและจูบที่ปากของเธอหญิงสาวใจเต้นเธออยากรู้ว่าเขาจะปฏิบัติกับเธอแค่ไหนเขาพิการทางสมองจะทำได้ขนาดไหน เหมรุจน์จูบเธอและโอบกอด นันดาใจสั่นตัวเริ่มสั่น เหมรุจน์จูบเธอย่างดูดดื่มและจูบเรื่อยลงมาถึงลำคอลมหายใจของเขาร้อนผ่าวนันดาสั่นสะท้านเมื่อเขาจูบสัมผัสเหนือเนินอกของเธอความรู้สึกบอกเธอว่าเหมรุจน์คงไม่หยุดอยู่แค่กอดและจูบเธอเท่านั้น นันดาพยายามจะให้เขาหยุดแต่มันสุดความสามารถของเธอแล้วนันดากลั้นหายใจอย่างหวาดหวั่นเมื่อเขาแทบชิดร่างกายเข้ากับเธอและล่วงล้ำฝากฝังความสัมพันธ์อย่างหวานซึ้งนันดาหลุดออกไปสู่โลกใหม่เธอลืมไปเลยว่าเหมรุจน์พิการทางสมองเหมือนคนปัญญาอ่อนบทรักของทั้งคู่หวานล้ำดูดดื่มและจบลงอย่างสุขสมทั้งคู่
***บูรฉัตรมาหานันดาทั้งคู่นั่งคุยกันโดยมีเหมรุจน์นั่งเฉยอยู่ด้วย
บูรฉัตร
: นันไม่ลองพาคุณรุจน์ไปรักษาที่เมืองนอก
นันดา
: นันก็อยากจะไปแต่คุณหมอที่นี่บอกว่าไม่มีประโยชน์
คุณรุจน์สมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงรักษาที่ไหนก็มีค่าเท่ากัน
บูรฉัตร
: นันตีเอายังไงถึงได้เป็นถึงขนาดนี้
นันดา
: บูรอย่าถามนันเลยแค่นี้นันก็ทรมานใจเป็นที่สุดแล้ว
นันทำเขาเป็นแบบนี้เขาไม่รู้เรื่องแต่นันเหมือนตายทั้งเป็นมันเป็นบาปติดตัวติดใจไปจนวันตาย
บูรฉัตร
: นันอย่าคิดมากสิอะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด เหมือนผมตอนนี้ผมยอมรับกับพ่อแล้วว่าผมไม่ต้องการเป็นผู้ชาย
นันดา
: จริงเหรอ
บูรฉัตร
: ใช่
นันจะได้เห็นผมเป็นนายบูรฉัตรหนนี้เป็นหนสุดท้าย
นันดา
: บูรจะแปลงเพศเหรอ
บรูฉัตร
: ใช่
แต่ผมเอาน้ำเชื้อฝากหมอไว้แล้วจะจ้างใครซักคนมาอุ้มท้องลูกของผมให้พ่อได้มีหลานเอาไว้สืบสกุล
นันดา
: นันดีใจด้วยนะที่บูรจะสมหวังดังที่ใจปรารถนา
บูรฉัตร
: ขอบใจจ่ะ
ผมก็ขอให้นันสมหวังซักวันหนึ่งนะ
วันที่ฝนซาแล้วฟ้าใสสำหรับนัน
***นันดายิ้มรับขื่นๆมันจะมีวันฟ้าสดใสสำหรับเธออีกหรือ
เธอหันมองเหมรุจน์ฟ้าของเธอมืดหม่นไปพร้อมกับชีวิตที่มืดมิดของเหมรุจน์ตราบใดที่เขายังไม่กลับคืนสู่ความสว่างแจ่มใสเธอก็ไม่มีวันนั้นเช่นกัน
***ปาริตาจูงมือเหมรุจน์เดินเล่นและพามาที่สวนดอกไม้หลังบ้าน หญิงสาวให้สามีนั่งที่ม้านั่งหินอ่อน เธอไปเก็บดอกไม้เอามาให้เขา
ปาริตา
: ดอกไม้ค่ะ
***เหมรุจน์รับเอามาถือ ปาริตาจับมือของเขายกขึ้นมาแนบกับแก้มของเธอ
ปาริตา
: รุจน์ขา
ปาอยากให้รุจน์กลับไปเหมือนเดิมแล้วจากรุจน์ไปปาก็คงไม่ทรมานใจเช่นนี้
หลายคนคงมองว่าเมื่อรุจน์หมดสภาพปาก็ทอดทิ้ง แต่มันไม่ใช่ปายังรักรุจน์เหมือนเดิมแต่ปาอยู่ที่นี่ก็เหมือนส่วนเกินเหมือนคนนอกปาถึงต้องไปแต่ปาจะไม่ลืมรุจน์เลยจะเก็บรุจน์เอาไว้ในความทรงจำตลอดไป
***ปาริตาจูบที่แก้มของเขาเบาๆน้ำตาหยาดหยดอย่างอาลัยรักเหมรุจน์บีบมือของเธอจนปาริตาชะงักเธอจ้องมองเขาแต่แววตาของเขายังเลื่อนลอยเช่นเดิม
ปาริตา
: ปาจะไปอเมริกาและจะไม่กลับมาเมืองไทยอีก
ปาขออวยพรให้รุจน์จงอยู่เย็นเป็นสุขและหายกลับไปเหมือนเดิมนะคะ ปารักรุจน์ค่ะ
***ปาริตากอดและซบอยู่กับตักของเขาเหมือนจะผูกความรักความทรงจำเอาไว้ตลอดไป
นันดาเดินตามหาเหมรุจน์เธอเข้ามาเห็นเขาอยู่กับปาริตาก็ชะงักและหันหลังจะเดินกลับ ปาริตาหันมองและเรียก
ปาริตา
: เดี๋ยวนันดา
นันดา
: รุจน์อยู่กับเธอแล้วก็ไม่เป็นไร
ปาริตา
: เธอคุยกับฉันก่อนสิ
ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ
***ปาริตาบอก นันดาจึงเดินเข้ามาหา
ปาริตา
: เธอจะบอกฉันซักคำจะได้ไหมว่าเธอจะดูแลรุจน์ไปนานขนาดไหน
***นันดาหันมองเหมรุจน์
นันดา
: จนฉันหรือเขาตายไปข้างนึง
ปาริตา
: ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไงตอนนี้ยังใหม่อยู่เธอก็พูดได้ กลัวว่านานไป...
นันดา
: ฉันไม่จำเป็นต้องเอาอะไรมายืนยันให้เธอเชื่อ
เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์และมันก็เป็นหนี้กันระหว่างฉันกับเขา
ปาริตา
: ฉันจะไปจากที่นี่
นันดา
: ทำไมต้องไป
ปาริตา
: แล้วทำไมฉันต้องอยู่
เธอบอกอยู่นี่นาว่าเธอกับเขาเป็นหนี้ระหว่างกัน เพราะฉะนั้นเธอเท่านั้นที่จะต้องชดใช้หนี้ให้กับเขาไม่ใช่ฉัน
***นันดาอึ้งปาริตายิ้มเยาะ
ปาริตา
: ความจริงเธอก็เป็นผู้ชนะนะได้ครอบครองเขาแต่เพียงผู้เดียวแล้ว
ฉันขอให้เธอรักรุจน์ให้มากๆมากสมกับที่เธอได้เขาไว้คนเดียว
***ปาริตาเดินจากไปนันดายืนอึ้งมองเหมรุจน์เห็นเขาขยำดอกไม้ในมือจนแหลก
เธอก้มเก็บดอกไม้ที่แหลกร่วงกับพื้นขึ้นมาและพูดเบาๆ
นันดา
: ฉันจะเก็บดอกไม้ที่หมดสภาพนี้ไว้ จะดูแลให้อย่างดี รุจน์คะนันขอโทษ นันขอโทษ
..........................................................................................
ตอนที่ 21
***ปาริตาก็จากเหมรุจน์ไปอีกคนเสริมได้แต่มองเมียของเหมรุจน์หิ้วกระเป๋าออกไป แม่สำเนียงพูดอย่างน้อยใจ
สำเนียง : เวลาดีผีมาสิง
เวลาดับมันก็จากไป
เสริม : ชั่งเขาเถอะน่าแม่สำเนียงเขาอยู่แล้วไม่มีความสุขเขาจะอยู่ทำไม อนาคตของเขายังสดใสเราจะไปว่าเขาทำไมล่ะ
สำเนียง : สงสารคุณรุจน์น่ะสิคะ เมียๆหนีไปหมดถ้าเธอรู้และเข้าใจคงเสียใจมาก
เสริม : ยังเหลือหนูนันอีกคน
แต่ฉันก็ไม่อยากให้เขามาทนอยู่กับสภาพนี้หรอก ถ้าเขาจะไปอีกฉันก็ไม่ว้าเขาเหมือนกัน
***สำเนียงเช็ดน้ำตา นันดาหิ้วตะกร้าใส่ของกินและน้ำออกมาเตรียมจะไปที่สวนส้ม
เสริม : จะไปสวนหรือลูก
นันดา : ค่ะ
เสริม : เอาตระกร้าของกินไปเยอะแยะจะไม่กลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านหรือไงล่ะเนี่ย
นันดา : ค่ะ นันเอาไปเผื่อคุณรุจน์ด้วย
เสริม : พามันไปทุกวัน มันไม่ยุ่งหรือไง
นันดา : ไม่หรอกค่ะ
ดูเขาจะชอบซะด้วยซ้ำอยู่ในสวนแล้วอารมณ์ดีพูดจาบ้าง
เสริม : เอา ก็ดีนะมันคงคุ้นเคยกับสวนกับไร่ ได้ไปเห็นเข้าเลยชอบส้มลูกใหญ่หรือยังล่ะ
นันดา : โตเท่าลูกมะนาวแล้วล่ะค่ะติดดีด้วย
***นันดาบอก
***วันเวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือนนันดาดูแลเหมรุจน์โดยไม่มีท่าทีเบื่อหน่าย และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็มีกันอย่างต่อเนื่องนันดารู้ว่านั่นคือสัญชาตญาณของอารมณ์เหมรุจน์พิการทางสมองแต่ร่างกายของเขาไม่ได้พิการยังมีความสมบูรณ์เยี่ยงชายชาตรีทุกประการ
เธอไม่เคยบ่ายเบี่ยงขัดขืนยอมตามใจเขาทุกครั้งที่เขามีความต้องการ
***นันดาเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเธออ่อนเพลียลง เธอเริ่มเบื่ออาหารและเพลียบางวันถึงกับเป็นลม
แก้วตาที่มาหาลูกบ่อยๆสังเกตว่านันดาเซียวลงถนัดตา ถึงกับเอ่ยปาก
แก้วตา : นันแม่ว่าหนูซูบลงนะลูก ไม่สบายหรือเปล่า
นันดา : ค่ะ นันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยสี่ห้าวันมานี้
แก้วตา : ไปหาหมอไหมลูกเผื่อเป็นอะไรหมอเขาจะได้รีบรักษา
นันดา : รออีกซักวันสองวันเถอะค่ะ
ถ้ายังไม่ดีขึ้นค่อยไปหาหมอ
แก้วตา : ไม่ได้หรอกไปวันนี้แหละ
แม่จะพาไปเองรอได้ยังไงป่วยไข้ไม่รีบรักษาเดี๋ยวเป็นมากก็แย่น่ะซี่
***ในที่สุดนันดาก็ไปหาหมอและเธอก็ได้รู้ว่ากำลังตั้งครรภ์หญิงสาวหมดเรี่ยวหมดแรงแทบจะเดินออกมาจากห้องหมอไม่รอด
แก้วตารีบเข้าไปประคองลูกที่เดินหน้าซีดอ่อนแรงออกมา
แก้วตา : นันทำไมถึงหน้าซีดอย่างนี้ล่ะลูกเป็นลมหรือเปล่า
นันดา : เปล่าค่ะแม่
แก้วตา : หมอว่าเป็นอะไรหืมม์
นันดา : นันท้องค่ะแม่
แก้วตา : จริงหรือนี่
โอ้ยดีใจจังแม่จะได้อุ้มหลานแล้วต้องรีบบอกข่าวดีให้พ่อเขารู้แล้วเนี่ย
นันดา : แม่คะ แม่ดีใจหรือคะ
แก้วตา : ทำไมถามอย่างนั้นก็ดีใจน่ะซี่ดีใจที่สุดด้วย แม่จะมีหลานแล้ว โอย...คุณพระโปรด
แล้วนันล่ะไม่ดีใจหรือลูกหนูจะได้เป็นแม่คนแล้วนะ
นันดา : แม่คะนันจะมีลูก ลูกกับผู้ชายที่พิการสมองนี่น่ะนะคะ
แก้วตา : ยายนัน
***แก้วตาตามองจ้องหน้าลูกสาว
แก้วตา : หนูคิดอะไรแม่ไม่เข้าใจ
นันดา : แม่คะ
คุณรุจน์มีสภาพไม่ต่างจากคนปัญญาอ่อนแล้วเขามีลูก หนู...
***นันดาพูดไม่ออก เธอกลัว
กลัวลูกที่เกิดมาจะมีปัญหา
กลัวคนเขาจะเยาะเย้ยนินทาว่าเธอมีลูกกับผัวปัญญาเดี้ยง
ขนาดเหมรุจน์เป็นอย่างนั้นเธอยังท้องขึ้นมาได้ ผู้คนจะคลางแคลงใจแค่ไหน แก้วตาจับมือของลูกบีบและพูดให้กำลังใจลูก
แก้วตา : ฟังแม่นะนัน
แม่รู้ว่านันกำลังคิดอะไร
ถ้าเรามั่นใจในตัวของเราซะอย่างนันจะไปสนใจคนอื่นทำไม ดูแลสุขภาพของนันให้ดีรอเวลาที่ลูกของเราจะเกิดมาฟ้าคงส่งเขามาทดแทนตารุจน์ที่เป็นแบบนั้นให้นันได้มีความสุข
***นันดากอดแม่ของเธอสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างตัดสินใจ ใช่
ฟ้าคงส่งลูกให้มาเกิดเพื่อเป็นยาทิพย์หล่อเลี้ยงจิตใจของเธอทดแทนเหมรุจน์ที่เป็นแบบนั้น
***เหมรุจน์กอดจูบนันดาหลังจากอิ่มเอมกับรสพิศวาสที่เพิ่งจบลง
นันดา : คุณรุจน์คะ
คุณรู้ไหมว่าเรากำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะ
***นันดาบอกเขาเพราะอัดอั้นในอกเหลือเกิน เหมรุจน์ชะงักเขามองจ้องเธอดวงตาเปล่งประกายในความมืดสลัวนันดาน้ำตาไหลยังพูดอย่างขมขื่น
นันดา : นันกลัว กลัวเหลือเกิน นันอยากให้คุณช่วยเลี้ยงลูก
***นันดาสะอื้น
เหมรุจน์ : คุณนัน อย่าร้องไห้สิคนดี
***เหมรุจน์พูดเบาๆ แต่นันดากลับสะอื้นหนัก เหมรุจน์จะปลอบเธอด้วยคำๆนี้เสมอเวลาเขาเห็นเธอร้องไห้
ถ้าเขาอยู่ในสภาพปรกติคำๆนี้คงเป็นคำปลอบประโลมใจที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
***นันดาตื่นนอนตอนเช้า รู้สึกอ่อนเพลียจนแทบไม่อยากลืมตา เหมรุจน์เอานิ้วเขี่ยจมูกของเธอ นันดาบ่นอู้อี้หันหลังให้
นันดา : อย่าแกล้งสิคะ นันจะนอน
***เหมรุจน์จูบที่ซอกคอเธอ นันดาถึงกับหลับตาต่อไม่ได้
เธอกะจะตีเขาซักเพี๊ยะฐานก่อกวนเธอแต่เช้าจึงหันหน้ามาแล้วชะงัก เหมรุจน์ยิ้มละไมใบหน้าที่เคยรกรุงรังไปด้วยหนวดเคราเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้านผิดตา
นันดา : คุณรุจน์
***นันดาอุทานกระพริบตา งงๆ
เหมรุจน์ยังหัวเราะเบาๆ
เหมรุจน์ : อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่คนใหม่
นันดา : คุณรุจน์...ทำไม
เหมรุจน์ : ผมปลุกให้คุณตื่นจากฝันร้ายแล้วนะ ลุกขึ้นมารับความสดใสแห่งวันใหม่กันเถอะ
นันดา : คุณ...
เหมรุจน์ : อย่าทำหน้าแบบนั้นสิผมไม่ใช่ผีซักหน่อย
นันดา : นี่คุณ
เหมรุจน์ : ทำไม
นันดา : คุณหายดีแล้วใช่ไหม
เหมรุจน์ : ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่
นันดา : คุณรุจน์
เหมรุจน์ : ครับผม
นันดา : ก็คุณ...
เหมรุจน์ : ก็อะไร
นันดา : เพี้ยน
เหมรุจน์ : เหรอ
นันดา : แล้วทำไม
เหมรุจน์ : ไม่มีอะไรนี่
นันดา : คุณหายดีตั้งแต่เมื่อไหร่
เหมรุจน์ : ก่อนแผลบนหัวหายเจ็ดวัน
นันดา : คุณรุจน์
คุณอย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาคุณแกล้งปัญญาอ่อน
เหมรุจน์ : ไม่ได้แกล้งแต่ทุกคนคิดไปเอง
นันดา : คนใจร้ายคนหลอกลวง
***นันดาร้องไห้เมื่อรู้ความจริงว่าที่แท้เธอถูกเขาหลอกมาตลอด
เหมรุจน์ : อ้าวร้องไห้เลย
โอ๋ๆ อย่าร้องสิจ๊ะคนดี
นันดา : ไม่ต้องมาปลอบฉัน
คุณสนุกนักใช่ไหมที่แกล้งปั่นหัวใครๆเขาไปทั้งบ้านทั้งเมือง พ่อแม่พี่น้องหลอกเขาหมด
***นันดาอาละวาดกับเขาซะจนหมดแรงเหมรุจน์กอดเธอไว้ กระซิบเบาๆ
เหมรุจน์ : นันจ๋า ต่อไปผมจะไม่โกหกหรือหลอกลวงคุณอีก ผมสัญญา
นันดา : ถึงคุณจะหลอกก็ไม่มีใครเขาเชื่อคุณอีกแล้ว
เตรียมหาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาผู้ใหญ่เถอะทำเอาไว้ดีนัก
***เหมรุจน์ถูกเสริมด่าซะหลายตลบฐานทำให้เป็นทุกข์ซะนาน
เสริม : แกมันบ้าเล่นอะไรพิเรนที่ชาวบ้านชาวช่องเขาไม่เล่นกัน รู้ไหมพ่อแม่ลูกเมียญาติมิตรเขาเป็นทุกข์เป็นร้อนกันแค่ไหน ไอ้บ้าเอ้ย
เหมรุจน์ : พ่อครับอย่าด่าผมเลยนะสงสารผมเถอะ ผมถูกเมียด่ามารอบหนึ่งแล้ว
***เหมรุจน์ทำตาปรอย นันดาค้อนอย่างสุดหมั่นไส้
เสริม : หนูนันทำไมไม่ตีกะบาลมันซะอีกทีหนึ่งห๋า
มันจะเพี้ยนสมใจมัน
นันดา : ไม่เอาหรอกค่ะเดี๋ยวเขาแกล้งตายขึ้นมา
เสริม : ก็เผามันซะเลยสิ
เหมรุจน์ : โธ่พ่อ
***เหมรุจน์คราง
***เหมรุจน์กับนันดาเดินเกี่ยวก้อยกันดูสวนส้มอย่างมีความสุข
เหมรุจน์ : นันคุณรู้ไหมว่าผมภูมิใจแค่ไหนที่คุณรักสวนส้มรักไร่องุ่นของผม
นันดา : คุณรู้ได้ยังไงว่านันรัก
เหมรุจน์ : ก็คุณดูแลให้ผมอย่างดีจนผมนึกไม่ถึงว่าคุรจะดูแลงานของผมได้อย่างนี้
นันดา : นันสงสารต้นส้มต้นองุ่นหรอกถึงได้มาดูให้
เหมรุจน์ : นันจ๋า
ผมขอโทษคุณจริงๆนะที่ทำให้คุณลำบาก
คุณรู้ไหมผมเกือบจะสารภาพความจริงซะหลายครั้งที่เวลาเห็นคุณร้องไห้คุณเหนื่อย
นันดา : แต่ก็ใจดำแกล้งได้
เหมรุจน์ : ที่ผมแกล้งเพราะจะวัดใจของคนด้วย และก็ได้รู้ซึ้งในธาตุแท้ของคน
***นันดาไม่ถามว่าเขาหมายถึงใครเพราะมันไม่มีประโยชน์ถึงยังไงปาริตากับสุดาดวงก็จากไปแล้ว
***นันดาเก็บลูกส้มขึ้นมาดมเพราะรู้สึกเวียนหัวจะอาเจียน เหมรุจน์รีบพาเธอกลับมาเรือนพัก
เหมรุจน์ : นั่งนะคนดี
ต่อไปนี้ผมจะดูแลคุณบ้าง
นันดา : คุณเอาใจคนเป็นด้วยเหรอคะ
เหมรุจน์ : อ้าว เป็นซี่
นันดา : นันนึกว่าจะแกล้งคนเป็นอย่างเดียว
เหมรุจน์ : แกล้งเพราะรักหรอก
ถ้าไม่รักจะไม่ตอแยด้วยเลย
นันดา : เชื่อก็บ้าแล้ว
เหมรุจน์ : แน๊ะ
ผมพูดจริงๆนะผมน่ะรักคุณ
รักจริงๆไม่โกหกรักตั้งแต่แรกเห็นเลย
แต่คุณสิไม่รักไม่ว่าเกลียดผมซะอีกแหนะ
นันดา : ก็คุณกิตติศัพท์ดีนักนี่แถมผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลัง ปากก็ร้าย
เหมรุจน์ : แต่คุณร้ายกว่า
ยิ่งร้ายผมก็ยิ่งรัก
คิดอยู่อย่างเดียวต้องเอาทำเมียให้ได้ผู้หญิงคนนี้
***นันดาเบ้หน้า เหมรุจน์หัวเราะ
เขาเอามือจับปลายจมูกโด่งแหลมของเธอบีบอย่างมันส์เชียว
เหมรุจน์ : แต่ผมยังเจ็บใจมาจนถึงเดี๋ยวนี้ ที่คุณหลอกผมซะหลายตลบ
นันดา : นันหลอกคุณเรื่องอะไร
เหมรุจน์ : ก็หลอกว่าเป็นเมียไอ้เจ้าแอบนั่นน่ะสิ
นันดา : ใครกันแอบนันไม่รู้จักซะหน่อย
เหมรุจน์ : ก็เจ้าแอบจิตบูรฉัตรไง
แหมแสดงบทรักกันในวันแต่งงานเจ็บใจนักผมก็โง่เชื่อได้ ไม่ได้เฉลียวใจเลย
นันดา : แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าบูรแอบ
เหมรุจน์ : มันมาบอกคุณผมได้ยินเต็มสองหู ว่าจะแปลงเพศผมแทบตกเก้าอี้เพราะผิดคาด
นันดา : เนี่ย นั่งตั้งตาเอียงหูฟังนันคุยกับใครได้ทุกเรื่องเลยสิ
เหมรุจน์ : แหม
ผลพลอยได้
เจ็บตัวครั้งเดียวได้ผลเกินคุ้ม
นันดา : เอาอีกทีไหมละคะ
เหมรุจน์ : ไม่เอาแล้วเดี๋ยวเพี้ยนจริงๆผมก็แย่สิ คุณน่ะมือหนักที่สุดรู้ไหมผมน่ะหลับกลางอากาศเลยนะ ตื่นใหม่ๆก็ลืมบ้านเลขที่เหมือนกัน กว่าจะหายมึนตั้งนาน
นันดา : แล้วทำไมหมอเขาถึงวินิจฉัยว่าคุณสมองถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
เหมรุจน์ : ไม่รู้สิ
หมออยากวินิจฉัยแบบนั้นผมก็เลยสวมรอยกะจะเล่นแค่ไม่กี่วันแต่คุณมีท่าทางห่วงผม ผมก็เลยอยากรู้จิตใจของคุณและทุกๆคนด้วยละครมันก็เลยยาว
นันดา : สนุกมากเลยใช่ไหมเล่นบทปัญญาอ่อน
ให้คนเขาป้อนข้าวป้อนน้ำ
เหมรุจน์ :
กับคนอื่นไม่สนุกแต่กับคุณดีจังเลยจะทำอะไรคุณก็ไม่ขัดขืนขัดใจผมซักอย่าง
***นันดาค้อนตาขาว
เหมรุจน์ : นันจ๋าคืนนี้เรานอนค้างที่สวนนี่นะ
นันดา : ไม่เอายุงชุมจะตายนันแพ้ยุง
เหมรุจน์ :
ก็นอนกางมุ้งสิเดี๋ยวผมให้ใครไปซื้อมุ้งมาให้ที่นอนก็มีแล้ว
นันดา : ทำไมถึงอยากนอนค้างที่นี่ล่ะ
เหมรุจน์ : มีคนเคยขอนอนค้างที่นี่แต่ผมไม่ยอม
ตั้งใจเอาว่าจะเอาไว้เป็นเรือนรักที่บริสุทธิ์สำหรับคนที่ผมรัก สวนของเราบ้านของเรา
***นันดามองใบหน้าที่ยิ้มละไมของเขาชื่นใจกับคำพูดที่ออกมาจากใจของเขาเหลือเกิน สวนของเรา
บ้านของเรา เราที่มีเพียงเขาและเธอเท่านั้น...
จบบริบูรณ์
..........................................................................................